BY KKMTC
8 Mar 22 6:11 pm

ความพิเศษของ Gran Turismo ที่ทำให้ซีรีส์เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนเกมอื่น

28 Views

Gran Turismo เป็นแฟรนไชส์เกมแข่งรถสมจริงของค่าย Polyphony Digital กับ PlayStation ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองจนคว้าใจเหล่าเกมเมอร์ แล้วขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในเกม Racing โด่งดังไม่มีกี่เกม ที่ใครหลายคนจดจำชื่อเกมนี้ได้

แน่นอน Gran Turismo มีความพิเศษหลายอย่าง ที่ช่วยให้ซีรีส์มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง แล้วจะมีอะไรบ้าง ก็สามารถเข้าไปอ่านได้เลยครับ

ความใส่ใจรายละเอียดของรถยนต์ไปถึงขีดจำกัด

อย่างที่เกมเมอร์หลายคนทราบกันดี Gran Turismo เป็นเกมที่มีภาพกราฟิกสวยงามสมจริง และเป็นหนึ่งในเกมที่สามารถงัดประสิทธิภาพกมคอนโซล PlayStation ได้อย่างเต็มกำลัง

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ Gran Turismo ทำได้เหนือชั้นพอ ๆ กับความงามของภาพกราฟิก คือด้านความใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยทั้งโมเดลรถยนต์ และสนามแข่งรถ เพื่อให้บรรยากาศของเกมดูทั้งสมจริง พร้อมพิสูจน์ความพยายาม กับแสดงแพชชันของทีมพัฒนาเกมที่ได้ใส่หัวใจลงไปในเกม

ในมุมมองส่วนตัว แม้ Gran Turismo 7 มีคอนเทนต์รถยนต์กับสนามแข่งในช่วง Day 1 ที่น้อยกว่าเกมภาคเก่า แต่เนื่องจากรถยนต์ทุกคัน ทุกสนามแข่งมีความใส่ใจในรายละเอียดสูงมาก โดยมีข้อเสียหรือจุดตำหนิที่เล็กน้อย สามารถมองข้ามข้อเสียไปได้นั้น ก็นับว่าสิ่งที่สามารถยอมรับกันได้ เพราะสุดท้ายแล้ว คุณภาพย่อมสำคัญกว่าปริมาณอยู่เสมอ

นอกจากนี้ โหมดถ่ายรูป Gran Turismo มีฟีเจอร์ปรับแต่งรายละเอียดภาพค่อนข้างจัดเต็ม กับมีฉากหลังจากโลกจริงให้เลือกมากกว่า 1,000 โลเคชัน ถือว่าเป็นเกม Racing อีกเกมที่ใช้เวลาถ่ายภาพรถ พอ ๆ กับเวลาแข่งรถเลยทีเดียว

มีการนำเสนอประวัติศาสตร์ยานยนต์ที่น่าหลงใหล

Gran Turismo Sport

ปกติแล้ว เกม Racing ส่วนใหญ่จะเน้นนำเสนอข้อมูลสเปกต่าง ๆ แล้วมีการโยนข้อมูลฉบับย่อว่ารถยนต์คันนี้ดีอย่างไร ทำไมจึงเป็นตำนานในวงการยานยนต์

แต่ Gran Turismo ยังคงเป็นแชมป์ในด้านการนำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ยานยนต์ ที่เกมอื่นไม่สามารถต่อสู้เทียบชั้นกับ GT ได้ เพราะเกม GT จะเริ่มนำเสนอเรื่องราวตั้งแต่บุคคลที่ก่อตั้งแบรนด์ ความเป็นมาของแบรนด์ รถยนต์แต่ละรุ่นออกวางจำหน่ายในช่วงปีไหน เผยช่วงยุคทองและยุคตกต่ำของแบรนด์ และอื่น ๆ อีกมากมาย

แม้รายละเอียดจะเยอะ แต่ทีมงานสามารถนำเสนอบทความด้วยปริมาณเนื้อหาที่พอดี ข้อมูลไม่เยอะเกินไปจนต้องอ่านกันตาลาย และไม่ได้น้อยเกินไป จนพลาดข้อมูลสำคัญบางอย่าง ซึ่งหากคุณเหนื่อยจากการแข่งขันในเกม ก็สามารถเข้าไปอ่านบทความรถยนต์ หรืออ่านสไลด์โชว์ในโหมด “พิพิธภัณฑ์” อย่างเพลิดเพลิน

การออกแบบ User Interface หรูหรา เป็นเอกลักษณ์

Gran Turismo 4

แม้ UX อาจไม่ดีที่สุด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า World Map ของเกม GT ดีไซน์ได้มีเอกลักษณ์มาก ๆ

จัดว่าเป็นธรรมเนียมของเกมตระกูล Gran Turismo ไปแล้วก็ว่าได้ ที่การออกแบบ User Interface เกือบทุกภาค จะต้องเป็นสไตล์ปฏิทินหรูหรา คลาสซี่ หรือไม่ก็เป็นแผนที่ World Map ที่ผู้เล่นสามารถเข้าถึงโหมดต่าง ๆ จากการสำรวจหน้าเมนูทั่วมุม 360 องศา

ซึ่งแน่นอนว่าเกมเมอร์ทุกคนไม่ได้ชื่นชอบ UI เกม Gran Turismo เพราะต้องใช้เวลาปรับตัวค่อนข้างเยอะ รวมถึงทำให้การเล่นเกมไม่สะดวกราบรื่นเท่าที่ควร และส่วนตัวคิดว่า UI ของเกมดังกล่าว ยังมีช่องว่างให้สามารถปรับปรุง Quality-of-Life ให้ดีขึ้นได้เช่นกัน โดยการปรับปรุง UI/UX นั้น ต้องเริ่มต้นมาจากการอ่านข้อเสนอแนะจากผู้เล่นอื่น และแก้ไขแบบค่อยเป็นค่อยไป

เป็นเกมแข่งรถสมจริง ที่เข้าถึงง่าย

Gran Turismo 4

หากพูดถึงเกมรถแข่งแบบสมจริง หลายคนอาจนึกถึงระบบเกมการเล่นที่โดนใจขาฮาร์ดคอร์ เล่นยาก มีการ Competitive แข่งขันกับผู้เล่นอื่น และ “ไม่เหมาะสำหรับเกมเมอร์ Casual” ที่อยากขับรถชิลล์ ๆ หรือเน้นขับรถสนุกเมามันเป็นหลัก

สำหรับเคสของเกม Gran Turismo นั้น ก็ถือว่าถูกต้องแบบ 50/50 เพราะ GT มีระบบการขับรถสมจริง เลี้ยวกับเบรกยากกว่าเกม Racing แบบอาร์เคด ไม่มีการย้อนกลับให้แก้ไขข้อผิดพลาดจากการชนกำแพงหรือขับออกสนาม และมีองค์ประกอบเกมเพลย์อื่น ๆ อีกมากมาย ที่ผู้เล่นสามารถคาดหวังว่าจะเจอตามธรรมชาติของเกมแนวแข่งรถสมจริง

แต่นับตั้งแต่ Gran Turismo 3 เป็นต้นไป ตัวเกมมีการเพิ่มระบบ Assist ต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้การเล่นเกม และเข้าถึงผู้เล่นใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยในเกมภาค 7 มีตัวเลือก Assist ต่าง ๆ ให้ปรับมากมาย ตั้งแต่ การสลับเกียร์อัตโนมัติหรือเกียร์ธรรมดา, บอกระยะทางที่ควรเบรกเพื่อเลี้ยวโค้ง, เปิด/ปิดเส้นไกด์บอกทางที่ควรขับ, ปรับ “ระดับความเผ็ด” ของ AI, เปิด/ปิด ระบบ Countersteer ป้องกันการหักโค้งผิดพลาด และอื่น ๆ อีกมากมาย

ด้วยตัวเลือก Assist ที่มีให้เปิดปิดมากมาย ทำให้เกมเมอร์สามารถเรียนรู้วิธีขับรถในเกมแบบค่อยเป็นค่อยไป และแน่นอน การสอบใบขับขี่ก็ถือเป็นอีกโหมดหนึ่งที่ทำให้ผู้เล่นสามารถขับรถอย่างเชี่ยวชาญมากขึ้นเช่นกัน

การสอบใบขับขี่ โหมดสุดหัวร้อนของเกม GT

Gran Turismo 4 (2)

ความยากของเกมแข่งรถแต่ละเกมนั้นไม่เหมือนกัน ความยากของ DiRT Rally คือรถยนต์ของเรามีลักษณะเปราะบาง แค่ขับชนนิดชนหน่อย ก็ทำให้ระบบการทำงานรถยนต์ของเราเสียหายได้ หรือ Need for Speed Heat มีความยากท้าทายในส่วนของการหนีตำรวจลาดตระเวนในช่วงเวลากลางคืน ที่มีพฤติกรรมดุดัน สามารถขับรถล่าคุณแบบติดตัว ถูกไล่ต้อนจนมุมได้ง่าย

สำหรับ Gran Turismo โหมดเกมที่ยากที่สุด ก็ไม่มีทางหนีพ้น License Test หรือการสอบใบขับขี่ ที่เกมเมอร์ต้องผ่านบททดสอบต่าง ๆ เพื่อปลดล็อกใบขับขี่ระดับใหม่ แล้วใช้เป็นใบอนุญาตเข้าแข่งขันแข่งรถในรายการที่ยากท้าทายมากขึ้น

บททดสอบก็มีกฎง่าย ๆ เพียงแค่ผู้เล่นขับรถเข้าเส้นชัยให้ตรงตามเวลาที่ตัวเกมกำหนดไว้ เท่านี้ผู้เล่นก็สามารถผ่านบททดสอบ แล้วข้ามไป Challenge ต่อไปได้เลย

Gran Turismo 7

อย่างไรก็ตาม การสอบใบขับขี่ผ่าน ตัวเกมไม่ได้ให้รางวัลเฉพาะใบอนุญาตขับขี่เพียงอย่างเดียว แต่หากผ่านทุกบททดสอบด้วยเหรียญทองแดงขึ้นไป เกมจะมอบของรางวัลเป็นรถยนต์ แต่หากผ่านทุกบททดสอบด้วยเหรียญทองทั้งหมด ผู้เล่นจะได้รับของรางวัลเป็นรถยนต์ระดับแรร์

ด้วยเหตุผลดังกล่าว เกมเมอร์จึงพยายามเล่น Retry หลายครั้ง เพื่อขับรถให้ Perfect ที่สุด แล้วผ่านบททดสอบพร้อมคว้าเหรียญทองกลับมา จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม License Test จึงเป็นโหมดที่สร้างความหัวร้อนให้เกมเมอร์หลายคน

SHARE

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top