BY StolenHeart
24 Jul 20 7:38 am

ย้อนรอย Double Dragon เกม Beat em Up ระดับตำนานแห่งยุค 90

50 Views

Beat em Up ถือได้ว่าเป็นแนวเกมที่มีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยมาโดยตลอด แม้โดยหลักมันก็คือการเดินลุยต่อยตีทุกคนที่ขวางทาง ไม่ได้มีอะไรที่แปลกใหม่ แต่ก็เป็นเกมแนวสนุกที่ผู้เล่นไม่ต้องคิดมาก และเกมที่ได้รับความนิยมในยุคแรกเริ่มเป็นขวัญใจของแฟนเกมในยุคนั้นก็คือ Double Dragon นั่นเอง

สำหรับคุณผู้อ่านที่ติดตามอ่านบทความของผู้เขียนบน GamingDose มานาน น่าจะคุ้นตาหรือเคยเห็นบทความเกม Kunio Downtown กันมาบ้าง หรือไม่ก็คงเคยเล่นกันมาแล้วอย่างแน่นอน ซึ่งเกม Double Dragon นี้ก็เป็นผลงานของ Technos Japan ในยุคแรกเริ่มเช่นกัน เปิดตัวครั้งแรกบนระบบอาร์เคตในปี 1987 หรือเมื่อ 33 ปีที่แล้ว

ซึ่งเรื่องราวของเกม Double Dragon นี้ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เราจะได้รับบทเป็น Jimmy และ Billy Lee สองฝาแฝดผู้เชี่ยวชาญวิชาการต่อสู้ ที่ออกเดินทางปราบเหล่าอันธพาลในเมืองของพวกเขา ต่อยตีไปจนถึงเจ้าหัวหน้าใหญ่ที่รออยู่ตอนท้ายเกมเพื่อพบกับฉากจบในที่สุด

สิ่งที่ทำให้ Double Dragon เป็นที่จดจำคือความสนุกสุดมันของเกม เพราะผู้เล่นสามารถออกท่าโจมตีได้หลากหลายรูปแบบทั้งหมดทั้งเตะ แถมอาวุธที่เก็บได้จากศัตรูก็ช่วยให้ท่าโจมตีมีความหลากหลายเข้าไปอีก เช่นไม้เบสบอล มีดพก และอีกมากมาย รวมไปถึงการออกแบบฉากที่มีความหลากหลาย มีจุดให้ปีนป่าย มีพื้นที่สูงต่ำ และอุปสรรคที่เกิดจากฉาก เรียกว่าเป็นเกมที่มีการผสมผสานการต่อสู้และการหลบอุปสรรคในจุดที่ลงตัวพอดี

ส่วนเหล่าตัวละครบอสก็มีความยากที่อยู่ในระดับท้าทาย หลายตัวก็น่าจดจำ เช่นพี่เบิ้ม Abobo ที่คอยปาของใส่เรา Linda ที่ใช้แส้โจมตีได้อย่างไกล หรือบอสใหญ่ Willy ที่ต้องอาศัยความพยายามอย่างสูงในการจัดการ เพราะมันมีปืนที่ฆ่าเราได้ในดอกเดียว และไม่ตกมาให้เราใช้ด้วย ทำให้มันเป็นตัวอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย

แน่นอนว่าในยุคนั้นเกมไหนที่ฮิตมาก ๆ ในร้านเกมตู้ มันก็ต้องถูกนำมาสร้างในเวอร์ชั่นตามบ้านด้วยเช่นกัน ซึ่งในปี 1988 เกม Double Dragon ก็ได้วางขายบนเครื่องเกมยอดฮิตในสมัยนั้นอย่าง NES หรือ Famicom และก็ได้รับความนิยมตามคาด แม้กราฟฟิกจะด้อยลงมาจากเวอร์ชั่นอาร์เคต แต่ความมัน คุณภาพของเสียงเพลงและอื่น ๆ ก็อยู่ในระดับที่ใครๆ ก็จดจำได้เป็นอย่างดี

เรียกว่าในยุคนั้นเราจะได้เห็นคนเล่นเกมนี้เยอะไม่แพ้เกมอย่าง Kunio เลย แม้เราจะไม่ค่อยได้เห็นเกมนี้ในรูปแบบเกมตู้มาก่อนก็ตาม

ด้วยความสนุกอันขึ้นชื่อลือชา ทำให้ Technos เข็นเกมภาคต่อออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีให้เล่นกันในระบบ NES สามภาค โดยเฉพาะภาคสองที่หลายคนยกย่องให้เป็นภาคที่ดีที่สุด(แต่ภาคสามกลับมีคุณภาพสวนทางอย่างไม่น่าให้อภัย) หรือภาคบนเครื่อง SNES ก็สนุกไม่แพ้กัน(พร้อมไปแจมกับแก็งกบจอมซ่า Battle Toad ด้วย) และยังถูกต่อยอดเป็นเกมต่อสู้บนเครื่อง NeoGeo และภาพยนตร์จอเงิน แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเจ๊งยับ จากทุนสร้าง 7.8 ล้านเหรียญ แต่ทำเงินไปแค่ 4.2 ล้านเหรียญเท่านั้น

พอเข้าสู่ยุคต้น 2000 แนวเกมที่ได้รับความนิยมก็มีการวิวัฒน์ไปตามกาลเวลา และชื่อของ Double Dragon ก็เริ่มจางหายไปพร้อมกับการปิดตัวลงของ Technos แต่พี่น้องตระกูล Lee ก็ยังมีโอกาสได้โผล่ไปแจมในสื่อวิดีโอเกมอยู่บ้างตามวาระ รวมไปถึงมีแฟนเกมที่สร้างตัวละครเข้าไปอยู่ในโปรแกรม MUGEN ในรูปแบบเกมเดินลุย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เด็กรุ่นใหม่กลับมารู้จักพวกเขาเหมือนสมัยก่อนแม้แต่น้อย

ปัจจุบันนี้ลิขสิทธิ์ของ Double Dragon ได้มาอยู่ในมือของ Arc System Works ผู้พัฒนาเกมต่อสู้ยอดนิยมอย่าง Guilty Gear และอีกมากมาย ซึ่งก็มีการวางจำหน่ายเกมอย่าง Double Dragon Neon และเกมภาคที่หกตามมาเมื่อปีก่อน ซึ่งแม้ความสนุกจะลดลงไปจากเดิม แต่ก็ทำให้แฟนเก่าได้หายคิดถึงและดึงแฟนใหม่ให้มาสนใจได้ด้วย

แม้จะจืดจางลงตามเวลา แต่ Double Dragon ก็เป็นเกมที่สร้างแนวทางให้กับเกมแนว Beat em Up อื่น ๆ ให้เดินหน้าต่อไปได้ และในยุคหลังจากนั้นก็มีเกมอย่าง Street of Rages, Final Fight และอีกมากมายออกตามกันมาให้ได้สนุกกัน

และมันก็เหมาะอย่างยิ่งที่จะหยิบมาเล่น ในช่วงที่เราไม่อยากเล่นอะไรที่หนักสมอง แค่ต่อยตีไปตามทางเท่านี้ก็สนุกพอแล้วนั่นเองครับ

Putinart Wongprajan

เค้ก - Content Writer

Back to top