BY StolenHeart
23 Apr 19 11:35 am

25 เรื่องชวนทึ่งของซีรีส์ Mortal Kombat

64 Views

เชื่อว่าวันนี้หลายคนน่าจะได้เพลิดเพลินกับ Mortal Kombat 11 กันแน่นอน ซึ่งสำหรับซีรีส์นี้ก็เป็นซีรีส์ที่อยู่คู่กับเหล่าเกมเมอร์และวงการเกมต่อสู้มานานหลายทศวรรษ มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นทั้งในด้านที่ดีและแย่และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการเกมมากมาย วันนี้เราจะมาดูกันว่า เรื่องน่ารู้ที่เกี่ยวข้องกับเกม ๆ นี้มีอะไรกันบ้าง

1. Mortal Kombat ถือกำเนิดขึ้นจากผู้สร้างและออกแบบเกมเพียงห้าคน โดยในสมัยนั้นมี Ed Boon เป็นโปรแกรมเมอร์ และ John Tobias เป็นผู้ทำกราฟฟิก ส่วนที่เหลือคือ John Vogel เป็นฝ่ายศิลป์ และฝ่ายเสียงอีกสองคนคือ Dan Forden และ Matt Furniss

https://www.youtube.com/watch?v=2UnG80vqzSU

2. ก่อนที่เกมจะวางจำหน่ายในปี 1992 ทางทีมงานพยายามสร้างเกมโดยใช้เทคนิค Realistic Digitized Sprite ที่เป็นการถ่ายรูปคนจริง ๆ แล้วนำมาทำเป็น Sprite หรือโมเดลตัวละครแบบ Pixel ในเกม ซึ่งถูกนำไปใช้ต่อในเกมภาคถัดมาของ Mortal Kombat  และเกมอื่น ๆ ของ Midway

3. แรกเริ่มเดิมที่ Mortal Kombat จะเป็นเกมที่จะมีการ Tie-in ร่วมกับภาพยนตร์เรื่อง Universal Soldier ที่นำแสดงโดย Jean Claude Van Damme แต่การเจรจานั้นไม่เป็นผล

4. ต้นแบบของตัวละคร Johnny Cage คือตัวของ Jean Claude Van Damme ดารานักบู๊ชื่อดังชาวฝรั่งเศส ซึ่งพวกเขาดึงเอาต้นแบบมาจากลุคของเขาในภาพยนตร์เรื่อง Bloodsport นั่นเอง

5. ก่อนหน้านี้ตัวเกมไม่ได้ใช้ชื่อว่า Mortal Kombat โดยตัวเกมมีชื่อที่อยู่ในระหว่างการทดสอบมากมาย เช่น Kumite หรือ Fatality แต่ชื่อสุดท้ายนี้ได้มาจาก Steve Ritchie ที่ไปเห็นปากกา Marker ในออฟฟิศของทีมงาน จึงเสนอไอเดียกับ Ed Boon ไปว่า ทำไมไม่ลองเปลี่ยนตัว C ในคำว่า Combat เป็นตัว K กลายเป็น Kombat ดู และกลายเป็นชื่อเกมที่เรารู้จักกันดีอย่าง Mortal Kombat ในทุกวันนี้ และนั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่ตัวเกมพัฒนาไปแล้วกว่า 8 เดือนด้วยกัน

6. คอนเซ็ปต์ของท่า Fatality นั้นมาจากที่ทีมงานอยากให้มีท่าที่เอาไว้ทำให้ผู้เล่นได้รู้สึกถึงความพ่ายแพ้และอับอาย โดยจะให้ Shang Tsung ที่เป็นบอสของเกมใช้ท่าเผด็จศึกนี้กับผู้เล่นในยกสุดท้ายเมื่อพ่ายแพ้ แต่เมื่อพัฒนาไปได้ครึ่งทาง ทีมงานก็มีความเห็นว่าผู้เล่นเองก็น่าจะทำอะไรแบบนั้นได้เหมือนกัน เพื่อให้คู่ต่อสู้ได้รู้สึกอับอายจากความพ่ายแพ้ของตนเองเช่นกัน

7. ด้วยความรุนแรงของเกมที่โหดเกินลิมิต ทำให้ ESRB หรือคณะกรรมการจัดเรทสื่อซอฟต์แวร์บันเทิงของสหรัฐอเมริกาถือกำเนิดขึ้น เพื่อจำกัดอายุของผู้เล่นเกมให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้

8. Friendship เป็นท่าเผด็จศึกแบบใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในเกมภาคที่สอง โดยเป็นการมอบของขวัญหรือแสดงความรู้สึกอยากเป็นเพื่อนแก่ผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ที่ดูแล้วเหมือนเป็นการล้อเลียนกันเสียมากกว่า

9. ท่า Animalities ถูกเพิ่มเข้ามาในภาคที่สาม โดยจะเปลี่ยนผู้เล่นให้กลายเป็นสัตว์ประจำตัวของตัวละครนั้น ๆ เช่น Scorpion ที่กลายเป็นแมงป่องจริง ๆ หรือ Lui Kang ที่แปลงร่างเป็นมังกรมากัดหัวคู่ต่อสู้ ก่อนที่หลาย ๆ ท่าจะกลายมาเป็น Fatality ในภายหลัง

10. Mortal Kombat สามภาคแรกเป็นเกมที่ถูกพอร์ทลงเครื่องต่าง ๆ มากที่สุดในโลก เทียบเท่าได้กับ Tetris และ Lemmings คุณยังสามารถหาเกม Mortal Kombat 1,2 และ 3 ได้จากแพลตฟอร์มต่าง ๆ มาเล่นจนถึงปัจจุบันได้ไม่ยาก

11. ตัวละครบางตัวนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากข่าวลือที่แฟนเกมพูดถึงกัน เช่น Ermac ที่จริง ๆ แล้วเป็นเพียงแค่ Code Error ในเกมเท่านั้น แต่เพราะมีคนพูดถึงมันมาก ทางทีมงานก็เลยสร้างเจ้านินจาสีแดงที่ชื่อ Ermac ขึ้นมาจริง ๆ และก็มีตัวละครอื่น ๆ อย่างเช่น Scarlet และ Rain ที่กำเนิดขึ้นมาจากข่าวลือของแฟนเกมเช่นกัน

12. Rain เป็นตัวละครลับที่มีที่มาจากวงดนตรีในยุค 80 ที่มีชื่อว่า Prince & The Revolution ที่นอกจากจะเป็นนินจาสีม่วงแล้ว ยังมีบทบาทเป็นเจ้าชายจริง ๆ ในเนื้อเรื่องของ Mortal Kombat อีกด้วย

13. ส่วนตัวละครลับอีกหนึ่งตัวอย่าง Noob Saibot นั้นมาจากชื่อของ Ed Boon และ John Tobias สะกดแบบกลับหลัง โดยร่างจริงที่เป็นนินจามีชื่อเรียกว่า Noob ส่วนร่างเงานั้นเรียกว่า Saibot นั่นเอง

14. และก่อนที่จะกลายมาเป็น Noob Saibot นั้น ร่างที่แท้จริงของเขาก็คือ Bi-Han ผู้ที่เป็นนินจาพลังน้ำแข็ง Sub-Zero คนแรก ก่อนที่จะถูก Scorpion ฆ่าตาย และถูกทำให้คืนชีพโดย Quan Chi ตัวร้ายอีกตัวหนึ่งของเกม

15. ส่วน Sub-Zero ที่เห็นในเกมจนถึงตอนนี้ก็คือรุ่นที่สองที่มีชื่อว่า Kuai Liang ผู้ที่เป็นน้องชายของ Bi-Han ซึ่งมีจิตใจที่ดีงามกว่า และตัดสินใจหนีออกจากกลุ่มมือสังหาร Lin Kuai ก่อนที่ทั้งกลุ่มนั้นจะถูกดัดแปลงกลายเป็นหุ่นยนต์เพื่อการสังหารทั้งหมด

16. Brain Gleen ดาราต้นแบบของตัวละคร Shao Kahn ต้องถูกเพิ่มขนาดในเกมภาคที่สอง เพราะเขานั้นตัวเล็กกว่าที่เห็นในเกมพอสมควร ซึ่ง Ed Boon นั้นมีส่วนสูงที่มากกว่าเขาอยู่เล็กน้อย

17. Steve Ritchie ทีมงานฝ่ายเสียง คือเจ้าของเสียงประกาศในเกมที่เป็นเอกลักษณ์ในภาคที่สองและสาม รวมไปถึงในภาค Shaolin Monk ด้วย

18. Mortal Kombat: Shaolin Monk คือเกมภาค Spin-off ภาคเดียวที่แฟน ๆ ยกย่องว่าทำออกมาได้ดี หลังจากที่ผิดหวังกับ Spin-off ภาคอื่น ๆ ที่คุณภาพต่ำตมจนกู่ไม่กลับ

19. ภาพยนตร์ Mortal Kombat มีเรทหนังอยู่ที่ PG-13 ผิดกับตัวเกมที่มีความรุนแรงเลือดสาดจนได้รับเรท M หรือ Mature สำหรับผู้ใหญ่อายุ 17 ปีขั้นไปเท่านั้น

20. เคยมีภาพยนตร์การ์ตูนของ Mortal Kombat ฉายในชื่อ Mortal Kombat: Defender of the Realm ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคุณภาพคับแก้วขนาดไหน (ประชด)

21. แต่ภาพยนตร์ซีรีส์ที่ฉายทาง YouTube อย่าง Mortal Kombat Legacy นั้นได้รับความนิยมและคำชมจากผู้ชมไปมากมาย โดยได้รับการยอมรับว่าเป็นภาพยนตร์ Live Action ที่ดัดแปลงมาจากเนื้อเรื่องในเกมได้ดีที่สุด

22. ในเกม Mortal Kombat: Deception ตัวละคร NPC บางตัวจะพูดด้วยภาษาที่ถูกกลับจากหน้าไปหลัง ซึ่งเมื่อแกะออกมาจะเป็นคำพูดแบบปกติเช่น “จงเชื่อฟังพ่อแม่”

YouTube video

23. เพลง Reptile ของ Skrillex ศิลปินแนว Dub Step ชื่อดัง มีการใช้เสียงประกอบจากในเกม Mortal Kombat ภาคที่สองอยู่ด้วย

24. Mortal Kombat ภาคปี 2011 หรือภาคที่เก้านั้นเป็นการสร้างเส้นเรื่องของเวลาหรือ Timeline ขึ้นมาใหม่ และเป็นเกมต่อสู้ที่นำเสนอเรื่องราวในโหมด Singleplayer ได้ดีที่สุดเกมหนึ่ง เพราะเป็นการยกระดับการเล่าเรื่องด้วยภาพยนตร์ CG ที่น่าติดตามราวกับได้ชมภาพยนตร์

25. ใน Mortal Kombat 2011, X และ XL ทางทีมพัฒนาได้ตัดสินใจเพิ่มตัวละครรับเชิญที่มาจากภาพยนตร์สยองขวัญมากขึ้น จนกลายเป็นเกมต่อสู้ที่มีตัวละครของภาพยนตร์สยองขวัญที่ถูกรับเชิญมามากที่สุด เช่น Freddy Kruger, Jason Voorhees, Alien, Leather Face และ Predator เป็นต้น

แหล่งที่มา: Mortal Kombat: Here Are 25 Kool Facts About The Gruesome Franchise

Putinart Wongprajan

เค้ก - Content Writer

Back to top