BY StolenHeart
28 May 19 12:03 pm

ย้อนอดีตรำลึก Contra เกมเดินหน้ายิงสองมิติผู้พลิกโฉมความสนุก

78 Views

ช่วงต้นยุค 90 ถือเป็นหนึ่งในยุคทองของสื่อวิดีโอเกม มีเกมที่หลากหลายให้สนุกกันมากมาย และหลายเกมก็พัฒนาตัวเองกลายเป็นตำนานต่อมา ซึ่งหนึ่งในเกมที่เป็นหมุดไมล์สำคัญของยุคนี้และเกมเมอร์คอเกมแอคชั่นทั่วโลกก็คงหนีไม่พ้นเกมเดินหน้ายิงเกมหนึ่งที่สนุกติดพันและเป็นเจ้าของตำนานมากมายจนถึงตอนนี้ ซึ่งก็เป็นเกมไหนไปไม่ได้นอกจาก Contra นั่นเอง

ผู้เล่นในยุคเก่าหลายคนโดยเฉพาะบนระบบ Famicom หรือ NES น่าจะทราบกันดีว่า

ในยุคก่อนนั้นเกมแอคชั่นหลายเกมนั้นจะมีรูปแบบที่คล้าย ๆ กันคือเดินลุยด้านข้างหรือไม่ก็เป็นมุมมองแบบเหนือหัว ลุยยิงไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะจบด่านแล้วก็ไปด่านต่อไป

แต่สิ่งหนึ่งที่มีแทบจะเหมือน ๆ กันคือการควบคุมของเกมที่ค่อนข้างย่ำแย่และมีอิสระในการเคลื่อนไหวค่อนข้างต่ำ ทำให้หลายครั้งเรามักจะตายแบบงง ๆ เพราะหลบหรือขยับตัวไม่ทัน ทั้งที่หลายเกมก็มีศักยภาพมากพอที่จะเป็นเกมสนุกได้ แต่ก็ต้องมาตกม้าตายเพราะการควบคุมที่ย่ำแย่นั่นเอง

แต่แล้วในปี 1987 Konami ค่ายเกมมาแรงแห่งยุคนั้น ก็ได้ส่งเกมแอคชั่นที่เรียกได้ว่าปฏิวัติวงการเกมในยุคนั้นไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือที่มีชื่อว่า Contra ลงสู้ระบบตู้เกมอาร์เคด ซึ่งตัวเกมมีกราฟฟิกที่สวยสดงดงามและดูโดดเด่นกว่าเกมอื่น ๆ มาก ออกมาสู่สายตาชาวโลก และมันก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจนทำให้ทาง Konami เตรียมส่งเกมนี้ลงสู่เครื่องตามบ้านในระบบต่าง ๆ ต่อมา

จนปีต่อมา Contra ก็ได้มาเยือนสู่ระบบ Famicom ที่ชาวไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และมันก็ฉีกรูปแบบของเกมแอคชั่นเดินหน้ายิงที่มีอยู่ในตอนนั้นไปอย่างมากมาย ซึ่งสิ่งที่โดดเด่นของตัวเกมที่เห็นได้ชัดคือการเคลื่อนไหวที่พริ้วไหว และรูปแบบของศัตรูที่ออกมาแบบสุ่ม และอื่น ๆ อีกมากมายที่ทำให้ผู้เล่นติดหนึบและเล่นซ้ำไปซ้ำมาได้โดยไม่รู้เบื่อ

อย่างที่ได้กล่าวไปว่าเกมในยุคเดียวกันของเครื่อง Famicom หรือ NES นั้นค่อนข้างมีปัญหาในการควบคุมด้วยเทคโนโลยีที่จำกัด และหลายเกมก็มีมีอาการหน่วงในการเคลื่อนที่จนรู้สึกอึดอัด แต่ Contra ได้โยนสิ่งเหล่านี้ทิ้งไป และปรับรูปแบบการเคลื่อนไหวให้คล่องตัวและพลิ้วไหวมากขึ้น แลกกับการที่ตัวของผู้เล่นอ่อนแอลงแบบโดนศัตรูเดินชนที่เดียวแล้วตายไปเลย

และผู้เล่นจะสามารถเดินไปด้วย ยิงอาวุธไปด้วยได้ หรือ ยิงอาวุธขณะที่กระโดดได้ด้วยเช่นกันด้วยลีลาการตีลังกาม้วนหน้าลากหัวคม ๆ ปลิดชีวิตเหล่าเอเลี่ยนอย่างเท่ แถมอาวุธต่าง ๆ ก็สามารถยิงได้ถึง 8 ทิศทางด้วยกัน เป็นสิ่งที่เราแทบไม่ได้เห็นในเกมอื่น ๆ มาก่อน และมี Contra นี่แหละที่ทำให้เราได้เห็น

นอกจากอาวุธแบบปกติแล้ว Contra ยังมีอาวุธพิเศษให้เก็บมาใช้งานเพิ่มเติมอีกมากมาย เช่นปืน S ที่เป็นของโปรดของทุกคนเพราะยิงได้กระจายและกว้างมาก หรือปืน F ที่ทุกคนร้องยี้เมื่อเก็บได้ เพราะแทบหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย

และการออกแบบฉากของเกมที่ทำออกมาได้ดีมากในหลาย ๆ ฉาก โดยเฉพาะในฉากโรงงานไฟที่ผู้เล่นต้องใช้ไหวพริบในการผ่านกับดักต่าง ๆ ที่อยู่ในฉากไปด้วย และต้องยิงสู้กับศัตรูไปด้วย หรือด่านน้ำตกที่มีการเคลื่อนฉากในแบบแนวตั้ง แปลกใหม่กว่าเกมอื่น ๆ ที่จะเน้นไปที่การเคลื่อนที่แบบทางเดียว และฉากนี้ก็เป็นหนึ่งในฉากแห่งตำนานที่ทำให้มิตรภาพระหว่างเพื่อนฝูงพังทลายเพราะดึงฉากจนตกเหวตายกันมานักต่อนักแล้ว

สำหรับผู้เขียนเอง Contra ถือเป็นเกมแรกที่ได้เล่นมาตั้งแต่จำความได้เลย

ด้วยความสนุกที่เรียบง่ายและไม่ต้องคิดอะไรมากนอกจากเดินหน้าลุยยิงอย่างเดียว แม้ตอนเด็ก ๆ จะไม่ได้เล่นจบบ่อยนักแต่ก็จำสูตรที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่าง Konami Code ที่มีให้ใช้ในเกมได้อย่างแม่นยำ จากเดิมทีที่เล่นแทบไม่ผ่าน กลายเป็นผ่านไปจนถึงด่านสุดท้ายได้ด้วยสูตร 30 ตัวนี้นั่นเอง และเกมนี้ก็ทำให้ผู้เขียนสามารถมีเรื่องไปคุยกับเพื่อนในโรงเรียน จนสามารถสานต่อมิตรภาพในวัยเรียนให้กว้างไกลขึ้นอีกด้วย

แน่นอนว่าด้วยความนิยมของมันทำให้ Contra มีภาคต่อตามมาอีกเพียบ ทั้งบนเครื่อง Famicom เดิม ไล่ไปตั้งแต่ Super Famicom, PlayStation และอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย จนปัจจุบันนี้ ก็กลายร่างมาเป็นเกมมือถือในที่สุด หรือกระทั่งในวงการ Speedrun เอง Contra ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่มักจะมีการนำมาทำลายสถิติเล่นจบให้ไวที่สุดกันอยู่บ่อย ๆ และยังเป็นหนึ่งในไอคอนสำคัญของวิดีโอเกมในยุคแรกเริ่มของบ้านเราด้วย

แม้ในยุคต่อมา Contra จะเสื่อมความนิยมลงไปจากการมาของเกมแบบสามมิติและเกมแนวอื่น แต่ความสนุกของมันนั้นถูกส่งต่อให้กับเกมอื่น ๆ ที่ออกมาภายหลังมากมาย เช่น Metal Slug ที่ได้รับอิทธิพลมาเต็ม ๆ และแนวทางในการออกแบบเกมที่ไม่ยึดติดกับมุมมองเพียงแบบเดียวในโลกสองมิติก็ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมาจนถึงทุกวันนี้

ปัจจุบันนี้ผู้เขียนเองก็คาดหวังว่าทาง Konami จะนำซีรีส์นี้มาปัดฝุ่นใหม่และส่งมอบความสนุกให้กับผู้เล่นอีกครั้งที่ไม่ใช่แค่การนำภาคเก่ามาขายใหม่หรือเป็นเกมมือถือในแบบที่ทำอยู่ แม้จะจะคาดหวังได้ยาก แต่ถ้าหากมีโครงการกลับมาทำใหม่จริง ๆ ผู้เขียนก็ขอเป็นหนึ่งในผู้ที่ยอมเสียเงินซื้อเพื่อรำลึกถึงความทรงจำดี ๆ ในอดีตที่หลอมรวมกับโลกยุคใหม่ที่ลงตัวอย่างแน่นอนครับ

SHARE

Putinart Wongprajan

เค้ก - Content Writer

Back to top