BY Zreast
11 Mar 23 11:44 am

10 เทคนิคเบื้องต้นของ Wo Long: Fallen Dynasty สู่การพิชิตสมรภูมิยุคสามก๊ก

459 Views

วางจำหน่ายมาแล้วสักพักสำหรับเกมแอ็กชันสุดดุเดือดอย่าง Wo Long: Fallen Dynasty ซึ่งแม้ว่าสภาพจะค่อนข้างทุลักทุเลกับปัญหาด้านประสิทธิภาพบน PC แต่ในแง่เกมเพลย์ก็ยังถือว่าสนุกจนชวนให้ใจเต้นได้อยู่บ่อยครั้ง

และขึ้นชื่อว่าเป็นเกม Souls-like จาก Team Ninja ก็แน่นอนว่ามันยังเต็มไปด้วยความตึงมืออยู่หลายจุด ขนาดที่ว่าบอสตัวแรกก็จัดเต็มไม่มีปรานีผู้เล่นกันแล้ว ดังนั้นบทความนี้จะพาไปแนะนำ 10 วิธีที่จะทำให้คุณปรับตัวเข้ากับเกม ใช้เวลาคุ้มค่ามากขึ้น เพื่อมุ่งหน้าสู่การพิชิตสมรภูมิในโลกสามก๊ก และกลายเป็นยอดฝีมือได้ในเร็ววัน

1. ทำความคุ้นเคยกับระบบ Deflect

Wo Long: Fallen Dynasty

อาจกล่าวได้ว่าการกด Deflect (O บนจอย PlayStation, B บนจอย Xbox) คือหัวใจสำคัญที่สุดของเกมนี้เลยก็ว่าได้ หากจะเล่นไปให้ตลอดรอดฝั่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางหนีพ้น

โดยปัจจัยหลักที่จะช่วยให้เรา Deflect ได้แม่นยำ นั่นคือเราต้องทำความคุ้นเคยกับท่าโจมตีของศัตรู รู้ว่าท่าใดจะโจมตีถึงตัวเราเร็ว-ช้าแค่ไหน จากนั้นจึงจับจังหวะแล้วกด Deflect ให้ถูกต้อง

แต่สำหรับใครที่ยัง Deflect ไม่แม่น ก็ยังพอจะมีกลยุทธ์อื่น ๆ ให้ใช้ในระหว่างสู้อยู่ด้วย ดังต่อไปนี้

  • กด R1+O / RB+B แทนการ Deflect แบบปกติ – การกดปุ่มดังกล่าว ตัวละครของเราจะสลับไปใช้อาวุธอีกชิ้นแล้วโจมตีต่อทันที และในระหว่างนี้จะสามารถ Deflect ได้ด้วยไปในตัว ซึ่งในบางโอกาสอาจพบว่าการกด Deflect แบบนี้จะติดได้ง่ายกว่าปกติ และหากเป็นเช่นนั้น จะเก็บวิธีนี้ไว้เป็นทางเลือกก็ไม่เสียหาย
    * แต่อย่ากดสู้กับการโจมตีแบบเป็นชุด เพราะถ้า Deflect ด้วยวิธีนี้จะใช้เวลาออกท่าทางนาน และอาจไม่ทัน Deflect ใน Hit ถัดไป *
  • เน้นกลิ้งออกห่างศัตรู – หากกด Deflect สองครั้ง ตัวเราจะเปลี่ยนเป็นการกลิ้งหลบแทน ซึ่งถ้ากลัวว่าเราจะ Deflect ไม่ติด ก็ลองวัดดวงกับการหลบออกมาให้พ้นจากระยะโจมตีแทนได้
  • Hit and Run – เลือกใช้ท่าที่พุ่งเข้าหาศัตรูได้ไว ๆ จากนั้นรีบฉวยโอกาสโจมตี แล้วถอยกลับมาในระยะปลอดภัย โดยกลยุทธ์นี้เราอาจจะให้ NPC ช่วยรับหน้ากับศัตรูแทนได้
  • ฟาร์มให้เลเวลเยอะกว่าที่ภารกิจแนะนำ และเน้นอัปธาตุไม้ (Wood) เป็นหลักเพื่อเพิ่ม HP – เพราะเมื่อเรามี HP เยอะ ก็จะมีโอกาสตั้งหลักได้ง่ายขึ้นเมื่อ Deflect พลาดแล้วถูกโจมตี

2. อย่าเก็บ Genuine Qi ไว้กับตัวเยอะเกินไป

เช่นเดียวกับเกม Souls-like เกมอื่น ๆ , กฎเหล็กของ Wo Long ก็คืออย่าพยายามพกสิ่งสำคัญอย่าง Genuine Qi ติดตัวไปในปริมาณเยอะ ๆ เพราะเราไม่รู้เลยว่าเมื่อใดที่จะพลาดท่าตายขึ้นมา จนเสียโอกาสอัปเลเวลโดยใช่เหตุ

โดยเมื่อเราเห็นว่าตัวเลขของ Genuine Qi กลายเป็นสีเหลือง นั่นแปลว่าเราสามารถใช้มันอัปเลเวลได้แล้ว ก็ให้กลับไปที่ธงแล้วจัดการใช้ให้เรียบร้อย ซึ่งถ้ารู้สึกว่ากำลังอยู่ในจุดอันตราย ก็ให้กดใช้ไอเท็ม “Mystic Crane” เพื่อวาร์ปกลับไปที่ธงอันล่าสุดอย่างปลอดภัย

และถ้ากลัวว่าเราจะหลุดเข้าไปในห้องบอสก่อนจะได้อัปเลเวล ก็ให้สังเกตที่มุมบนขวาของหน้าจอ ว่าตัวเลขของธงหลักนั้นครบจำนวนแล้วหรือยัง (ธงที่สามารถกด Rest เพื่ออัปเลเวล) เช่น 6/6 หรือ 7/7, ซึ่งถ้าครบแล้ว นั่นแปลว่าประตูถัดไป / พื้นที่ถัดไปจากธงอันล่าสุดก็จะเป็นบอสประจำด่านแล้ว (แต่บางด่านอาจจะมีบอสย่อยมาให้สู้ระหว่างทางด้วย)

ทั้งนี้ถ้าเราไม่รีบเล่นจนเกินไป ก็จะสำรวจเจอธงหลักได้ครบทุกจุดในภารกิจอย่างค่อนข้างจะแน่นอน จึงไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องจำนวนธงมากนัก

และกรณีที่เราเห็นว่ากำลังขาด Genuine Qi ไปอีกแค่นิดเดียวก็จะถึงเกณฑ์อัปเลเวลได้แล้ว ก็ให้กดใช้ไอเท็มประเภท Genuine Qi Fragment / Clot / Crystal ที่เราเก็บมาได้เลย เพื่อเพิ่มค่า Genuine Qi จนกว่าจะเพียงพอต่อการอัปเลเวล

3. ค่า Morale สำคัญเป็นอย่างยิ่ง

นอกเหนือจากค่า Status, การอัปเกรดอาวุธและชุดเกราะแล้ว ค่า Morale ก็คืออีกสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในเกมนี้ ยิ่งเรามี Morale เยอะเท่าไร เราก็จะยิ่งโจมตีได้หนัก และโดนศัตรูโจมตีเบาลงกว่าเดิม ซึ่งจะเห็นความต่างชัดเจนมากระหว่าง Morale 0 กับ 10-20 เช่นเดียวกันกับฝั่งศัตรู ที่ในช่วงท้าย ๆ ภารกิจก็จะมี Morale สูงขึ้น และโจมตีได้หนักข้อยิ่งขึ้นด้วย

ดังนั้นแล้ว สิ่งสำคัญในแต่ละภารกิจคือการรักษาค่า Morale ให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามหลบเลี่ยงท่าโจมตีสีแดง (Fatal Strike) จากลูกน้องระหว่างทาง เพราะหากโดนโจมตีแล้วก็อาจทำให้ค่า Morale ลดลงได้ถึง 1 ระดับเลยทีเดียว

ซึ่งถ้ายังไม่คุ้นเคยกับท่าโจมตีสีแดงของศัตรูตัวใด ก็ใช้วิธีกลิ้งหลบออกมาห่าง ๆ ไปก่อน เพราะถ้าเราเลือก Deflect แล้วพลาดถูกโจมตีขึ้นมาก็จะไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไปเท่าไรนัก

ทั้งนี้ สำหรับใครที่ขยันสำรวจฉากแบบละเอียดทุกตารางนิ้ว ก็จะไม่จำเป็นต้องระวังเรื่อง Morale มากนัก เพราะในเกมมีระบบที่เรียกว่า “Fortitude” อยู่ด้วย การปักธงในแต่ละครั้งจะเพิ่มค่า Fortitude ขึ้นเรื่อย ๆ และค่า Morale ของเราจะไม่มีทางลดลงต่ำกว่า Fortitude อย่างแน่นอน ซึ่งถ้าเราตามหาและปักธงได้ทั้งหมดในฉาก ก็จะมีค่า Morale/Fortitude อยู่ที่ 20 เพียงพอสำหรับการสู้บอสแบบไม่ตึงมือจนเกินไปแล้ว

4. เก็บ Copper ไว้ใช้อัปเกรด และซื้อ Five Minerals Powder

Copper คือค่าเงินในเกมนี้ โดยนอกจากจะเอาไว้ใช้จ่ายเป็นค่าอัปเกรด ก็ยังใช้เพื่อซื้อลูกธนู, ระเบิด และไอเท็มประเภทกดใช้จากที่ธงของเราได้ด้วย

แม้ว่าโชคยังดีที่ตัวเราตายแล้วจะไม่เสีย Copper ไปแต่อย่างใด ทว่า Copper ก็ไม่ได้มีแบบเหลือใช้มากนัก ดังนั้นผู้เขียนจึงแนะนำว่าไม่ควรใช้ซื้ออะไรเลย นอกจากใช้เพื่ออัปเกรด และซื้อไอเท็ม “Five Minerals Powder” (ราคา 30,000 Copper) ให้มีติดตัวไว้ 1 ชิ้นเสมอ

สาเหตุที่ควรมีไอเท็มนี้ติดตัว เพราะเมื่อกดใช้แล้วจะทำให้ตัวเราไม่เสียค่า Morale เมื่อตาย และสืบเนื่องจากข้อ 3 ที่ว่าค่า Morale นั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้นการกดใช้ Five Minerals Powder ก่อนทุกครั้งเพื่อสู้กับบอสที่ยังไม่มั่นใจ จะทำให้เมื่อถึงคราวที่เราพลาดท่าตายขึ้นมา ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปฟาร์ม Morale ให้กลับมาอยู่ในระดับ 20 เพื่อสู้กับบอสใหม่อีกรอบ

5. ควรเรียก NPC มาช่วยสู้อยู่เสมอ

Wo Long: Fallen Dynasty ไม่ใช่แค่เกมจังหวะเร็ว แต่ท่าโจมตีของเหล่าบอสก็ต่อเนื่องและแทบไม่มีช่องว่างสำหรับหายใจหายคอ ดังนั้นถ้ามี NPC มาช่วยเบี่ยงเบนความสนใจไปได้บ้าง ก็จะทำให้อะไร ๆ ง่ายขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการกินยาฟื้น HP, ยืนพักเพื่อฟื้นค่า Spirit Gauge (เกจสีส้มด้านล่าง HP) หรืออ้อมเข้าไปโจมตีฟรีจากด้านหลัง

นอกจากนี้แล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ควรทำทุกครั้งก่อนเริ่มสู้กับบอส คือการกดปุ่ม R1/RB ตามด้วยลูกศรขึ้นหรือลง เพื่อสั่งให้ NPC ของเราเข้าไปลุยกับบอสก่อน วิธีนี้จะลดโอกาสเจ็บตัวในช่วงแรก และเปิดจังหวะให้โจมตีฟรีได้มากทีเดียว

อย่างไรก็ตาม การเรียก NPC แต่ละครั้งก็ต้องมีไอเท็ม Tiger Seal เป็นค่าใช้จ่ายด้วย โดยสามารถเข้าไปดูวิธีการฟาร์ม Tiger Seal รวมถึง Cup of Cordiality สำหรับเพิ่มค่าความสัมพันธ์ของ NPC กันได้ที่บทความนี้

6. ถ้าสู้บอสในเนื้อเรื่องไม่ไหว ให้ถอยกลับมาฟาร์มก่อนได้เลย

แม้จะฟังดูเป็นอะไรง่าย ๆ แต่ความหมายของข้อนี้คือเราสามารถ “ข้ามไปฟาร์มที่ Map อื่น” ก่อนได้เลย เพราะเกมจะเก็บความคืบหน้าล่าสุดเอาไว้ว่าเราเล่นไปจนถึงธงไหนแล้ว รวมถึงค่า Morale ด้วยเช่นกัน

ดังนั้นถ้ารู้สึกว่าค่า Status เราน้อยเกินไป หรืออยากถอยกลับมาอัปเกรดอาวุธ/ชุดเกราะก่อน ก็แวะไปทำได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลกับภารกิจหลัก ซึ่งถ้าหากว่าใครกำลังมองหาจุดฟาร์มเลเวลเหมาะ ๆ อยู่ ทั้งในช่วงต้นเกม-กลางเกม ไปจนถึงราว ๆ ท้ายเกม ก็เข้าไปดูบทความของเรากันได้ที่นี่

7. ภารกิจย่อยคือทางลัดของการอัปเกรด

สำหรับภารกิจย่อยในเกมนี้ ยังคงมาในรูปแบบเดิมที่ Team Ninja ชอบทำอยู่เสมอ นั่นคือการตัดเอาส่วนใดส่วนหนึ่งของแผนที่จากภารกิจหลักมาจัดวางตำแหน่งศัตรูและไอเท็มใหม่ และให้เราทำเป้าหมายให้สำเร็จภายในระยะเวลาสั้น ๆ

โดยภารกิจย่อยเกือบทั้งหมดของเกมนี้ ก็จะการันตีของรางวัลเป็นไอเท็ม Steel / Leather ซึ่งใช้อัปเกรดอาวุธและชุดเกราะของเรา ดังนั้นจึงควรสำรวจตัวเองอยู่เสมอ ว่าขณะนี้กำลังขาดไอเท็ม Steel / Leather ใน Rank ใดอยู่ และขาดไปกี่ชิ้น จากนั้นก็มาไล่หาในเมนูภารกิจย่อยว่ามีรางวัลที่เราต้องการอยู่หรือไม่ แล้วเข้าไปทำให้เรียบร้อย

ซึ่งถ้ามีภารกิจย่อยที่ให้รางวัลแบบเดียวกันอยู่มากกว่า 1 ก็ให้ลองเล่นทั้งหมดไปเลย แล้วชั่งน้ำหนักว่าภารกิจใดที่เล่นจบไวกว่า ยิ่งถ้าไม่ต้องสู้กับบอสเลย หรือบอสสู้ได้ง่ายก็จะยิ่งเป็นผลดี

8. ไม่ต้องเสียดายหากจะอัปเกรดไอเท็ม

สืบเนื่องจากข้อ 7 จะเห็นว่าในเกมนี้สามารถตามหาไอเท็มมาอัปเกรดอาวุธ / ชุดเกราะได้ง่ายมาก และการันตีจำนวนที่แน่นอนด้วย ดังนั้นจึงสามารถหามาทดแทนใหม่ได้เสมอตราบใดที่เรามีเวลา และการที่เราได้ลองอาวุธใหม่ ๆ ก็อาจจะทำให้เจอกับแนวทางใหม่ในแบบของตัวเอง ที่ช่วยให้พิชิตเกมนี้ได้ง่ายขึ้นอีกขั้น

นอกจากนี้ ใน Wo Long ยังมีระบบย่อยอาวุธ/ชุดเกราะอยู่ด้วย ถ้าเห็นไอเท็มใดที่เราคาดว่าจะไม่ใช้อยู่แล้ว ก็ให้ย่อยทิ้งได้เลยแบบไม่จำเป็นต้องเสียดาย (ต่อให้เป็นอาวุธ 3 หรือ 4 ดาวก็ตาม)

โดยในเมนู Salvage ของ NPC ช่างตีเหล็ก, เราสามารถกดจัดเรียงไอเท็มตามลำดับที่ต้องการได้ (เช่น เรียงตามความหายาก) และเมื่อกดปุ่มสามเหลี่ยม/Y ค้างไว้ แล้วเลื่อนลูกศรลากยาวลงมา ระบบก็จะติ๊กเลือกไอเท็มเหล่านั้นรอไว้ให้ จากนั้นก็สามารถกดย่อยพร้อมกันทีละหลาย ๆ ชิ้นได้ทันทีแบบไม่เสียเวลา

ซึ่งการย่อยไอเท็มในลักษณะนี้ จะทำให้เราได้ Steel / Leather สำหรับอัปเกรดมาด้วยในบางครั้ง ซึ่งถ้าทำแบบนี้ไปนาน ๆ เข้าก็จะมีให้ใช้แบบเพียงพอ ชนิดที่ไม่ต้องหาฟาร์มจากภารกิจย่อยอีกเลย

9. ไม่ต้องกลัว Build พัง เพราะเราปรับเปลี่ยน Stat ได้เรื่อย ๆ

เมื่อเราเคลียร์ภารกิจหลัก “In Search of the Immortal Wizard” ลงแล้ว ตัวละคร Zuo Ci จะมาปรากฏที่หมู่บ้าน Hidden Village และเราสามารถพูดคุยกับเขาเพื่อปรับเปลี่ยนค่า Status ไป ๆ มา ๆ ได้ทุกเมื่อ

ดังนั้นก็ต้องบอกว่า Wo Long ค่อนข้างใจดีกับผู้เล่นในส่วนนี้มากทีเดียว เพราะเกมส่วนใหญ่จะต้องการข้อแลกเปลี่ยนในการ Reset ค่า Status แต่เกมนี้กลับสามารถทำได้ฟรี จึงช่วยมอบความกล้าให้เราได้ลอง Build ใหม่ ๆ เพื่อตามหาสไตล์การเล่นที่เหมาะกับตัวเองที่สุด

10. อัปเกรดตัวเองทุกครั้งหลังจบภารกิจหลัก

สำหรับ Wo Long, ยิ่งเราเล่นเนื้อเรื่องไปไกลมากเท่าไร ก็จะพบว่าศัตรูนั้นเก่งแบบห่างชั้นกว่าเดิมขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นทุกครั้งที่จบภารกิจหลักลงแล้วก็อย่าเพิ่งรีบเล่นต่อ แต่ให้เดินไปที่ธงแล้วกดเปิดเมนู Travel ขึ้นมาดูก่อน ว่ามีภารกิจย่อยใหม่ ๆ อะไรให้ทำบ้าง เพราะไม่แน่ว่าอาจจะมีภารกิจที่มอบ Steel / Leather ใน Rank สูงกว่ามาให้เราได้อัปเกรดเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็ให้รีบคว้าโอกาส กระโดดเข้าไปแวะฟาร์มก่อนทันที

นอกเหนือจากอาวุธและชุดเกราะ ก็ยังรวมไปถึงการสำรวจเลเวลของตัวเราด้วยเช่นกัน ให้คอยเช็คว่าเลเวลที่แนะนำสำหรับภารกิจนั้นอยู่ที่เท่าใด ซึ่งถ้าเราสามารถฟาร์มไปให้เกินจากระดับแนะนำได้ก็จะเป็นประโยชน์มาก

อีกหนึ่งจุดที่บางคนอาจพลาดไป นั่นคือการหมั่นเช็คไอเท็ม “Dragon Vein Crystal” และ “Dragon Vein Essence” บ่อย ๆ (ก้อนสีเขียว ๆ อยู่ในหมวดไอเท็มกดใช้) สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพในการใช้ยาฟื้นฟู HP ดังนั้นถ้ามีอยู่กับตัวก็ควรกดใช้ไปเลยทันที และอีกข้อที่ควรทราบก็คือ 2 ไอเท็มนี้จะถูกวางอยู่ตามภารกิจย่อยด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราควรแวะทำภารกิจย่อยใหม่ ๆ อยู่เสมอ

และทั้งหมดนี้คือ 10 เทคนิคเบื้องต้นที่เรายกมาแนะนำ โดยหวังว่าจะช่วยให้ผู้อ่านได้ประหยัดเวลากันไม่มากก็น้อย เพื่อที่จะได้เพลิดเพลินไปกับการปะฉะดะในสมรภูมิสามก๊กอันดุเดือดของ Wo Long: Fallen Dynasty ซึ่งทีมงานก็ยืนยันแล้วว่าจะมี DLC มาให้มันส์กันต่ออีกแน่นอนตลอดปี 2023 นี้

SHARE

Satthathan Chanchartree

ฟ่าง - Content Writer

Back to top