BY Nuttawut Apiratwarakul
27 May 21 12:31 pm

รีวิว Razer BlackWidow V3 Mini HyperSpeed : คีย์บอร์ดไซส์เล็กกะทัดรัดแต่อัดแน่นด้วยคุณภาพ

12 Views

คีย์บอร์ดน้องใหม่ล่าสุดในไลน์อัพ BlackWidow ในขนาดไซส์มินิ 65% Form Factor  เหมาะเป็นอย่างมากกับคนที่กำลังมองหาคีย์บอร์ดไร้สายที่มีพื้นที่จำกัดและต้องการใช้งานเพื่อการเล่นเกมแบบเต็มที่

สำหรับเกมเมอร์คนไหนที่มีพื้นที่บนโต๊ะจำกัดหรือเป็นคนที่ชื่นชอบคีย์บอร์ดขนาดเล็กกะทัดรัดน้ำหนักเบาพกพาสะดวก วันนี้เรามีคีย์บอร์ดที่เรียกได้ว่าตอบโจทย์แบบตรง ๆ และมาพร้อมประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมมาแนะนำกันอีกตัว นั่นก็คือ BlackWidow V3 Mini HyperSpeed จากค่าย Razer ซึ่งเป็นคีย์บอร์ดรุ่นใหม่ล่าสุดจากทีมงูเขียว ที่เจาะตลาดกลุ่มลูกค้าคีย์บอร์ดไร้สายขนาดเล็ก ไปดูจุดเด่นและข้อมูลต่าง ๆ ของคีย์บอร์ดตัวนี้กันเลย

SPEC พื้นฐานของ Razer BlackWidow V3 Mini HyperSpeed

  • Razer™ HyperSpeed Wireless Technology
  • Razer™ HyperSpeed Multi-device Support
  • เชื่อมต่อผ่าน Razer™ HyperSpeed Wireless (2.4 GHz), Bluetooth, หรือ USB-C
  • อายุการใช้งานแบตเตอรี่ 200 ชั่วโมง
  • สวิตช์ Razer™ Mechanical  มีให้เลือกใช้สองแบบคือแบบ Green ในสัมผัส Tactile มีเสียงคลิ๊ก และแบบ  Yellow สำหรับสัมผัส Linear แบบไม่มีเสียงกด
  • Doubleshot ABS Keycaps
  • 80 million keystroke lifespan
  • รองรับ Razer Chroma™ RGB ในการปรับแต่งแสงสี
  • Hybrid On-Board Memory and Cloud Storage – ปรับแต่ง 5 Profile
  • รองรับ Razer Synapse 3
  • N-key roll-over
  • รองรับการโปรแกรมปุ่นและการบันทึก Macro แบบ on-the-fly
  • มีโหมดเกมมิ่ง
  • 1000 Hz Ultrapolling
  • วัสดุ Aluminum

เริ่มกันที่รูปทรงพื้นฐานกันก่อน Razer BlackWidow V3 Mini HyperSpeed มาใน Form Factor หรือรูปร่างขนาดแบบ 65% หรือพูดง่าย ๆ ก็คือนี่จัดเป็นคีย์บอร์ดขนาดเล็กไซส์มินิที่ตัดปุ่ม Numpad รวมไปถึงปุ่ม  F1 – F12 ออกไป  ในส่วนของรูปร่างนั้นก็เล็กกว่าตัว  Razer BlackWidow V3 Tenkeyless ที่เราเคยรีวิวกันไปแล้ว แต่จะใหญ่กว่าพวกคีย์บอร์ด 60% Mini แบบนิดหน่อย

จุดเด่นของเจ้าคีย์บอร์ดตัวนี้ก็เป็นเรื่องของรูปร่างที่โดยปกติแล้วคีย์บอร์ดเกมมิ่งคุณภาพสูงมักจะมีขนาดใหญ่ เป็นรูปทรงแบบเต็ม BlackWidow V3 Mini HyperSpeed เข้ามาเติมช่องว่างสำหรับคนที่มองหาคีย์บอร์ดเล่นเกมคุณภาพสูงที่มีรูปทรงขนาดเล็ก

ตัวคีย์บอร์ดสร้างความประทับใจทันทีตั้งแต่แกะกล่องออกมา ด้วยสีดำและรูปทรงที่โดดเด่นตามเอกลักษณ์ของ Razer ฐานคีย์บอร์ดมาในแบบตัดมุม โดยรวมแล้วตัวบอร์ดมีทรงสูงและหนาแต่ให้ความรู้สึกแข็งแรงทนทาน พกพาไปใช้งานนอกบ้านได้แบบไม่ต้องกลัว  ใต้คีย์บอร์ดยังมาพร้อมตัวฐานยกปรับมุมตั้งได้แบบคีย์บอร์ดเต็ม ๆ ทั่วไป และถึงแม้ตัวคีย์กดจะเป็นพลาสติกแต่ Plate ใต้คีย์ก็เป็นวัสดุ Aluminum และมาพร้อมแผ่นยางกันลื่นใต้ตัวคีย์บอร์ดอีกด้วย

จุดเด่นของคีย์บอร์ดตัวนี้นอกจากรูปทรงขนาดเล็กแล้วก็คือเรื่องการเป็นคีย์บอร์ดแบบไร้สาย ใช้เทคโนโลยี Razer™ HyperSpeed ทำให้มีความรวดเร็วในการส่งสัญญาณเทียบเท่ากับคีย์บอร์ดต่อสายกันเลยทีเดียว ซึ่งการเชื่อมต่อแบบ HyperSpeed จะรองรับผ่านการเชื่อมต่อด้วย Dongle หรือตัวเชื่อมต่อเฉพาะของคีย์บอร์ดเอง ส่วนการเชื่อมต่อแบบสัญญาณ Bluetooth ก็ทำได้เช่นกันแต่อาจจะไม่เหมาะกับการเล่นเกม เป็นการใช้งานสำหรับทำงานทั่ว ๆ ไปมากกว่า

ตัว Dongle เชื่อมต่อของ BlackWidow V3 Mini HyperSpeed นั้นยังรองรับการใช้งานร่วมกับเมาส์ไร้สายของ Razer อีกสามรุ่น คือ รุ่น DeathAdder V2 Pro รุ่น Naga Pro และ รุ่น Orochi V2 ถ้าหากคุณใช้งานเมาส์ในสามรุ่นนี้อยู่แล้วคุณก็สามารถใช้ Dongle ตัวเดียวในการส่งสัญญาณไปให้ทั้งเมาส์และคีย์บอร์ดได้เลย

ซึ่งเทคโนโลยี HyperSpeed นั้นต้องบอกก่อนว่ามีความเร็วที่สูงจริง ๆ เรียกได้ว่าแยกกันแทบไม่ออกเลยระหว่างการใช้งานแบบต่อสายและไร้สาย ในเกมยิงที่ต้องการความเร็วสูงอย่างเกมยิง FPS ไม่ว่าจะเป็น  Call of Duty , Apex Legends , Valorant  หรือในเกมอื่น ๆ เจ้า BlackWidow V3 Mini HyperSpeed ก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจ

ขณะเดียวกันเองด้วยรูปทรงแบบ 65% Form Factor  ก็ทำให้ตำแหน่งปุ่มกดมีความกระชับแนบชิดกันยิ่งขึ้น ใครที่ชอบความเร็วในการพิมพ์และการกดปุ่มจะสนุกไปกับการเล่นเกมด้วยคีย์บอร์ดตัวนี้ แต่ขณะเดียวกันเองเกมเมอร์นิ้วใหญ่ มือใหญ่ก็อาจจะไม่ถนัดกับคีย์ที่อยู่ชิดกันมากขึ้น

ในด้านอายุของแบตเตอรี่นั้นในการทำงานทั่วไปหากไม่เปิดไฟ RGB เราสามารถใช้งาน BlackWidow V3 Mini HyperSpeed ได้ยาวนานหลายสัปดาห์เลยทีเดียว แต่หากคุณเป็นคนที่นั่งอยู่หน้าคอมทั้งวันและเปิดไฟ RGB  ไปด้วยแบบเต็มรูปแบบ อายุของแบตเตอรี่ก็จะอยู่ได้ราว ๆ สามถึงสี่วันต่อการชารจ์แล้วแต่ชั่วโมงการใช้งาน

สำหรับสวิตช์กดของปุ่มคีย์นั้นจะเป็นคีย์ Raze  Mechanical  มีให้เลือกใช้สองแบบคือแบบ Green ในสัมผัส Tactile มีเสียงคลิ๊ก และแบบ  Yellow สำหรับสัมผัส Linear ไม่มีเสียงกด ซึ่งทั้งสองแบบก็พิมพ์และกดได้สนุกนิ้วขึ้นอยู่กับความนิยมและการใช้งาน ซึ่งตัว Yellow จะมีความเงียบเป็นพิเศษเพราะทาง Raze เสริมยางซิลิโคนเอาไว้ใต้สวิตช์เพื่อช่วยลดเสียงอีกชั้น ต้องย้ำกันก่อนว่านี่ไม่ใช่สวิตช์แบบ Optical แต่ศักยภาพและการใช้งานยังให้สัมผัสที่ลงตัวและกดสนุกเหมือนเดิม

ตัวคีย์บอร์ดยังรองรับการเชื่อมต่อกับโปรแกรม Razer Synapse 3 ทำให้สามารถปรับแต่งแสงสี หรือทำการตั้งค่าโปรแกรมปุ่มกดแบบแยกได้ตามต้องการ แถมภายในคีย์บอร์ดยังมาพร้อมหน่วยความจำภายในรองรับการตั้งค่าการใช้งานอีกถึง 5 Profile หรือใครที่ถนัดก็สามารถตั้งค่า Macro ได้แบบสด ๆ แต่ย้ำกันก่อนว่าการปรับแต่งทุกอย่างต้องอาศัยโปรแกรม Razer Synapse 3 แม้แต่การบันทึก Macro แบบ On the Fly ก็เช่นกัน

คีย์บอร์ดในรูปแบบ Mechanical ที่มาในรูปทรงนี้นั้นหาได้ยากในตลาด และยิ่งเป็นรุ่นที่มาพร้อมความเร็วในการเชื่อมต่อไร้สายที่เหมาะกับการเล่นเกมก็ยิ่งหายากเข้าไปอีก เมื่อรวมเข้ากับคุณภาพในการประกอบและวัสุดที่ใส่มาก็ทำให้ BlackWidow V3 Mini HyperSpeed จัดเป็นคีย์บอร์ดที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ อีกหนึ่งตัวสำหรับเกมเมอร์และอยู่ใน Form Factor ที่ยังไม่มีคู่แข่งในตอนนี้

Razer BlackWidow V3 Mini HyperSpeed เริ่มออกวางจำหน่ายแล้วในราคา 180$ ใครที่สนใจหรืออยากอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมก็เข้าไปชมกันได้ในเว็บไซต์หลักของ Razer ตรงนี้ https://www.razer.com/gaming/keyboards/razer-blackwidow-v3-mini-hyperspeed

ข้อดี 

ขนาดเล็ก ทรง 65% ที่ทั้งกะทัดรัดและใช้งานได้จริง

มาพร้อมคุณภาพการประกอบและศักยภาพความเร็วที่สูงเหมาะกับการเล่นเกม

อายุแบตเตอรี่ยาวนาน (ถ้าไม่เปิดไฟ RGB)

ข้อด้อย

ถ้าเปิดไฟ RGB แบตเตอรี่จะหมดเร็วมาก

Dongle เฉพาะตัวรองรับเมาส์ร่วมน้อยไปหน่อย

 

Nuttawut Apiratwarakul

โน้ต - Co-Founder / Editor-in-chief

Back to top