BY Aisoon Srikum
23 Jun 22 4:52 pm

Cuphead เกมหัวถ้วยสุดหัวร้อน ที่ผู้สร้างเดิมพันอนาคตตัวเองไปกับเกมนี้

55 Views

ไม่ว่าจะทำเกมเล็ก หรือเกมใหญ่ เหล่าผู้สร้างทุกคนล้วนต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ต้องเจออย่างแน่นอน นั่นคือเรื่องของทุนสร้างในการพัฒนา ยิ่งถ้าไม่ใช่ทีมทำเกมใหญ่ ๆ ที่มีเงินทุนหนุนหลัง กว่าจะเข็นกันออกมาได้แต่ละเกมนั้น อาจจะต้องทุ่มกันหมดหน้าตัก เพื่อผลงานเกมหนึ่งเกมเลยก็ได้ และเกมที่เราจะหยิบยกมาพูดกันวันนี้ คือเกมที่ทางผู้พัฒนา แทบจะเดิมพันอนาคตทั้งชีวิตไปกับเกมนี้ และนี่คือเกมหัวถ้วยสุดหัวร้อนที่มีชื่อว่า Cuphead

รับฟังเสียงตอบรับ จนต้องรื้อเกมทำใหม่เกือบหมด

2022 06 23 164852

Studio MDHR คือสตูดิโอทำเกมอินดี้จากประเทศแคนาดา ที่เริ่มต้นโปรเจกต์เล็ก ๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยหัวใจของสองนักพัฒนาที่เป็นพี่น้องกัน คือ Chad และ Jared Moldenhauer และเกมนี้ใช้เวลาในการพัฒนากันมาอย่างยาวนานมาก ตามประวัติแล้ว สองพี่น้องเริ่มสร้างเกมนี้กันมาตั้งแต่ปี 2010 โดยไม่มีออฟฟิศ ไม่มีสตูดิโอ แต่สองพี่น้องเริ่มทำเกมนี้จากบ้านของพวกเขาเอง โดยเกมนี้ได้แรงบันดาลใจจากการ์ตูนยุคคลาสสิคของอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็น Disney, Fleischer หรือผลงานของเหล่านักเขียนชื่อดังอย่าง Ub Iwerks, Grim Natwick และอื่น ๆ อีกมากมาย

ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติในการทำเกมที่จะได้รับ Inspiration ต่าง ๆ จากหลากหลายสื่อ แต่หลังจากมันเปิดตัวไปในงาน E3 2014 ตัวเกมก็ได้รับความสนใจอย่างมากมาย แต่จุดพลิกผันของพวกเขา คือการนำตัวเกมไปเปิดตัวอีกครั้งในปี 2015 พร้อมเผยเกมเพลย์จริง ๆ  มันทำให้เกมนี้กลายเป็นกระแสในวงกว้าง และกลายเป็นเกมที่แฟนเกมรอคอยกันมากที่สุด และตอนนั้น ความคาดหวังก็ผู้คนก็เริ่มลดลง เมื่อรู้ว่า Cuphead เป็นเกมที่เน้นปะทะกับบอส ไม่มีการแพลตฟอร์มใด ๆ เลย ผู้คนก็เริ่มผิดหวัง และความตื่นเต้นต่อตัวเกมก็ลดน้อยลง

2022 06 23 164921

สาเหตุเพราะ สองพี่น้อง Moldenhauer ตั้งเป้าเอาไว้ว่า พวกเขาอยากจะทำลายสถิติ Guinness World Record ที่จะเป็นเกมที่มีการต่อสู้กับบอสมากที่สุด โดยใส่การปะทะบอสเข้าไปกว่า 30 ครั้ง ในขณะที่เจ้าของสถิติเดิมอย่าง Alien Soldier นั้น ทำไว้ที่ 25 ครั้ง แต่เมื่อกระแสตอบรับไม่ค่อยดีเท่าที่ควร พวกเขาจึงตัดสินใจรื้อเกมทำใหม่ทั้งหมด และส่งผลให้ตัวเกมล่าช้าไปหลายปี และถึงขั้นที่ว่าทีมพัฒนาต้องเอาบ้านไปจำนองเอาไว้ เพื่อนำเงินมาสานฝันในการทำเกมนี้ต่อไป

ในความจริงตอนแรกนั้น เกมมันเข้าใกล้จุดที่พวกเขาอยากให้เป็นมากแล้ว แต่หลังจากฟังเสียงตอบรับ พวกเขาเผยว่า ไม่ได้ทุ่มเทการสร้างฉากต่าง ๆ ภายในเกม เพื่อลดกระแสแง่ลบ แต่มันเป็นสิ่งที่พวกเขาอยากจะทำแต่แรก แต่ขาดแคลนทรัพยากรในการสร้าง และพัฒนาเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่ได้อยากทุ่มเทมากจนเกินไปกับโปรเจกต์เกมที่ยังไม่รู้ชะตากรรมในอนาคต

ความจริงคือ เราเริ่มต้นทำ Cuphead กันแค่ 3 คน แถมทำแค่ในช่วงสุดสัปดาห์เท่านั้น เรารู้ดีว่าเราเป็นทีมเล็ก ๆ ก็ต้องมีขอบเขตเล็ก ๆ มีบอสแค่ไม่กี่ตัว มีอาวุธ 2-3 อย่างเท่านั้น แต่พอเรานำเกมไปโชว์ที่ E3 2015 กระแสตอบรับมันดีอย่างเหลือเชื่อ

  • Chad Moldenhauer

เดิมพันอนาคตด้วยการลาออกจากงาน เอาบ้านไปจำนอง

2022 06 23 165007

หลังจากกระแสตอบรับในปี 2015 พวกเขาตัดสินใจที่จะเดินรอยตามความฝันของพวกเขาอย่างเต็มที่ และตั้งใจที่จะทุ่มเทหมดหน้าตักเพื่อเกมนี้ พวกเขาตัดสินใจ ลาออกจากงาน และนำบ้านไปจำนอง และค่อย ๆ เริ่มขยายทีมในการพัฒนาเกม พวกเขารู้ว่ามันคือโอกาสที่จะทำเกมที่พวกเขาอยากทำมาโดยตลอด แทนที่จะเป็นเกมที่ตัดโน้นตัดนี่ออกเพราะทรัพยากรไม่เพียงพอ และพวกเขารู้ดีว่า มันคือความเสี่ยงครั้งใหญ่ในชีวิต โดยเฉพาะในตอนนั้นที่ Hello Games เปิดตัว No Man’s Sky และพังไม่เป็นท่า มันกลายเป็นตัวอย่างชั้นดี ที่ทำให้สองพี่น้อง Moldenhauer ต้องพยายามทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างลงไปในเกม

เมื่อตัดสินใจขยายทีมแล้ว สองพี่น้อง Moldenhauer ได้รับคนเพิ่ม ขยายทีมทำเกม เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำเกมสเกลขนาดใหญ่ให้สำเร็จได้ด้วยคนเพียง 3 คน ทำให้ StudioMDHR มีทีมงานเพิ่มเป็น 20 คน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ปราการด่านใหญ่ของการทำเกมนี้คือ การออกแบบงานศิลป์ของมันนั่นคือการออกแบบให้ดูเหมือนการ์ตูนยุคปี 1930

ตอนเด็ก ๆ พวกเราดูเทป VHS ของการ์ตูนเก่าอย่าง Popeye, Betty Boo และอีกมากมาย สไตล์ศิลปะเรานั้น ฝังอยู่ในหัวเราเสมอ

สองพี่น้องสร้างเกมนี้ขึ้นด้วยแนวคิดเกมแบบ Run & Gun เพราะพวกเขาชื่นชอบเกมคลาสสิคอย่าง Contra และ Gunstar Heroes มาก และยังชื่นชอบการ์ตูนเก่า ๆ อย่างพวก Popeye อีกด้วย ช่วงแรกทีมงานออกแบบงานศิลปะต่าง ๆ มากมาย และจบลงด้วยการทำกราฟิกแบบการ์ตูนแอนิเมชั่นเซลอย่างที่เราเห็นกัน แต่ปัญหาคือ การจะทำภาพให้ได้แบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพด้วยดินสอ หมึก ภาพวาดสีน้ำ ทุกเฟรมแอนิเมชั่นในเกมนี้ สร้างขึ้นด้วยมือจริง ๆ ไม่มีการใช้เทคนิคสมัยใหม่ หรือซอฟต์แวร์ใด ๆ แต่เป็นการสร้างแต่ละเฟรมด้วยการวาดขึ้นมาล้วน ๆ และปัญหาคือ ถ้าต้องแก้ไขภาพ มันจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ทุกการกระทำที่ต้องแก้ไขจะต้องวาดใหม่ตั้งแต่ต้น

2022 06 23 165042

ทำให้เกมนี้ต้องวางแผนในการสร้างและทดลองซ้ำ ๆ หลายครั้งก่อนทุกอย่างจะเข้าสู่กระบวนการพัฒนาจริง และพวกเขาต้องระลึกเสมอว่า หากต้องการเพิ่มอะไรใหม่ ๆ เช่นท่าโจมตี สกิล หรืออะไรก็ตาม อาจทำให้ต้องสร้างแอนิเมชั่นเพิ่มอีกกว่า 30 เฟรม ซึ่งมันไม่ใช่งานเบา ๆ เลย แต่การออกแบบเกมด้วยวิธีนี้ ทำให้ไอเดียของสองพี่น้องเริ่มแปลกใหม่มากขึน พวกเขาสามารถออกแบบตัวละครเพี้ยน ๆ ประหลาด ๆ ได้ แต่มันก็ต้องแลกมากับการสร้างจำนวนเฟรมแบบสุด ๆ ทำให้ขั้นตอนเหล่านี้ กินเวลานานมาก ๆ จนแฟน ๆ ต้องรอกันจนถึงปี 2017 กว่าจะได้เล่นกัน

ประสบความสำเร็จสมกับการเดิมพัน

Ss 874f2d27a9120ee60cbce0c7bd4085525fd09b26.1920x1080

เรียกได้ว่าการเดิมพันหมดหน้าตักของสองพี่น้อง Moldenhauer นั้น ประสบความสำเร็จอย่างมาก หากเอาแค่ช่วงเปิดตัวในช่วงปี 2014 ไปจนถึงปี 2016 นั้น สื่อหลายสำนักต่างมองว่า มันคือเกมที่โดดเด่นอย่างมาก และแม้ว่าเกมจะยังไม่ออก แต่ในปี 2016 มันก็ได้รับรางวัล Best Independent Game ด้วย และจุดแข็งของเกมนี้คือความยากของมันที่ชวนหัวร้อนและปาจอยทิ้งไม่แพ้กับเกมตระกูล Souls เลยทีเดียว แต่สื่อหลากหลายสำนักได้บอกว่า มันคือความยากที่ยุติธรรม และเกมเมอร์ทุกคนก็ยินดีที่จะฝ่าฟันความยากนี้ แถมงานศิลป์ที่ออกแบบด้วยมือก็ทำให้มันกวาดคำชมไปอีกมากมาย

และหลังจากวางจำหน่ายไปเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น ตัวเกมก็ทำยอดขายทะลุ 1 ล้านชุดทั่วโลก และหลังผ่านไปประมาณปีครึ่งในเดือนกรกฎาคม 2019 มันก็กวาดยอดขายไปถึง 4 ล้านชุด และทะลุ 5 ล้านชุดหลังวางจำหน่ายครบ 2 ปี นอกจากนั้น สองพี่้นอง Cuphead และ Mugman ยังเดินหน้ากวาดรางวัลต่าง ๆ มาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Best Games of 2017 / ติดอันดับ 9 ของ 25 เกมที่ดีที่สุดในปี 2017 ของ GamesRadar ได้รางวัล Best Xbox One Game และรางวัลการออกแบบงานศิลป์ เกมยอดเยี่ยม เกมแพลตฟอร์มยอดเยี่ยม และอีกมากมาย

สานต่อความสำเร็จด้วยแอนิเมชั่น Netflix และ DLC ตัวล่าสุด

Ss 00a75339a821b3ca9abe389662f590a61349d9e2.1920x1080

การประสบความสำเร็จของ Cuphead ทำให้มันได้รับการสานต่อ เริ่มกันที่แอนิเมชั่น Cuphead & Mugman ของ Netflix ที่ถูกนำไปทำเป็นการ์ตูนซิทคอมแบบขำ ๆ เอาฮา แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากจากแฟนเกมและแฟนซีรีส์ และกำลังจะมี Season 2 ตามออกมาให้เราได้ดูกัน สำหรับบ้านเราก็รอชมกันได้ หรือใครยังไม่ได้ดู Season 1 ก็ตามไปดูกันได้บน Netflix ทั้งในรูปแบบเสียงพากย์ไทยและบรรยายไทย

และที่ขาดไม่ได้เลยคือ DLC ใหม่ของเกมที่เลื่อนวางจำหน่ายมายาวนานกว่า 4 ปี กับ The Delicious Last Course ที่จะเพิ่มฉากใหม่ บอสใหม่ รวมไปถึงตัวละครใหม่อย่าง Chef Saltbaker เข้ามา โดยจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยรวบรวมผสมให้ Chef Saltbaker นำมาปรุงอาหาร และเราจะได้เล่นเป็นตัวละครใหม่อย่าง Ms.Chalice ที่มีความสามารถและสกิลการโจมตีแบบใหม่ มีอาวุธใหม่ให้ใช้งาน และมีบอสระดับ Super-Sized อีก 5 ตัวด้วย

เรียกได้ว่า Cuphead นั้น เป็นผลงานที่ทางสองพี่น้อง Moldenhauer ทุ่มเททำหมดหน้าตักและประสบความสำเร็จอย่างมาก ใครที่ยังไม่เคยเล่น นี่คืออีกหนึ่งเกมหัวถ้วย ที่จะจุดไฟบนหัวคุณให้ร้อนได้ จากความยากและความกวนโอ๊ยของมันที่ดูผิดกับดีไซน์เกม ใครที่สนใจ สามารถไปหามาเล่นกันได้บน PC และ Console ได้แล้ววันนี้ ส่วน DLC The Delicious Last Course นั้น จะมาในวันที่ 30 มิถุนายนที่จะถึงนี้

SHARE

Aisoon Srikum

Back to top