BY Aisoon Srikum
11 Jan 22 5:58 pm

รีวิว Far Cry 6 – DLC Control ส่วนเสริมที่เติมเต็มเนื้อเรื่องของ Far Cry 4 ได้เป็นอย่างดี

61 Views

สำหรับแฟนเกม Far Cry แล้ว น่าจะรู้ดีกว่า โดดเด่นยิ่งกว่าบรรดาตัวเอกทั้งหลายก็คือเหล่าตัวร้าย โดยเฉพาะภาค 3-4-5 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น Vaas, Pagan Min และ Joseph Seed ล้วนสร้างเรื่องราวที่น่าจดจำไว้ในใจเหล่าแฟนเกมแทบทั้งสิ้น ใน DLC Far Cry 6 อีก 3 ตัวที่ปล่อยออกมาหลังเกมออกนี้ จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้รู้จักกับ 3 คนนี้มากยิ่งขึ้น DLC เนื้อเรื่องในส่วนของ Vaas นั้น ปล่อยให้เล่นกันไปแล้วเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และคราวนี้ก็ถึงตาของจอมทรราชย์ที่ทุกคนหลงรักอย่าง Pagan Min กันแล้ว ใน DLC ที่มีชื่อว่า “Control”

Story

01

หากคุณติดตามเรื่องราวของ Far Cry 4 มาบ้างแล้ว คุณจะรู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของเนื้อหาที่ค่อนข้างโดดเด่นกว่าหลาย ๆ ภาค และทำให้ใครหลายคนปักใจเชื่อว่าแท้จริงแล้ว Pagan Min ไม่ใช่คนร้าย ใน DLC Control นี้จะเล่าเนื้อหาเพิ่มเติม ว่าด้วย Pagan Min ที่ต้องจะปกปิดความชั่วช้าของตนเอง และอย่าแปลกใจหากคุณเกิดคำถามขึ้นว่าทำไม Pagan Min ถึงเป็นคนชั่ว ทั้งที่จริง ๆ แล้วในเนื้อหาหลักของเกมภาค 4 เขาเป็นคนดีด้วยซ้ำไป

คำตอบก็คือเบื้องลึกเบื้องหลังและปูมหลังของ Pagan Min นั้น ถูกเล่าขยายเพิ่มเติมในคอมมิค Far Cry: Rite of Passage เล่มที่ 2 ซึ่งเป็นเล่มที่เป็นตอนของ Pagan Min ปูมหลังของเขาที่เป็นคนโฉดชั่ว ฆ่าได้แม้กระทั่งครอบครัวของตัวเองเพื่อขึ้นไปเป็นใหญ่ แถมเมื่อเดินทางมาถึง Kyrat เขายังฆ่าล้างบางชนเผ่าพื้นบ้าน และฆ่าทายาทที่จะขึ้นเป็นผู้นำคนต่อไปของ Kyrat ซะอีก ว่ากันตามตรงแล้ว Pagan Min ไม่ได้เป็นคนดีอะไรเลย และเนื้อเรื่องของ Control นี้ จะเป็นเรื่องราวของความพยายามที่จะปกปิดอดีตอันชั่วร้ายของตัวเอง (อ่านสรุป Far Cry: Rite of Passage ได้ ที่นี่)

เราจะได้พบเจอตัวละครที่คุ้นหน้าคุ้นตา และคราวนี้เราจะได้เห็นใบหน้าของตัวละครสำคัญแบบครบถ้วน ทั้ง Ajay Ghale, Mohan Ghale, Ishawari รวมไปถึง Laksmana ด้วย แต่เรื่องราวแยกย่อยของตัวละครทั้งหมดนี้จะเป็นอย่างไร เราคงไม่อาจสปอยล์ได้และรอให้ผู้เล่นไปค้นพบด้วยตัวเอง แต่บอกได้แค่ว่า มันคือจิ๊กซอว์ส่วนสำคัญที่จะมาเติมเต็มเนื้อหาในโลกของ Far Cry 4 ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และทำให้เรารู้จักกับ Pagan Min มากยิ่งขึ้นด้วย

Presentation

Fc6 Pagan Control Vista 16x9

หากคุณชื่นชอบบรรยากาศของประเทศ Kyrat ใน Far Cry 4 ภาคนี้ คุณจะได้ออกสำรวจโลกของ Kyrat ในอีกแบบหนึ่ง มันไม่ใช่ประเทศ Kyrat จริง ๆ แต่เป็น “โลกภายในจิตใจ” ของ Pagan Min (เหมือนกับโลกภายในจิตใจของ Vaas ใน DLC ตัวก่อนหน้า) จุดเด่นของ Kyrat คือธรรมชาติอันงดงามที่ผสมผสานเข้ากับกลิ่นอายวัฒนธรรมท้องถิ่นที่คล้าย ๆ กับประเทศทิเบตและอินเดีย แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือขนาดแผนที่ของ DLC นี้ค่อนข้างเล็กกว่าตัวก่อนหน้านี้มาก วิ่งเล่นแปปเดียวก็สำรวจครบทุกซอกทุกมุมและเราจะหันไปทำภารกิจหลักที่ตัวเกมมอบให้แทน

แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่า นี่คือการย้อมแมว DLC ของ Vaas มาใช้แบบที่แทบไม่ต้องคิดอะไรใหม่ เพราะการนำเสนอแค่เปลี่ยนโลกของ Vaas มาเป็นโลกของ Pagan เปลี่ยนกองกำลังศัตรูทั่วไปให้กลายเป็นพวกนักรบ Golden Path แทน ตัวเกมยังคงมีการไต่ระดับความยากให้สูงขึ้น เพื่อรับของรางวัลสุดพิเศษ ที่ถ้าใครไม่สนใจก็ไม่จำเป็นจะต้องเล่นซ้ำเลย  และถึงแม้โลก Kyrat ใน DLC นี้จะสวยงามแค่ไหน แต่ด้วยความเล็ก ความสั้นของเนื้อหาส่วนเกมเพลย์ ก็น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่เราจะได้ผจญภัยกับมันไปได้ไม่นานนัก

Fc6 Pagan Control Night

DLC นี้ หากเล่นโหมดแอ็คชั่นหรือความยากระดับปกติอาจจะใช้เวลาเล่นอยู่ที่ราว ๆ  7-8 ชั่วโมง แต่ถ้าคุณปรับโหมดง่ายหรือโหมดเนื้อเรื่อง ลุยยับ ๆ แปปเดียวก็จบได้แล้ว โดยรูปแบบการเล่นจะยังคงเป็นแบบเกม Roguelite เหมือนกับ DLC ตัวก่อนหน้า และเกมยังคงประสบปัญหาการจัดการความยากของเกม เหมือนกับว่าทีมสร้างลืมไปว่า การจะทำให้เกมนี้มีความเป็น Roguelite มันต้องจัดการอะไรอีกหลายอย่างมากกว่าแค่การใส่กลไกของเกมลงไป ซึ่งเราจะพูดถึงส่วนนี้กันในหัวข้อ Gameplay

ด้วยรูปแบบการเล่นที่เหมือนกับ DLC Vaas ทำให้นอกจากเนื้อเรื่องแล้ว เราไม่รู้สึกว่าเราได้เล่นเกมใหม่เลย เป็นเรื่องน่าเสียดายที่จริง ๆ เพราะเนื้อเรื่องปูมหลังของ Pagan นั้นน่าสนใจมาก แต่ด้วยความที่มันเป็นวิดีโอเกม การใช้การนำเสนอและเกมการเล่นแบบเดิม กลับทำให้เราไม่ได้รู้สึกว่าได้เล่นเกมใหม่เลยแม้แต่น้อย

ข้อดีที่ยังคงรักษามาตรฐานได้เป็นอย่างดีสำหรับเกม Far Cry คือส่วนของการแปลภาษาไทยที่ยังคงทำออกมาได้ดี เข้ากับบริบทของคนไทยได้เป็นอย่างดี ดูท่าแล้วรู้เลยว่า ผลพวงจากความผิดพลาดของ Ghost Recon: Breakpoint นั้น เป็นบทเรียนครั้งสำคัญของทาง Ubisoft จริง ๆ

Gameplay03

รูปแบบเกมเพลย์การเล่นของ DLC Control นี้จะเหมือนเดิมกับตัว Insanity คือตัวเกมจะมีรูปแบบการเล่นเป็น Roguelite ใครที่เคยเล่นเกมแนวนี้จะรู้กติการการเล่นง่าย ๆ คือ เราจะต้องตะลุยไปตามฉากเรื่อย ๆ และทุกครั้งที่เราตาย เราจะต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด แต่อาวุธหรือสกิลบางอย่างที่จ่ายเงินปลดล็อคระหว่างการเล่นไปแล้วจะยังคงอยู่ ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ตาย และเมื่อแนวเกมการเล่นแบบนี้ถูกนำมาใช้กับ Far Cry มันเลยกลายเป็นความแปลกใหม่ แต่..ไม่ค่อยจะเวิร์คเท่าที่ควร

ด้วยพื้นฐานของ Far Cry ที่เป็นเกมแนว Action Adventure กลไกการเล่นแบบการผจญภัยออกสำรวจโลก ยังคงถูกนำมาใส่ในเกมนี้ และเป็นอีกครั้งที่ทางทีมงานไม่ได้จัดการบาลานซ์ความยากของเกมนี้เลยแม้แต่น้อย ในเกมหลัก เรามักจะเล่นแบบหลีกเลี่ยงการปะทะตรง ๆ อยู่แล้ว เพราะตัวเอกของ Far Cry ก็ไม่ใช่ยอดมนุษย์ซูเปอร์โซลเยอร์อะไรขนาดนั้น ต่อให้ของแน่นแค่ไหน แต่ถ้าวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือก็โดนรุมยิงร่วงได้ง่าย ๆ ใน DLC Control นี้เองก็เช่นกัน เหล่าศัตรูในโหมดความยากระดับปกติก็เพียงพอจะทำให้คุณหัวร้อนได้แล้ว โดยเฉพาะในช่วงต้นเกมที่อาวุธของคุณยังมีเพียงแค่ปืนพกธรรมดา เพราะมันรู้จักการ Take Cover การหลบยิงจากที่กำบัง แถมยังยิงแม่นอย่างกับ Aim Bot ยังไงยังงั้น04

การที่ตัวเกมเป็นเกมแบบ Roguelite ทำให้ผู้เล่นอาจจะต้องตายหลาย ๆ รอบ เพื่อจดจำเส้นทาง ปลดล็อคสถานที่และอาวุธต่าง ๆ ส่วนของเกมเพลย์การปลดล็อคสิ่งของใหม่ ๆ นั้น แทบจะไม่ต้องพูดซ้ำ เพราะมันเหมือนกับระบบของ DLC Insanity ของ Vaas แบบเป๊ะ ๆ ไม่มีระบบใหม่อะไรเลย นอกจากอาวุธก็ยังจะมีในส่วนของ Perk หรือความสามารถของตัวละครต่าง ๆ ที่จะช่วยให้การเล่นของเราสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพกยาได้เยอะขึ้น พกของได้เยอะขึ้น หรืออุปกรณ์เสริมเช่นตะขอเกี่ยวเอาไว้ขึ้นที่สูง ตายแล้วไม่เสียเงิน และอื่น ๆ อีกมากมาย

และมันจะดีอยู่แล้ว ถ้าเกมจัดการปัญหาความยากได้ดีกว่านี้ ตามที่ได้บอกไป หากคุณเล่นในโหมดความยากปกติ นั่นก็แทบจะทำให้คุณหัวร้อนได้ทุกเมื่อ เหล่าศัตรูที่มาพร้อมกันทุกทิศทาง แถมยิงเราแม่นอย่างกับจับวาง เข้าหลบที่กำบังเก่ง ในขณะที่ตัวละครเราพกปืนได้จำกัด ทำให้หลายครั้ง อาวุธที่เรามีไม่สามารถใช้ต่อกรกับกองทัพศัตรูได้เลย การต่อสู้เพื่อปลดล็อคอาวุธใหม่ ๆ ก็จำเป็นจะต้องต่อสู้กับ Wave ศัตรูที่มีมากกว่า 10 ตัวขึ้นไปในบางครั้ง และมันจะเป็นอะไรที่ทรมานมาก ๆ ในช่วงแรกที่คุณมีแค่ปืนสั้น นั่นทำให้อาวุธ สกิลทุกชนิดจำเป็นต่อคุณจริง ๆ แต่มันก็ยังยากเกินไปอยู่ดี ในความเป็น Far Cry (ใครหลายคนอาจจะชอบก็ได้)

05

แต่ปัญหาอยู่ที่การจัดการด้านความยาก เพราะถ้าใครที่เล่นไม่ไหว ก็เลือกปรับความยากของตัวเกมได้ โดยเกมจะมีความยากสองระดับคือโหมดเนื้อเรื่อง (Easy Mode) และโหมดปกติ (พื้นฐาน) แต่ประเด็นคือโหมดง่ายของเกมนี้มันคือง่ายจริง ๆ ง่ายชนิดที่ว่าคุณแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ก็สามารถชนะได้สบาย ๆ เดินหน้ายิงแหลกเป็น Call of Duty เลยก็ทำได้ มันทำให้ทุกระบบที่เกมวางโครงมาพังทลายลงไปอย่างน่าเสียดาย ใครที่ชอบเล่นเอามันก็อาจจะสูญเสียอรรถรสไปบ้าง แต่จริง ๆ แล้วมันคือปัญหาของการออกแบบบาลานซ์เกมเพลย์ล้วน ๆ ง่ายก็ง่ายเกินไป ยากก็ยากจนไม่น่าเล่นต่อเหมือนกัน

แต่ปัญหาใหญ่สุดทั้งหมดทั้งมวลนี้คือ มันคือเกมเพลย์รูปแบบการเล่นเดียวกันกับ DLC Insanity แบบเป๊ะ ๆ ไม่มีอะไรใหม่เลยนอกจาก Setting และเนื้อเรื่อง ทำให้ใครที่ไม่ได้สนใจเนื้อเรื่องของ Pagan เลยก็แทบจะไม่มีความจำเป็ฯจะต้องเล่นด้วยซ้ำไป น่าเสียดายที่มันเป็นการกลับมาของสามตัวละครที่แฟน ๆ ชื่นชอบ แต่ดูท่า DLC Collapse ของ Joseph Seed ที่จะมาในเดือนหน้าก็อาจจะไม่ต่างกันมากก็ได้

Performance

Fc6 Pagan Control Statue

ขึ้นชื่อว่า Far Cry นั้น ไม่เคยทำให้เราผิดหวังกับประสิทธิภาพและความสวยงามของกราฟิก หากคุณชื่นชอบ Kyrat ในภาค 4 ภาคนี้ก็จัดเต็มทั้งแสง สี เสียง เงา และเอกลักษณ์ต่าง ๆ ของเกมออกมาได้อย่างเต็มที่ หากคอมพิวเตอร์ใครเล่น Far Cry 6 ได้ก็เล่น DLC Control นี้ได้อย่างสบาย ๆ จะมีปัญหาเดียวคือ ด้วยการจัดเต็มทางด้านโทนสี และ Object ในฉากที่ส่วนมากจะเป็นพวกต้นไม้ใบหญ้าซะเยอะ หากเปิดเล่นไปนาน ๆ จะเกิดอาการเฟรมเรทแกว่งอย่างเห็นได้ชัด และเราไม่สามารถรีเกมเพื่อแก้ปัญหานี้ได้ เพราะความเป็น Roguelite ของตัวเกม การออกเกมหรือรีเกมเท่ากับทั้งหมดที่เล่นมาจะหายไปเลย ดังนั้นเราจึงจำเป็นจะต้องนำแต้มและเงินที่ได้มาไปใช้ซะก่อน

แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนเจอปัญหาหนักสุดเลยคือปัญหาเกม Crash ระหว่างเล่น ที่ทำให้เกมหลุดไปแบบดื้อ ๆ แน่นอนว่าทุกอย่างที่ฟาร์มที่เล่นมาก็หายวับไปกับตา ต้องเริ่มเล่นใหม่ทั้งหมด และอีกปัญหาหนึ่งคือบั๊กแอนิเมชั่นที่ทำให้ตัวละครขยับไปไหนมาไหนไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้นอกจากออกเกมเท่านั้น กับระบบเกมการเล่นที่เป็น Roguelite แบบนี้ บอกเลยว่าเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ แต่ก็โชคดีที่ตลอดการเล่น เจอมาแค่สองครั้งเท่านั้น

แต่นอกเหนือจากนั้นก็แทบไม่มีปัญหาอะไรให้ชวนหงุดหงิดใจจนเล่นไม่ได้ ถือว่าเรื่อง Performance มีรอยแผลให้ตำหนิอยู่เล็กน้อย แต่ปัญหาของมันคือเกมเพลย์ที่ก๊อปของเดิมมาใช้ต่อแบบแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ก็อาจจะเป็นสิ่งที่หลายคนรับไม่ได้ แต่ถ้าใครจะเสพเนื้อเรื่องของเกม เสพเนื้อเรื่องของตัวร้ายในดวงใจใครหลายคนอย่าง Pagan Min คุณก็ต้องเล่น DLC นี้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน

SHARE

Aisoon Srikum

Back to top