BY KKMTC
27 Feb 19 6:28 pm

รวมมหากาพย์ PewDiePie vs. T-Series สงครามชิงยอด Subscribe หยุดโลก

34 Views

เกมเมอร์ชาว GamingDose หลายคนอาจจะติดตามเรื่องราวสงครามแย่งชิงตำแหน่ง ‘ราชาแห่ง Youtube’ ระหว่าง PewDiePie กับผู้ท้าชิงคนใหม่มาแรงอย่าง T-Series (ช่องเพลงและสื่อเอนเตอร์เทนสัญชาติอินเดีย) แต่สำหรับบางคนที่ไม่ได้ติดตามมหากาพย์ในครั้งนี้ อาจจะไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมเกมเมอร์ถึงตื่นเต้นกัน นี่คือบทความ รวมสุดยอดมหากาพย์ PewDiePie vs. T-Series สงครามชิงยอด Subscribe Youtube ที่สามารถหยุดโลกได้ทั้งใบ

Pewdiepie

ภาพจากเว็บไซต์ Dexerto

ใครคือ PewDiePie กับ T-Series ?

PewDiePie หรือชื่อจริง Felix Kjellberg เป็น Creator Content ประเภท Gaming และ Comedy ที่ครอบครองตำแหน่งเป็น ผู้ที่มีบัญชียอด Subscribe เยอะที่สุดในโลก โดยเขาครอบครองตำแหน่งนี้ ตั้งแต่ปี 2013 จนถึง ปี 2019 ในปัจจุบัน โดยตอนนี้มีจำนวนยอด Subscribe ประมาณ 84 ล้านบัญชี

T-Series หรือผู้ท้าชิงของ PewDiePie เป็นช่อง Youtube ของค่ายเพลงสัญชาติโดยมีเนื้อหาประกอบไปด้วยมิวสิควีดีโอมากมาย โดย T-Series ขึ้นแท่นเป็นช่องวิดีโอที่มี ยอดผู้ชมที่เยอะที่สุดใน Youtube ตลอดกาล โดยมีตัวเลขรวมอยู่ที่ 62.2 พนล้านวิว และเป็นช่องที่มียอด Subscribe เยอะที่สุดเป็นอันดับสอง เป็นรองจาก PewDiePie

Introduction

แฟน ๆ PewDiePie เริ่มสังเกตเห็นว่ามีช่อง Youtube ปริศนา T-Series มียอดจำนวน Subscribe สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ

หากอ้างอิงจากเว็บไซต์ Social Blade นับจากเดือนตุลาคม ปี 2016 จนถึงกรกฎาคม ปี 2018 มีผลลัพธ์ว่าช่อง T-Series มียอดจำนวน Subscribe เพิ่มขึ้นจาก 13 ล้านบัญชี พุ่งขึ้นเกือบถึง 60 ล้านบัญชี ซึ่งมีตัวเลขเกือบเทียบเท่ากับยอด Subscribe ของ PewDiePie ที่มีจำนวนอยู่ที่ประมาณ 66 ล้านบัญชี

Pewdiepie

เรื่องนี้เริ่มเข้าหูถึง PewDiePie ทำให้เขาตัดสินใจ นำเนื้อหาดังกล่าวไปสร้างคอนเท้นท์เป็นซีรี่ส์ LWIAY ในชื่อคลิปว่า “T-SERIES EXPOSED” เพื่ออ่านคอมเม้นท์จากเหล่าแฟนที่กล่าวถึง T-Series มียอด Subscribe สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเริ่มเข้าใกล้ยอด Subscribe ของ PewDiePie เข้ามาทุกที หลังจากการประกาศข่าวของ PewDiePie ทำให้ชาวเน็ตเริ่มออกโรงต่อต้าน T-Series ขึ้น

“Subscribe to PewDiePie”

แฟน ๆ ชาวพิวดี้หลายคนเริ่มตระหนักถึงปัญหาในครั้งนี้ เหล่าแฟนจึงตั้งสโลแกนว่า “Subscribe to PewDiePie” เพื่อเชิญชวนให้ผู้ใช้ Youtube ทุกคน ร่วมมือร่วมใจกดติดตาม PewDiePie เพื่อให้เขาดำรงรักษาตำแหน่ง “ราชาแห่ง Youtube” ให้คงอยู่นานที่สุดเท่าที่ทำได้

สโลแกนดังกล่าว เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในโลกโซเชี่ยลจากการโปรโมทของเหล่า Youtuber ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น Jacksepticeye, Markiplier หรือแม้ศัตรูตัวฉกาจที่ PewDiePie ชอบเผาเขาอยู่บ่อย ๆ อย่าง Logan Paul ทำให้จำนวนยอด Subscribe ของ Pewdiepie เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ก็มิอาจต่อกรกับพลังของ T-Series อยู่ดี

แต่ความพยายามของเหล่าแฟน ๆ ก็ไม่จบลงเพียงเท่านี้ – Youtuber นาม MrBeast ซึ่งเป็นสาวก PewDiePie ตัวยง ได้ซื้อเช่าป้ายโฆษณาตามถนนใหญ่ และทำโฆษณาทางวิทยุในรัฐ North Carolina เพื่อโปรโมท Subscribe to PewDiePie และรวมไปถึงกล่าวคำว่า “PewDiePie” จำนวน 100,000 ครั้ง (ฮาร์ดคอร์ขนาดไหนถามเขาได้เลย)

นอกจากนี้ Youtuber นาม Justin Roberts (หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม Youtuber – Team 10) สั่งเช่าป้ายโฆษณากลางแยก Time Square ณ กรุง New York เพื่อเชิญชวนให้สมัครบัญชีเขา ซึ่งการกระทำอันบ้าบิ่นของทั้งสองคน ทำให้สโลแกนดังกล่าวโด่งดังไปทั่วประเทศสหรัฐฯ

PewdiepieMrBeast กับป้ายโฆษณา Subscribe to PewDiePie

Pewdiepieภาพจาก u/officialgoku1

bitch lasagna

ในวันที่ 5 ตุลาคม 2018 – PewDiePie ร่วมมือกับวงดนตรี Party In Backyard ปล่อยคลิป MV เพลงประเภท Diss Track นามว่า “bitch lasagna” เป็นเพลงที่มีเนื้อหาโจมตีเชิงล้อเลียน T-Series โดยกล่าวหาว่าใช้ Sub Bots ในการปั่นยอด Subscribe ซึ่งปัจจุบันคลิปดังกล่าว มียอดผู้ชมประมาณ 139 ล้านครั้ง และมีผลลัพธ์ทำให้มีผู้สนับสนุนเขาเป็นจำนวนมาก

YouTube video

แต่ตรงกันข้าม มีชาวอินเดียบางส่วนไม่พอใจกับเพลง bitch lasagna เพราะเนื้อหาของเพลงเป็นการแสดงไม่เคารพและดูถูกประชากรอินเดียทั้งหมด และนอกเหนือจากนี้ แฟน PewDiePie บางส่วน เริ่มทำการก่อกวน, ฟลัด, สแปมช่องคอมเม้นท์ของ T-Series (และเคสร้ายที่สุด คือมีการเหยียด และต่อต้านชาวอินเดีย)

ทำให้ Youtuber ชาวอินเดียอิสระหลายคน สนับสนุนช่อง T-Series เพื่อต่อต้านการกระทำของ PewDiePie

การเปิดตัวเพลง Bitch Lasagna ถือเป็น การเปิดสงครามแย่งชิงยอด Subscribe ของ Youtube ระหว่าง PewDiePie vs. T-Series อย่างเป็นทางการ

ยอมสวมบทเป็นผู้ร้ายแฮกเกอร์ เพื่อ PewDiePie

หลังจากเพลง Bitch Lasagna เผยแพร่สู่สาธารณะชน ทำให้สงครามระหว่าง PewDiePie กับ T-Series รุนแรงมากขึ้น แต่ช่องของ T-Series ยังคงสามารถทำยอด Subscribe ต่อเนื่อง ทำให้แฟน ๆ PewDiePie บางคนยอมสวมบทเป็นผู้ร้าย เพื่อให้รักษาตำแหน่งราชาแห่ง Youtube คงอยู่ตลอดไป

ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2018 แฮกเกอร์นาม “HackerGiraffe” ทำการเจาะข้อมูลเครื่องปริ้นซ์มากกว่า 50,000 เครื่อง รวมถึงแฮกเกอร์อีกคนนาม “j3ws3r” ซึ่งคาดว่ารวมมือกับแฮกเกอร์คนแรก ได้เจาะข้อมูลเครื่องปริ้นซ์มากกว่า 80,000 เครื่อง เพื่อถ่ายเอกสารเองตามอัตโนมัติ โดยข้อความเขียนว่า “PewDiePie กำลังตกที่นั่งลำบาก และเขาต้องการคุณช่วยปราบ T-Series! จง Subscribe ให้ PewDiePie และ Unsub ช่อง T-Series” 

Pewdiepie

และนอกจากนี้ HackerGiraffe ยังยอมรับว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการโจมตีเว็บไซต์ T-Series ด้วยการ DDoS Attack อีกด้วย

วันที่ 6 ธันวาคม 2018 มีการรายงานว่า มีแฮกเกอร์คนหนึ่ง ทำการเจาะข้อมูลเกม Grand Theft Auto Online แล้วพิมพ์ในช่องประกาศว่า Notice – Subscribe to PewDiePie และเว็บไซต์ Wall Street Journal ซึ่งเป็นสำนักข่าวที่กล่าวหาว่า PewDiePie เป็นคนเหยียดชาวยิว ถูกเจาะโดยแฮกเกอร์ปริศนา ทำให้เว็บไซต์แสดงหน้าเป็นจดหมายขอโทษที่กล่าวหา PewDiePie และโปรด Subscribe ช่องของเขา

Pewdiepie

แต่เรื่องราวการแฮกไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะช่วงเดือนมกราคม ปี 2019 – HackerGiraffe กับ j3ws3r ออกโรงอีกครั้ง พวกเขาเจาะข้อมูลเครื่อง Google Chromecast มากกว่า 65,000 เครื่อง และระบบ Android TV เพื่อโปรโมทช่อง PewDiePie

แล้วในช่วงเดียวกัน มีแฮกเกอร์นาม “SydeFX” ทำการ Credential stuffing (รูปแบบการโจมตีไซเบอร์ชนิดหนึ่ง) ใส่กล้องวงจรปิดรุ่น Nest Camera ทำให้หน้าจอภาพของกล้อง แสดงผลลัพธ์เป็นข้อความเชิญชวนให้สมัครช่อง PewDiePie

PewDiePie เริ่มกัดฟันตัวเองด้วยการเล่นเกม

Pewdiepie

แต่อย่างไรก็ตาม ยอด Subscribe ของช่อง T-Series ยังคงไล่ตามหลัง PewDiePie มาทุกขณะ ทำให้เขาตัดสินใจเริ่มเล่นไลฟ์สตรีมเกม Fortnite, Minecraft กับ Roblox เพื่อโปรโมทช่องของตนเองให้ผู้เล่นคนอื่นรับทราบ

ซึ่งทุกอย่างดูราบรื่นตามปกติ แต่จนกระทั่งวันหนึ่ง ทีมงาน Roblox ทำการแบน PewDiePie ออกจาก Roblox ในข้อหา “ประพฤติตัวไม่เหมาะสม” 

ถึงแม้ว่าทีมงานไม่เปิดเผยสาเหตุการแบน PewDiePIe อย่างแท้จริง แต่มีข่าวลือว่าพนักงาน Roblox ไม่ค่อยชื่นชอบเหล่า Youtuber เท่าไหร่นัก ทำให้เหล่าแฟนคลับ PewDiePie หลายคนไม่พอใจ เพราะสาเหตุการแบนที่ไม่สมเหตุสมผล และคาดว่าเป็นการใช้อารมณ์กับความอคติส่วนตัวในการตัดสินโทษ

ทำให้ช่วงเวลาต่อมา ทีมงาน Roblox ตัดสินใจปลดแบน PewDiePie โดยกล่าวว่าการแบน “เป็นความเข้าใจผิด”

แขกรับเชิญที่ไม่ได้นัดหมาย

Elon Musk

ช่วงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ปี 2019 – PewDiePie อัปโหลดคลิป Meme Review โดยช่วงครึ่งหลัง ให้นำรายการโดย Elon Musk นักลงทุนกับเศรษฐีระดับโลก ผู้มีอารมณ์ขัน (รวมถึงเป็นผู้ก่อตั้ง The Boring Company, Tesla Motors, SpaceX และอื่น ๆ)

ทำให้คลิปดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวโลกเป็นอย่างมาก และมียอดผู้รับชมถึง 17 ล้านคน ซึ่งในปัจจุบัน วิดีโอดังกล่าวยังคงติดเทรนด์ของ Youtube

YouTube video

นี่คือจุดเริ่มต้นของจุดจบ

Pewdiepie

เมื่อวาน วันที่ 27 กุมภาพันธ์ มีการรายงานว่ายอด Subscribe ของช่อง T-Series สามารถแซงหน้าช่อง PewDiePie ได้สำเร็จ ด้วยจำนวนตัวเลข 86 ล้านบัญชี

แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากเวลาผ่านไปเพียง 8 นาที ยอด Subscribe ของ PewDiePie สามารถคืนสู่ตำแหน่งแซงหน้า T-Series อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่พิสูจน์ว่าสงคราม Pewdiepie กับ T-Series ไม่ได้จบลงอยู่เพียงเท่านี้ แต่เป็นบทเริ่มต้นของจุดจบของสงครามยอด Subscribe ที่คาดว่าจะรุนแรงยิ่งขึ้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป

สงคราม PewDiePie vs. T-Series ยังคงดำเนินต่อไป… 

ข้อเท็จจริงและเรื่องน่ารู้

  • PewDiePie เรียกตัวแทนกับแฟน ๆ ว่า “9-year-old army”
  • ความจริงแล้ว PewDiePie ไม่ค่อยสนใจยอด Subscribe กับ T-Series โดยกล่าวว่า Youtube กลายเป็นองค์กรใหญ่ และเชื่อว่ายุคสมัยของเขาได้ผ่านไปนานแล้ว แต่เขาคิดว่ามันสนุกที่เห็นแฟน ๆ ใช้คอนเนคชั่นต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนเขา เลยมีส่วนร่วมกับสงครามครั้งนี้
  • Bhushan Kumar ผู้บริหาร T-Series ไม่สนใจที่จะแข่งขันกับ PewDiePie ตั้งแต่แรกเช่นกัน และเขาไม่เข้าใจว่าทำไม PewDiePie ต้องซีเรียสขนาดนั้น เพราะเขาต้องการให้ T-Series เป็นที่รู้จักทั่วโลกแค่นั้น
  • ตอนแรกมีทฤษฎีว่าหากผู้ใช้ Youtube อยู่ในประเทศอินเดีย ทุกบัญชีจะ Subscribe ช่อง T-Series โดยอัตโนมัติ ซึ่งทฤษฎีดังกล่าว ไม่เป็นความจริง (พิสูจน์โดยTimeworks)
  • ช่วงวันที่ 13 ธันวาคม 2018 ที่ผ่านมา ทีมงาน Youtube ได้มีการลบบัญชีที่เข้าข่ายว่าเป็นสแปม โดย PewDiePie สูญเสียยอด Subscribe จำนวน 40,000 บัญชี และ T-Series สูญเสียยอด Subscribe ถึง 200,000 บัญชี

SHARE

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top