League of Legends หรือ LoL คือเกมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศจีน ซึ่งตำแหน่งนี้ก็มิได้มาโดยง่าย ส่วนหนึ่งก็ต้องชื่นชมในความพยายามของผู้พัฒนาอย่าง Riot Game และ Tencent ที่ช่วยกันผลักดันเกมให้พ้นจากวิกฤตครั้งต่างๆ ได้ และในวันนี้ พวกเขาต้องหาทางผ่านอีกด่านที่ดูจะยิ่งใหญ่กว่าครั้งไหน ๆ นั่นคือการผ่าน “กฏหมาย” ของประเทศที่จำกัดความสามารถหลาย ๆ อย่างของเกมเอาไว้
ในปี 2018 ที่ผ่านมา ทาง รัฐบาลจีนได้เชิญบรรดาบริษัทเกมใหญ่ ๆ หลายค่ายให้มาพบปะกันแล้วครั้งหนึ่งเพื่อหาทางออกในเรื่องของการควบคุมการเล่นเกมของเยาวชนในประเทศ ตามนโยบายของประธานาธิบดีที่เป็นห่วงในเรื่องนี้
ซึ่ง Epic Games ก็ได้ขานรับนโยบายนี้ก่อนใคร โดยการสร้างระบบที่คล้ายกับการยืนยันตัวตนเพื่อเข้า/สมัครเล่นเกม รวมถึงการจำกัดชั่วโมงในการเล่น ซึ่ง Epic Games เองก็เป็นหุ้นส่วนสำคัญอีกรายของ Tencent ทำให้เกมอื่น ๆ เองก็ต้องทำตามในลักษณะที่คล้ายกันไปด้วย
โดยความพยายามของรัฐบาลจีนคือ ต้องการให้เยาวชนเล่นเกมไม่เกิน 2 ชม. ต่อวัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการสร้างเครื่องมือบางอย่างที่จะจำกัดการเข้าเล่นของเยาวชนได้ และนั่นจะทำให้ LoL อันเป็นเกมที่มีผู้เล่นมากที่สุดของจีน (และของโลก) ได้รับผลกระทบทันที เพราะการควบคุมในลักษณะนี้ มันต้องส่งผลต่อฐานผู้เล่นมหาศาลที่ตนมีอยู่อย่างแน่นอน
ระบบใหม่นี้จะมีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า AAS (anti-addiction system) แนวคิดก็คือ ระบบใหม่นี้จะมีทั้งการให้รางวัลสำหรับผู้ที่เล่นเกมในระยะเวลาที่เหมาะสม การเตือนหากเล่นเกือบถึง 2 ชั่วโมง และการตัดผู้เล่นออกจากเกมหากมีการเล่นเกินกำหนด โดยระบบนี้เป็นการพัฒนาร่วมกันของทีมงาน Riot ที่ดูแล LoL ทั่วโลก เพื่อหาทางออกและวิธีการที่เหมาะสมร่วมกัน
Teamfight Tactics ก็อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ Tecnent ออกมาเคลื่อนไหวก็เป็นได้
ทั้งนี้ ก็ยังสบายใจได้ว่า ระบบ AAS นี้จะถูกใช้งานแค่ในจีนเท่านั้น และยังไม่มีแนวคิดที่จะนำไปใช้ในที่อื่นๆ แต่อย่างใด โดยจากรายงานล่าสุดของ Superdata ระบุว่า LoL ยังคงเป็นเกมที่ทำรายได้สูงที่สุดในโลกของฝั่ง PC จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Tencent จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะนี้คือขุมเงินขุมทองที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขานั้นเอง
สำหรับในประเทศไทยก็ยังถือว่าสบายใจได้ แต่สำหรับการเล่นเกมในปริมาณเวลาที่เหมาะสมก็ถือเป็นเรื่องดีที่ควรปฏิบัติ และทั้งโลกกำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับปัญหาการติดเกม เพราะหากนโยบายนี้ได้ผลที่ดี ก็ไม่แน่ว่าประเทศอื่นๆ (เช่นไทยเรา) ก็อาจจะนำมันมาใช้ในอนาคตก็เป็นได้
Source : dexerto.com
