เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมา ทาง GamingDose ของเรา ได้รับเกียรติจากทาง 2K ให้บินไปยังกรุงเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และเข้าร่วมทดลองเล่น Borderlands 4 แฟรนไชส์เกม Loot Shoot ภาคต่อที่ภาคนี้ยกระดับไอเดียและระบบเกมเพลย์การเล่นให้ลื่นไหลและสนุกขึ้นไปอีกขั้นจากของเดิม และเราก็ได้มีโอกาสสัมผัสตัวเกมกันมาแล้ว โดยได้เล่นมาประมาณ 2 ชั่วโมง จะเป็นยังไง มารับชมไปพร้อม ๆ กัน
สำหรับการทดลองเล่นเกมครั้งนี้ เราได้สัมผัสเพียงแค่ 2 ตัวละครเท่านั้น นั่นคือ Vex กับ Rafa ส่วนอีก 2 ตัว น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัส ตัวละคร Vex นั้น จะเป็น Siren มีพลังในการอัญเชิญเหล่าภูติวิญญาณมาช่วยสู้ หรือจะกลายร่างเป็นภูติวิญญาณเลยก็ได้ ส่วน Rafa จะเป็นทหารมากฝีมือที่มีความสามารถในการใช้อาวุธและชุดสูท เป็น Exo Soldier มากฝีมือ ซึ่งทั้งสองตัวละครนี้ ถือว่ามีสไตล์การเล่นที่ต่างกันอย่างชัดเจน
นอกจากนั้น พื้นที่ที่เราไปได้ และบอสที่เราได้สู้ ก็ค่อนข้างจำกัดเพราะเรามีเวลาเล่นประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ให้ถือว่านี่เป็นพรีวิวมากกว่าที่จะเป็นการสัมผัสตัวเกมเต็ม ๆ แทน
สิ่งแรกที่ทำให้อารมณ์การเล่นของ Borderlands 4 เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงก็คือ ความสามารถในการเคลื่อนไหวรูปแบบใหม่ที่มีเพิ่มเข้ามาถึง 5 อย่างที่ทำให้การสำรวจของเราลื่นไหลและตื่นเต้นมากขึ้น อย่างแรกคือการที่เกมมีระบบ Double Jump และ Grapling Hook เข้ามา จากแต่ก่อนที่ Borderlands น่าเสียอารมณ์ไปกับการเจอที่สูง แต่ต้องปีนขึ้นแต่บันไดเท่านั้น ในภาคนี้เราจะขึ้นที่สูงได้สะดวกขึ้น และยังมีการ Climb หรือปีนป่ายเพิ่มเข้ามาด้วย โดยมันไม่ใช่แค่การใช้กับการสำรวจเท่านั้น แต่เรายังสามารถใช้ในการต่อสู้ได้อีกต่างหาก
ด้วยระบบใหม่เหล่านี้ ทำให้คราวนี้เวลาที่เราเจอกับฝูงศัตรูแบบเป็นกองทัพ ใครควบคุมแบบเชี่ยวชาญหน่อยจะสามารถเอาตัวรอด รอพลังรีเจน แล้วเก็บหมดยกกองทัพได้แบบสบาย ๆ แม้จะเหนื่อยหน่อย แต่ก็สามารถรอดได้โดยไม่ตายอย่างแน่นอน และอีกระบบที่ทำให้การต่อสู้ในภาคนี้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น คอมโบกับระบบเคลื่อนไหวแบบใหม่เลยก็คือ ในภาคก่อน ๆ เวลาที่เราพลังชีวิตเหลือน้อย ส่วนใหญ่ก็จะต้องหลบรอพลัง หรือไปวิ่งหายาเติมที่ดรอปตามพื้น แต่ในภาคนี้ เราจะมีไอเทมที่เรียกว่า Repkits มันจะทำหน้าที่เหมือนยาเพิ่มพลังแบบติดตัวที่เราสามารถกดใช้ได้ และหากใช้จนหมด เราก็หามันจากการโจมตีศัตรูนั่นเอง ตัดปัญหาเรื่องโดนขัดจังหวะเพราะพลังชีวิตเหลือน้อยได้เลย
หน้าต่างช่องเก็บของและตัวละคร ถูกปรับโฉมใหม่หมด มันถูกปรับให้เข้าใจง่ายกว่าเดิม และแยกช่องเก็บของอาวุธพิเศษกับระเบิดออกจากกัน ทำให้เราสามารถแบกของไปสู้ได้เยอะขึ้น มีการแยกหน้าต่าง Equipment และ Backpack ออกจากกัน ช่วยให้การจัดการไอเทมภายในตัวสะดวกสบายกว่าเดิมด้วย รวมไปถึงเมนู Sorting ไอเทม ให้มันเรียงไอเทมตามรูปแบบความถนัดของเรา ส่วนของอาวุธเอง ภาคนี้ก็มีไอคอนสัญลักษณ์เล็ก ๆ แปะไว้ตรงหน้าช่องเก็บของให้เราได้เห็นกันตั้งแต่แรกเลยว่า อาวุธของเรานั้น ใช้เป็นธาตุอะไร ทำให้ภาคนี้สำหรับส่วนของ UX/UI แล้ว ถือว่ามาทรงดีเลยทีเดียว และดูสะดวกกว่าภาคที่ผ่านมา
ด้านของเกมเพลย์ ก็ต้องบอกว่า ใครที่ชื่นชอบ Borderlands ภาคที่แล้ว ๆ มา ภาคนี้คุณน่าจะยังชอบเหมือนเดิม หรืออาจจะชอบมากขึ้นก็ได้ อย่างที่บอกไปว่าการมาถึงของระบบ Movement แบบใหม่ มันทำให้เราออกลีลาแอ็คชันได้เยอะขึ้น แต่ศัตรูเองก็ไม่ใช่ไก่กา มันจะมาพร้อมกับความป่วนไม่ว่าจะเป็นโล่ป้องกันธาตุต่าง ๆ การบินบนฟ้า การไล่ล่าบนพื้นดิน ล้วนเป็นการต่อสู้ที่คุณจะอยู่เฉยไม่ได้ ไม่งั้นได้โดนรุมจนตายแน่นอน ในช่วงที่ผมได้ลองเล่นไปประมาณ 30 นาที มีจัหงวะหนึ่งที่ได้ต่อสู้ต่อเนื่องยาวกว่า 10 นาที เพราะศัตรูมันแห่กันมาไม่หยุด ถ้าเราเคลียร์ศัตรูไม่ทัน หรือไม่คิดที่จะหนีก็อาจจะเจอแบบนี้บ่อย ๆ หลังเล่นซีนนี้ ผมได้มีโอกาสคุยกับ Randy Pitchford และ Andrew Reiner และผมได้บอกว่า ไอ้ระบบนี้แหละที่ทำให้เกมสนุกขึ้น ซึ่งทั้งสองคนก็บอกว่านี่แหละคือจุดประสงค์ของเกมภาคนี้เลย
ขึ้นชื่อว่าเป็น Borderlands หลายคนคงอยากจะรู้จักว่าอาวุธต่าง ๆ มีหลากหลายแค่ไหน มันจะเยอะแต่ดูซ้ำไปซ้ำมา เหมือนภาคที่แล้วไหม ต้องบอกว่าด้วยช่วงเวลาการเล่นที่จำกัด ผมไม่ได้มีโอกาสนั่งดูระบบนี้แบบเต็ม ๆ ขอเสพเกมเพลย์ก่อน แต่จากที่ฟัง Presentation มา ภาคนี้จะมีระบบที่เรียกว่า Licensed Part มันคือระบบที่อาวุธปืน 1 กระบอก จะไม่ใช่ของบริษัทเดียวแบบภาคก่อน ๆ แต่มันจะมีชิ้นส่วนจากแต่ละบริษัทเข้าไปผสมกันเป็นปืน 1 ปืน นั่นหมายความว่าจุดเด่นของแต่ละบริษัทปืนอาจถูกนำมารวมกันและใช้งานได้ในปืนกระบอกเดียว
อย่างในภาพตัวอย่างของ Official ในมือของตัวละคร Rafa นี้ อาวุธปืนที่เขาถืออยู่มีชิ้นส่วนทั้งจากบริษัท Torque, Hyperion, Maliwan และ Vladof นั่นหมายความว่าปืนกระบอกนี้จะทั้งยิงได้เร็ว กระสุนระเบิดได้ แถมมีโล่และฝังธาตุลงกระสุนได้อีก นี่แหละความสนุกของระบบนี้ แต่ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่า ปืน 1 ปืนจะยัดส่วนผสมลงไปได้กี่บริษัท อันนี้ก็ต้องรอดูในอนาคตในช่วงที่เขาปล่อยข้อมูลเพิ่ม หรือรอช่วงเกมเต็มออกกันอีกรอบ
และไฮไลท์ของการทดลองเล่นในครั้งนี้ของผมคือ Boss Fight เราได้มีโอกาสสู้กับบอส 1 ตัว กับ Primordial Guardian Inceptus โดยเส้นทางก่อนจะถึงบอสก็ถือว่าใช้เวลาระดับนึง แต่ความสนุกของการฟาดกับบอสตัวนี้ก็คือ การที่มันแทบจะต้องใช้ทุกอย่างที่เป็นของใหม่ในภาคนี้ในการสู้กับมัน ไม่ว่าจะเป็นแดชซ้าย ขวา กระโดดถอยหลัง การใช้ Graplling Hook ดึงเปิดจุดบางส่วน หรือโหนตัวขึ้นไปเพื่อหลบพื้นผิวที่เป็นพิษและยังต้องยิงไปด้วยอีก คือถ้าเจอครั้งแรกนี่ผมว่าหลายคนมีเวียนหัวกันบ้าง เพราะสปีดเกมมันสูงขึ้นพอสมควร นับเฉพาะการสู้กับบอสตัวนี้ แต่มันก็เป็นประสบการณ์สู้บอสที่สนุก ดุเดือด และถึงใจมาก ๆ มันไม่ใช่แค่การเดินหน้ายิงแหลกแจกกระสุน หรือหลบเพื่อรีเจนพลังอีกแล้ว แต่คราวนี้เราแทบจะต้องงัดทุกอย่างที่เรียนรู้มา เพื่อจัดการบอสสักตัวนึงเลย สมกับเป็นการสู้บอสดีเหมือนกัน
และทั้งหมดนี้คือที่เราได้สัมผัสมากับ Borderlands 4 ต้องบอกว่าด้วยเวลาที่มันจำกัดจริง ๆ นี่จึงนับเป็นส่วนน้อยมาก ๆ เรายังไม่ได้เห็นอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ควรจะได้เจอ เพราะนับช่วงเวลาที่เราได้เล่นมัน ก็อีก 4 เดือนเต็ม กว่าเกมเต็มจะออกมาให้เราได้เล่นกัน อย่างที่บอกไปว่า สำหรับแฟน Borderlands แล้ว คุณจะไม่ผิดหวังในด้านเกมเพลย์ ส่วนเนื้อเรื่องก็ไปรอลุ้นกันอีกที ในวันที่ 12 กันยายน 2025 นี้ กับ Borderlands 4 และตัวเกมภาคนี้ ยืนยันจากปากทีมพัฒนาแล้วว่า รองรับภาษาไทยด้วย น่าเสียดายที่เวอร์ชันที่ผมได้ลองเล่นมานี้ มันยังไม่มีภาษาไทยให้ปรับ ไม่งั้นคงได้เอามาให้ดูกัน ก็รอติดตามข้อมูลในส่วนนี้กันต่อไป