BY StolenHeart
25 Jun 20 6:03 pm

ย้อนรอย Crash Bandicoot กับการเดินทางที่กลายเป็นตำนานแห่งโลกวิดีโอเกม

29 Views

หลังจากที่ Crash Bandicoot 4: It’s About Time เพิ่งจะเปิดตัวไปได้ไม่กี่วันก่อน ก็สร้างความตื่นเต้นให้กับเหล่าเกมเมอร์รุ่นเก่าที่ติดตามซีรีส์นี้มานานได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะได้เห็นเหล่าตัวละครสุดรักกลับมาอีกครั้งแล้ว ระบบการเล่นก็ดูน่าสนุกไม่น้อยด้วย

และวันนี้เราขอพาคุณกลับมาย้อนรอยตำนานเกมที่ชาว PlayStation รุ่นแรกต่างรู้จักกันเป็นอย่างดีครับ

Naughty Dog กับการแจ้งเกิดในวงการเกม

ย้อนอดีตไปในช่วงปี  1996 ค่ายเกม Naughty Dog ที่หลายคนรู้จักกันดีจากผลงานก้องโลกอย่าง Uncharted และ The Last of Us ยังเพิ่งตั้งไข่ ผลงานเกมที่ออกมายังไม่เข้าตาเท่าใด โดยเฉพาะผลงานแรก ๆ ของพวกเขาอย่าง Way of The Warrior เกมต่อสู้ที่ลอกเลียนแบบ Mortal Kombat มานั้นคุณภาพย่ำแย่เหลือทน แต่นั่นก็เป็นใบเบิกทางที่ทำให้พวกเขาได้รับโอกาสในการพัฒนาเกมต่อจากทาง Universal Interactive Studios หรือ Vivendi Games อีกถึงสามเกม

Jason Rubin หนึ่งในผู้ก่อตั้งยุคแรกเริ่มของ Naughty Dog

Jason Rubin และ Andy Gavin สองผู้ก่อตั้ง Naughty Dog ในสมัยนั้นจึงมีความคิดที่จะสร้างเกม Action Platform ที่เข้าใจได้ง่ายและเล่นสนุก และมีชื่อเล่นในการพัฒนาแบบขำ ๆ ว่า “Sonic’s Ass Game” โดยพวกเขาเริ่มแผนการพัฒนาทันทีในปี 1994 และในตอนนั้นพวกเขาก็ได้ตัวคุณ Charles Zembillas นักวาดการ์ตูนที่ฝากผลงานออกแบบในวงการเกมไว้มากมาย และ Joe Pearson มาเป็นผู้ออกแบบเหล่าตัวละครในเกมนี้

ซึ่งการออกแบบตัวละครนั้นพวกเขาก็มีแนวคิดในการออกแบบที่ผสมผสานจุดเด่นของสองตัวละครจาก Sega และ Warner Bros. อย่างเจ้าเม่น Sonic และเจ้า Tasmanian Devil ที่เป็นการ์ตูนยอดนิยมในสมัยนั้นเข้าด้วยกัน จนท้ายที่สุดในการออกแบบก็มาลงตัวเป็นเจ้า Bandicoot หรือหนูพุกที่ถูกแปลงโฉมจนหล่อเท่ ไล่เตะกล่องไม้และหลบหนีอุปสรรคเพื่อไปถึงเป้าหมายให้ได้นั่นเอง

Crash Bandicoot ในภาคแรกนั้นเป็นเรื่องราวของ Doctor Neo Cortex และลูกสมุนที่ใช้อุปกรณ์ดัดแปลงพันธุกรรม เปลี่ยนสัตว์ให้กลายเป็นอสูรร้ายบนเกาะแห่งหนึ่งเพื่อเอามาเป็นลูกน้อง ทว่าพวกสัตว์ที่กลายร่างไปแล้วนั้นไม่ยอมเชื่อฟังและหลบหนีออกมา โดยมี Crash เจ้า Bandicoot หนุ่ม ตัวเอกของเกมที่ตั้งใจจะช่วยเหลือพวกพ้องของตนออกมา เดินทางผ่านเกาะมหัศจรรย์ที่มีอุปสรรคมากมายต่อไปนั่นเอง

รูปแบบการเล่นของ Crash Bandicoot นั้นเรียกว่าค่อนข้างเรียบง่ายไม่ยุ่งยากมากนัก แค่ลุยผ่านฉากผ่านอุปสรรคที่เจอไปให้ได้ พร้อมกับเก็บสะสมคะแนนโบนัสจากแอปเปิลที่เก็บได้ในฉาก ปราบศัตรูด้วยการกระโดดเหยียบหัวหรือใช้ท่าลูกเตะพายุ ถ้าโดนศัตรูโจมตีหรือไปแตะมันเข้าก็จะเสียพลังชีวิต ถ้าชีวิตหมดก็เกมจบ เรียกว่าเป็นรูปแบบการเล่นที่เข้าใจได้ไม่ยาก ใครเล่นก็สนุกนั่นเอง

แม้ถ้าจะว่ากันตามตรง ตัวเกมนั้นอาจจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง ทั้งการควบคุมที่ไม่ลื่นไหลและติดขัดในหลายจุด มุมกล้องมองยากในบางฉาก และความยากที่ค่อนข้างสูง แต่มันก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้เล่นมากมาย เพราะเป็นเกมที่มีกราฟฟิกสดใสน่ารักดึงดูดคนทุกเพศทุกวัย รูปแบบการเล่นเข้าใจง่ายเข้าถึงทุกคน

และที่สำคัญคือในตอนนั้นเครื่อง PlayStation เองก็ยังไม่มีตัวละครที่เป็นตัวแทนของตัวเองเหมือนกับที่ Nintendo มีลุงหนวด Mario Sega มีเจ้าเม่น Sonic ดังนั้นเจ้า Crash จึงเป็นตัวละครที่มาถูกเวลาและถูกใช้เป็นตัวละครชูโรงให้กับ Sony ในตอนนั้นไปโดยปริยายนั่นเอง

Crash Bandicoot ได้รับคำชมจากสื่อมากมายในยุคนั้น แม้จะมีสื่อบางเจ้ามองว่าตัวเกมนั้นยังห่างไกลจากสิ่งที่ Super Mario และ Sonic The Hedgehog ทำเอาไว้อย่างมากก็ตาม แต่นั่นก็เป็นก้าวแรกที่ PlayStation ได้มีเกม Action Platform แบบเดียวกับเครื่องอื่น ๆ รวมไปถึงมีตัวละคร Mascot ให้เป็นที่จดจำได้เหมือนเจ้าอื่น ๆ ด้วย

แน่นอนว่าความสำเร็จของตัวเกมภาคแรกทำให้ Naughty Dog เข็นเกมภาคต่อออกมาอีกสองภาคตามที่ตกลงไว้กับ Universal นั่นก็คือ Cortex Strike Back(1997) และ Warped(1998) ซึ่งมีการพัฒนาในหลายส่วนอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในภาคที่สามที่ทำคะแนนรีวิวจากสื่อได้สูงมาก พร้อมยอดขายรวมที่ 2.9 ล้านชุด กวาดรางวัลจากสื่อไปอีกเพียบ กลายเป็นเกมระดับตำนานของเครื่อง PlayStation ไปในที่สุด

ผลงานเกม Crash Bandicoot เกมสุดท้ายของทาง Naughty Dog คือ Crash Team Racing เกมซิ่งรถในสไตล์ Mario Kart ที่ยังคงได้รับเสียงชมมากมายจากผู้เล่นและสื่อ แม้ในบ้านเราจะชื่นชอบเกม Chocobo Racing จาก Square Enix มากกว่า แต่ตัวเกมก็มีความสนุกที่แตกต่าง รวมไปถึงสนามแข่งในเกมก็มีความท้าทายไม่ใช่น้อยเช่นกัน ก็ทำให้เราพอจะเห็นคนหยิบเกมนี้มาเล่นกันบ้างในร้านเช่าเล่นสมัยก่อน

เปลี่ยนมือสู่ผู้พัฒนาใหม่

หลังจากปี 2000 ทาง Universal ก็หมดสัญญา Exclusive กับทาง Sony และทาง Naughty Dog เองก็มีสัญญาว่าจะทำเกมให้กับทาง Universal เพียงสามเกมเท่านั้น(มี Crash Team Racing เป็นเกมแถม) ดังนั้นในปี 2001 ทาง Universal จึงมอบหมายให้ Traveller Tales เป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนาเกมภาคใหม่ในชื่อว่า The Wraith of Cortex ซึ่งเวลาในการพัฒนาก็จำกัดเพียง 12 เดือนเท่านั้น และต้องสร้างทุกอย่างขึ้นใหม่หมดตั้งแต่ต้น และยังต้องลงให้กับทั้งเครื่อง PS2, Xbox และ Gamecube เรียกว่าเป็นงานช้างกันเลย

และผลจากการเร่งงานก็ทำให้ตัวเกมได้รับเสียงวิจารณ์ในทางที่ไม่ค่อยดีนัก และระบบ Free-roam ของเกมเองก็ว่างเปล่าจนไร้จุดหมายทำให้หลายคนไม่ใคร่จะชอบใจนัก โชคดียอดขายของเกมยังดีอยู่ด้วยชื่อเสียงที่สะสมมานาน แต่ก็ยังพอกู้หน้ากลับมาได้จากภาค The Huge Adventure ที่ทำยอดขายไปได้ดีพอสมควร

Traveller Tales ยังคงได้รับมอบหมายให้สร้างเกมจากซีรีส์ Crash ต่อ และหนึ่งในโปรเจกต์ใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือ Crash Bandicoot Evolution ที่มีการเพิ่มระบบใหม่เข้าไปมากมาย จนกลายเป็นเกมแนว RPG ได้เลย แต่สุดท้ายเนื่องจากปัญหารุมเร้าหลายอย่างทั้งความล่าช้า ความไม่ลงรอยระหว่างผู้พัฒนากับผู้ออกทุน ทำให้ตัวเกมถูกยกเลิกไปในที่สุด จนท้ายที่สุด เจ้าของลิขสิทธิ์อย่าง Vivendi Games ก็ถูกควบรวมกิจการกับทาง Activision ไปในเวลาต่อมา

จางหายและกลับมาใหม่อีกครั้ง

หลังจากการพัฒนาที่ไม่ต่อเนื่อง บวกรวมกับสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีของ Vivendi Games ทำให้ในที่สุดตัวบริษัทก็ถูกควบรวมกิจการโดย Activision อย่างที่ได้กล่าวไป พร้อมลิขสิทธิ์เกมต่าง ๆ ในมือไปครอบครอง แม้สื่อต่าง ๆ จะพยายามถาม Activision ถึงการนำ Crash Bandicoot กลับสู่ตลาด แต่พวกเขาก็ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ มาบอกกล่าวยาวนานถึง 5 ปีเต็ม แต่ก็ยังมีข่าวลือหลุดออกมาบ้าง ว่า Crash ภาคใหม่หรือ Remastered กำลังอยู่ในการพัฒนา แต่ก็ไม่มีการยืนยันใด ๆ ทั้งสิ้น

และในที่สุดปี 2016 ที่งาน E3 Crash Bandicoot ก็กลับมาอีกครั้งหลังถูกลือมานาน ด้วยการนำเกมภาคดั้งเดิมทั้งสามภาคกลับมาปรับกราฟฟิกใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย วางขายบนเครื่องคอนโซลยุคใหม่ในชื่อว่า N trilogy และยังมีข่าวดีอย่างต่อเนื่องคือการวางจำหน่ายภาคต่อของ Crash Team Racing ในชื่อ Nitro-Fuel ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมเช่นกัน

และในปีนี้อย่างที่เราได้เห็นกันว่าเกมภาคที่สี่กำลังจะกลับมาอีกครั้ง เรียกว่าเป็นภาคต่อที่แท้จริงอย่างที่หลายคนรอคอย และเชื่อได้ว่าหากภาคนี้ประสบความสำเร็จ เราก็น่าจะได้เห็นซีรีส์นี้ไปต่อได้อีกยาวนานแน่นอนครับ

Fun Fact: สิ่งหนึ่งที่ผู้เล่นหลายคนเข้าใจผิดมาตลอดเกี่ยวกับเจ้า Crash ที่เป็นตัวเอกของเกมนั้นก็คือ เขาไม่ได้เป็นหมาป่าหรือจิ้งจอกแบบที่หลายคนเข้าใจ เพราะ Bandicoot จริง ๆ แล้วเป็นสัตว์ตระกูล Peramelemorphia หรือหนูพุกที่มีขนาดตัวพอ ๆ กับกระต่าย มีจุดเด่นตรงจมูกที่ค่อนข้างยาว พบได้มากในประเทศไทย บังกลาเทศ อินเดีย จีน และประเทศอื่น ๆ ในทวีปเอเชีย ไม่ใช่หมาป่าอย่างที่หลายคนเข้าใจนั่นเอง

Putinart Wongprajan

เค้ก - Content Writer

Back to top