BY StolenHeart
19 Aug 19 11:49 am

Mafia กับการขยายโลกเกม Open World ให้เข้มข้นด้วยเนื้อเรื่อง

16 Views

ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้วเราเคยแนะนำเหล่าตัวละครเอกจากเกม Mafia กันไปแล้ว ซึ่ง Mafia ทั้งสามภาคนั้นถือเป็นเกมที่มีความโดดเด่นในด้านเนื้อเรื่องอย่างมากเมื่อเทียบกับเกมแนว Open World ด้วยกัน การวางบทบาทและดำเนินเรื่องนั้นเฉียบคมราวกับภาพยนตร์ชั้นดี และวันนี้เราจะย้อนกลับมาดูกันว่า สิ่งที่ทำให้เกม Mafia นั้นยอดยี่ยมจนเป็นที่จดจำนั้นคืออะไรบ้าง

ปี 2001 เป็นปีที่โลกได้รู้จักกับ Grand Theft Auto III

GTA III

มันเป็นผลงานชิ้นเอกอันสุดแสนทะเยอทะยานของ Rockstar Games เปลี่ยนแปลงโลกของเกมให้ไปสู่แนวทางที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน นั่นคือการเปิดอิสระให้ผู้เล่นเต็มที่ ว่าจะไปทำอะไรก็ได้ จะไปดำเนินเนื้อเรื่อง หรืออาละวาดในเมืองก็ทำได้ทั้งสิ้น เป็นการสร้างความสนุกในแบบที่สมจริงยิ่งกว่าภาพแบบ Pixel เดิม ๆ ที่หลายคนคุ้นตา จนกลายเป็นกระแสสังคมในเวลาต่อมา

และด้วยความดังที่ฉุดไม่อยู่นี้ทำให้ผู้พัฒนาหลายเจ้าเริ่มเอาอย่างบ้าง ด้วยการพัฒนาเกมที่มีธีมในโลกอาชญากรรมแบบเปิดกว้างเช่นเดียวกับ GTA แต่ก็ไม่มีใครสามารถเทียบชั้นได้เลย แต่กระนั้นก็ยังมีหลายเกมที่มีรูปแบบการนำเสนอที่ไม่เหมือนใครหลุดมาให้เห็นบ้าง และหนึ่งในเกมที่ว่าก็คือ Mafia นี่เอง

Mafia เป็นเกมที่บอกเล่าเรื่องราวของ Thomas “Tommy” Angelo ชายหนุ่มธรรมดาผู้ทำอาชีพขับแท็กซี่ในเมือง Lost Heaven ช่วงยุคปี 1930 สมัยที่เหล่ามาเฟียครองเมือง ทุกอย่างดูปกติดีจนกระทั่งมีชายสองคนจากแก๊ง Salieri ถูกไล่ล่าจากคู่อริหนีขึ้นรถของเขา ทำให้ Tommy ต้องพาพวกเขาหนี หลังจากที่พาหนีมาได้ เขาก็ได้รับการต้อนรับขับสู้อย่างดีจากแก๊ง Salieri จนถูกตามล่าไปด้วยอีกคน ทำให้เขาต้องเข้ามาพัวพันกับวังวนแห่งอาชญากรรมนับตั้งแต่นั้น

แน่นอนว่าสำหรับในโลกภาพยนตร์ เรามีตำนานอย่าง Godfather ที่เป็นสุดยอดหนังมาเฟียตลอดกาล แต่ในวงการเกมเรายังไม่ได้เห็นอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น จริงอยู่ที่ GTA III ก็เป็นเกมที่บอกเล่าเนื้อเรื่องได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับในภาพยนตร์ที่มีการลำดับเรื่องราวที่น่าติดตามกว่า และไม่ถูกกิจกรรมในเกมดึงความสนใจไป

แต่สำหรับ Mafia นั้น สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกทึ่งไปกับมันก็คือการทำฉากคัตซีนที่ยกระดับเกมแนว Open World ให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกขั้น เพราะมีการลำดับภาพ วางมุมกล้องและอื่น ๆ เหมือนกับชมภาพยนตร์ งานศิลป์ต่าง ๆ ได้รับการใส่ใจวางรายละเอียดมาดีเยี่ยม ทั้งบ้านเมือง รถรายานพาหนะ รวมไปถึงรายละเอียดเล็กน้อยมากมาย เหล่านี้ประกอบรวมกันก็ทำให้ Mafia เป็นเกมที่ถ้าดูแค่ภาพยนตร์คั่นฉากก็ดูเหมือนได้ดูหนังทั้งเรื่องไปแล้ว

และด้วยความยอดเยี่ยมของเนื้อเรื่องนี่เองที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกอยากเล่นต่อจนไม่อยากเลิก

แม้ตัวเกมจะเต็มไปด้วยความจุกจิกน่ารำคาญ หรือความยากที่แกว่งในหลายฉาก(เช่นฉากแข่งรถในตำนานที่ทำหลายคนหัวร้อนมาแล้ว) หรือการที่ตัวเกมใส่ระบบการตามล่าของตำรวจที่จุกจิกเข้ามา(ขับรถเร็วโดนจับ ผ่าไฟแดงโดนจับ อะไรแบบนี้) แต่ที่ยังทนเล่นไหวอยู่ก็เพราะเนื้อเรื่องที่เข้มข้นนั่นเอง

หรือนอกจากเนื้อเรื่อง บรรยากาศในเกมเองก็เป็นสิ่งที่ตัวเกมทำออกมาได้ดี อย่างที่ได้กล่าวไปว่ารายละเอียดต่างในเมืองถูกถอดมาจากของจริงในยุค 1930 ได้อย่างถูกต้อง ทำให้การขับรถหรือเดินเล่นในเมือง Lost Heaven ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเก่า ๆ หลากหลาย ทั้งย่านชุมชนแออัด พื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม หรือการขึ้นรถไฟลอยฟ้าท่องเที่ยวในเมืองก็ล้วนเป็นสิ่งที่น่าประทับใจทั้งสิ้น

แต่ถ้าจะให้พูดอย่างยุติธรรม เมื่อเทียบกับเกมแนว RPG ที่ลุ่มลึกกว่านี้ในยุคก่อน Mafia ก็ยังสู้ได้ยาก แต่ด้วยการยกระดับการนำเสนอโดยการใช้กราฟฟิกในยุคใหม่มาประกอบการนำเสนอให้ใกล้เคียงกับในภาพยนตร์มากขึ้น รวมไปถึงการหักมุมที่กระชากใจคนเล่นอย่างแรงในตอนท้าย ในรูปแบบที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนจะเทใจให้กับ Mafia เพราะการนำเสนอที่ยกระดับวงการเกมขึ้นไปจนเทียบชั้นได้กับภาพยนตร์ได้เลย

แน่นอนว่าในเมื่อตัวเกมทำได้ดี ยอดขายและคำวิจารณ์ก็ต้องเป็นไปในทางบวกอย่างแน่นอน

Mafia ได้รับคะแนนวิจารณ์บนระบบ PC ไปสูงลิ่วในระดับ 9/10 จากสื่อหลายสำนัก ด้วยความสมจริงและเนื้อเรื่องที่เล่าได้อย่างลงตัวเข้มข้น และกลายเป็นเกมในดวงใจใครหลายคนไปนับตั้งแต่ตอนนั้น ส่วนยอดขายก็ทำไปได้ถึง 2 ล้านชุด แม้จะไม่มากเท่า GTA III ที่เปิดตัวมาก่อนร่วมปี แต่ก็ดีมากพอที่ทำให้ผู้จัดจำหน่ายอย่าง Take Two ต้องพิจารณาถึงการสร้างภาคต่อเลยทีเดียว

ปัจจุบันนี้ Mafia มีเกมออกมาทั้งหมดสามภาค แม้มาตรฐานในด้าน Gameplay จะด้อยกว่าเกม Open World แนวอาชญากรรมอื่น ๆ แต่เนื้อเรื่องของเกมยังคงเป็นจุดแข็งที่ไม่เปลี่ยนแปลง จากเรื่องราวของ Tommy ไปสู่ Vito และมาถึง Lincoln ล้วนแล้วแต่น่าติดตามเสมอ แม้ในอนาคตเราอาจจะหวังภาคต่อของซีรีส์ในเร็ว ๆ นี้ได้ยากแล้วก็ตาม

ซึ่งเราก็ได้แต่คาดหวังว่าในอนาคตเราจะได้เห็นเกมที่บอกเล่าเรื่องราวของเหล่ามาเฟียผู้อยู่เบื้องหลังโลกอาชญากรรม ผู้ทำธุรกิจผิดกฎหมาย และถือคำสัตย์สาบานที่มีต่อตระกูลและเพื่อนพ้องของตนต่อไปครับ

*อ่านเรื่องราวความเป็นมาของ Tommy Angelo ตัวเอกของภาคแรกได้ ที่นี่

SHARE

Putinart Wongprajan

เค้ก - Content Writer

Back to top