BY BOM
25 Jun 18 5:21 pm

ไขปริศนา: ทำไม PUBG ถึงได้รับความนิยมลดลง

6 Views

ไขปริศนา: ทำไม PUBG ถึงได้รับความนิยมลดลง

หนึ่งในเกมที่เรียกว่าเป็น Iconic ของวงการเกมอย่าง Playerunknow’s Battleground หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า PUBG เกมนั้นได้ทำลายสถิติหลาย ๆ อย่า ไม่ว่าจะเป็นยอดจำนวนผู้เล่นพร้อมกันสูงสุด ใน Steam ด้วยจำนวน 3.2 ล้านคนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา (มกราคม 2018) แซงเกมอย่าง Dota 2 เกมที่ปลุกปั้นขึ้นมาโดย Valve เจ้าของ Steam เอง นอกจากนี้ยังกลายเป็นเกม PC ที่ขายดีที่สุดในโลกแซงหน้าเกมขวัญใจมหาชนอย่าง Minecraft ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเกมนี้ยังทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นการที่ การที่เกมเมอร์หลายคนได้เข้าไปแย่งชิงการ์ดจอกับนักขุดเหมือง(Bit Coin) การที่เกิดปรากฏการณ์สตรีมเมอร์หน้าใหม่เกิดขึ้นมาทั่วทั้งวงการ แถมยังได้ผลักดันนักกีฬา eSport หลายคนให้สามารถทำงานหาเลี้ยงชีพได้ แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานจำนวนยอดผู้เล่นกับหายไปถึงครึ่งหนึ่งจากข่าวนี้ ทำให้เราต้องมาไขปริศนากันว่าทำไม PUBG ถึงเริ่มเสื่อมความนิยม

1.ถูกเกมใหม่ ๆ เข้ามาตีตลาดมากขึ้น

อันนี้เป็นเรื่องปกติของทุกวงการที่ หากสิ่งใดเป็นกระแสและทำรายได้ดี ทุกคนย่อมหมายปอง หลังจาก PUBG ได้เปิดทดลองเล่นต้องแต่เดือนมิถุนายน 2017 และเปิดตัวเต็มในเดือนธันวาคมปี 2017 ทำให้เกิดเป็นกระแส Battle Royale Fever ในวงการเกม โดยเป็นการรวมเอาข้อดีของเกมแนว Shooting มารวมกับเกมแนว Survival ผู้เล่นจะไม่ได้วัดฝีมือเพียงแค่การยิงแม่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการต้องจัดการไอเทมให้ดี แถมยังได้ทำลายของเสียใหญ่ของเกมแนว Survival อย่างหนึ่งคือถ้าเกิดในแผนที่ใหญ่กว่าการปะทะกันจะเกิดขึ้นก็คงใช้เวลานาน เกมจึงได้เพิ่มกลไกลในการบีบของแผนที่เพื่อให้ผู้เล่นได้ต่อสู้กันแถมตัวเกมยังมีผู้ชนะได้แค่คนเดียว ทำให้เกมนั้นถูกใจชาว Hardcore และชาว Causal  แต่หลังจากการเกิดขึ้นของ PUBG มีเกิดแนว Battle Royale อะไรตามมาบ้างไปดูกัน

  • Fortnite: Battle Royale 25 กรกฏาคม 2017 (PC)
  • H1Z1:King of the Kill 28 กุมภาพันธ์ 2018 (PC)
  • Rules of Survival : 17 พฤศจิกายน 2017(Android)
  • Europa (ROE): 3 มีนาคม 2018 (PC)
  • Realm of Royale :5 มิถุนายน 2018 (PC)

นี่ยังไม่นับเกมจากมือถืออีกหลาย 10 เกมและเกมที่กำลังจะออกใหม่อย่าง Battle Field V และ Call of Duty : Black ops 3 ที่กำลังจะมีโหมดนี้เช่นกัน โดยเกมเหล่านี้มีข้อได้เปรียบกว่า PUBG 2 ข้อหลัก ๆ คือหนึ่งเป็นเกมฟรีที่สามารถโหลดไปลองเล่นได้ ทำให้เหล่าเกมเมอร์สามารถที่ตัดสินใจได้ว่าเกมเหมาะกับพวกเขาแถมยังมีหลากหลายแนวอีกด้วย และอีกข้อสำคัญคือ PUBG นั้นใช้ทรัพยากรเครื่องที่สูงเกินกว่าที่เกมเมอร์หลายคนจะรับได้ แม้ปัจจุบันตัวเกมจะทำการปรับปรุงให้ตัวเกมใช้ทรัพยากรน้อยลงและแก้เน็ตโค้ดที่ทำให้เกมเล่นได้ลื่นขึ้น แต่นั้นก็ยังไม่เพียงสำหรับเหล่าเกมเมอร์กลุ่มใหญ่ที่ไม่ได้มีคอมพิวเตอร์ให้เล่นเกมโดยเฉพาะ ทำให้ PUBG สูญเสียเหล่าผู้เล่นจากสิ่งนี้ไป

2.สังคมของตัวเกมมีปัญหา

“China numba wan ” , กองกำลังเสื้อแดงลึกลับ, ยอดมนุษย์บินได้ แขนยาว แถมยังมี Eagle Vision เหมือนสืบเชื้อสายมาจากเหล่าภราดรนักฆ่าเกม Assassin’s Creed สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่บั่นทอนความสนุกของตัวเกมลงไปอย่างมาก แม้ว่าทางทีมพัฒนาจะใช้เวลาในการสร้างเกราะป้องกันเหล่าคนที่กล่าวมาข้างต้นเท่าไหร่ เหมือนว่าจะไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อย แม้ปัจจุบันจากสถิติของเว็บ PUBG ที่กล่าวว่ามีคนใช้โปรแกรมโกงเพียง “3%” ของจำนวนผู้เล่นทั้งหมดก็คือว่าเยอะมากสำหรับเกมนี้ แต่ต้องยอมรับกันส่วนหนึ่งว่า ช่วงนั้นปัญหาการใช้โปรแกรมโกงนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนเลิกที่จะเล่นเกมนี้ไป

PUBG

นอกจากนี้แล้ว Community ของเกม PUBG นั้นไม่เหมาะแก่สร้างสังคมเกมให้เป็นสังคมแห่งมิตรภาพมากนัก ส่วนมากจะเน้นการข่มกัน ไม่ก็เป็นแหล่งระบายความหัวร้อนมากกว่า ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของภูมิคุ้มกันทางอารมณ์กับลักษณะพื้นฐานของสังคมว่าใครจะรับได้เท่าไหร่ นอกจากนี้สังคมในเกมนั้นหากเราเลือกเล่นแบบ Duo หรือ ไม่ก็ Squad โดยไม่มีเพื่อนละก็ คุณอาจจะได้เจอตั้งแต่เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดไปจนถึงเพื่อนดีที่อยู่กันคนละซีกโลก อันนี้ก็แล้วแต่ดวงของใครของมัน

https://www.facebook.com/GamingDose/videos/1645983818831787/

3.การมาถึงของ PUBG MOBILE และ Emulator สำหรับเล่น PUBG MOBILE (Tencent Gaming Buddy)

อันนี้แล้วแต่มุมมอง สำหรับหลายคนอาจจะมองว่านี่คือการขยายตลาด แต่ผู้เขียนกลับมองว่านี่เป็นการตัดขาตัวเองในบางส่วน เพราะจากประสบการณ์ของผู้เขียนเองเพื่อนของผู้เขียนบางคนนั้น นิยมเล่นในมือถือมากว่าทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็มีเวอร์ชั่น Steam เนื่องด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประกาศโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสะดวกที่มากกว่า เพราะว่าเขาสามารถเล่นที่ไหนก็ได้ เล่นขณะอยู่บนรถไฟฟ้า BTS หรือตอนพักเที่ยงกินข้าวได้ ซึ่งหลังจากที่เขาเล่นในมือถือแล้ว เขาก็ไม่อยากจะเล่นบนเวอร์ชั่น Steam อีกเนื่องจากธีมของเกมที่คล้ายกัน อีกทั้งหลายคนก็หันมาเล่นเวอร์ชั่นมือถือมากว่าเพราะว่าโทรศัพท์ราคา 7,000 – 8,000 บาท ก็สามารถเล่นเกมนี้ได้อย่างลื่นไหลแล้ว ต่างกัน Steam ที่ขั้นต่ำจะต้องมีการประกอบคอมพิวเตอร์ที่มีราคาไม่ต่ำกว่า 18,000 บาท (ไม่รวมจอ) ถึงจะสามารถเล่นได้อย่างเต็มที่

4.เกมเมอร์หลายคนเริ่มที่จะเบื่อเกมแนว Battle Royale

แม้ว่าเกม Battle Royale จะมอบความสนุกและความตื่นเต้นได้เพียงใด แต่ว่าการที่ต้องมาทำอะไรซ้ำ ๆ กันทุกวันมันก็เบื่อเป็นเหมือนกัน บางอาจจะไปลองเกมที่เน้นการผ่อนคลายมาก นอกจากนี้ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่เกมใหญ่หลายเกมอย่าง God of War , Far Cry 5, Detroit: Become Human ,STATE OF DECAY 2 เกมที่ได้กล่าวมานี้ล้วนแต่มีระบบการเล่นที่สนุกและทำให้เหล่าผู้เล่นติดพันได้ไม่ยาก อีกทั้งเกมเหล่านี้ได้ออกมาในช่วงที่ผู้เล่น PUBG ซึ่งนี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้เล่นในเดือนเมษายนเป็นต้นมาเริ่มลดลง

5.การปิดระบบเทรด

ระบบเทรดเป็นหนึ่งในระบบที่เกมหลายเกมใน Steam ได้นำมาให้ โดยให้ผู้เล่นสามารถแลกเปลี่ยนไอเทมซึ่งกันและกันได้ ทำให้เกิดเป็นระบบเศรษฐกิจขนาดย่อมในเกมนั้น ๆ แต่บางครั้งการที่ระบบเศรษฐกิจนั้นเติบโตเร็วเกินไป เกิดการ Hack ไอเทมจากผู้ที่หวังดี หรือเกิดการพนันได้ ทางทีมจัดจึงได้ใช้วิธีตัดไฟตั้งแต่ต้นลมคือ การปิดระบบแลกเปลี่ยน” ทำให้เกมเมอร์นับแสนคนไปโวทตัวเกมในแง่ลบจากข่าวนี้ และเลิกเล่นเกมนี้ไป โดยหันไปเล่นเกมอื่นที่ยังสามารถแลกเปลี่ยนไอเทมได้อย่าง CS:GO หรือ Dota2 (ต้องรอ30วัน)

สุดท้ายนี้ก็ไม่อยากให้หลายคนตัดสินว่ายอด PUBG ลดลงอย่างนี้หมายถึงว่า PUBG จะได้รับความนิยมลดลงหรือเปล่า แต่เพียงอยากให้มองว่าสาเหตุต่าง ๆ มีที่มาที่ไปของมัน PUBG เกิดมาอย่างแข็งแกร่ง ดังนั้น PUBG จึงไม่ได้ตายง่าย ๆ นอกจากนี้การมาถึงของแผนที่ใหม่และระบบ Event Pass ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากเหล่าผู้เล่น คงต้องรอดูกันต่อไปว่าแนวทางการพัฒนาของเกม PUBG จะสามารถจัดปัญหาเก่าเพื่อรักษาฐานแฟนกลุ่มเดิม และพัฒนาเกมต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อที่ขยายฐานของกลุ่มผู้เล่นและนำผู้เล่นใหม่ ๆ เข้าสู่เกมนี้ให้ได้ คงต้องเอาใจช่วยทีมงาน PUBG กันต่อไป

Nuttawat Lokkumlue

บ๋อม - Content Writer

Back to top