JRPG เป็นแนวเกมที่ผู้เล่นในบ้านเราให้ความสนใจมาโดยตลอด ไม่ว่าจะทั้งเนื้อเรื่องในสไตล์อนิเมะญี่ปุ่น งานศิลป์การออกแบบต่าง ๆ รวมไปถึงระบบการเล่นที่มีหลักการคล้ายกัน แม้ผู้เล่นหลายคนในสมัยก่อนจะติดปัญหาเรื่องของกำแพงภาษา แต่ด้วยความสนุกของเกมก็ทำให้หลายคนยอมลงเรียนภาษาเพิ่มเติมเพื่อรับรู้เรื่องราวของเกม และหนึ่งในเกมที่เป็นตำนาน ให้เกมเมอร์ทั้งหลายยอมเรียนภาษาเพิ่มก็คือ Suikoden เกมนี้นั่นเอง
สำหรับผู้เล่นเกมแนว JRPG ในสมัยสักยี่สิบปีก่อน เกมที่หลายคนมักนึกถึงเป็นเกมแรก ๆ คงหนีไม่พ้น Final Fantasy, Dragon Quest หรือ Romancing Saga โดยเฉพาะ Final Fantasy ที่มีเนื้อเรื่องลึกซึ้งกินใจเกินจินตนาการ จนเป็นความประทับใจให้กับหลายคน
และ Suikoden เองก็เป็นหนึ่งในเกมเหล่านั้น แม้จะไม่ได้ออกภาคใหม่มาถี่เหมือนเกมอื่น ๆ ก็ตาม
Suikoden หรือ Genso Suikoden ภาคแรกออกวางจำหน่ายในปี 1995 บนระบบ PlayStation เป็นเครื่องแรกโดย Konami จากฝีมือการกำกับและดูแลการพัฒนาโดยคุณ Yoshitaka Maruyama ที่ในตอนนั้นเพิ่งฝากตัวมาเป็นหนึ่งในทีมงานของ Konami
Yoshitaka Maruyama ผู้กำกับผู้ให้กำเนิดเกม Suikoden
โดยหลังจากที่เรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยโตเกียวในสาขาการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เมื่อปี 1992 ซึ่งหลังจากที่เข้าทำงานในตำแหน่ง QA และทำงานยิบย่อย เขาก็ได้มีโอกาสแสดงความสามารถในการพัฒนาเกม โดยได้ร่วมมือกับคุณ Junko Kawano นักออกแบบเกมที่ตอนนั้นก็เป็นทีมงานหน้าใหม่ของ Konami เช่นกัน
แน่นอนว่าการสร้างเกมสำหรับพนักงานใหม่ทั้งสองดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในช่วงต้นของการพัฒนาเกมต้นแบบ มันก็ถูกปัดตกขยำทิ้งไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ประจวบเหมาะกับที่ทาง Sony กำลังจะเปิดตัวเครื่องเกมรุ่นใหม่อย่าง PlayStation พอดี ทำให้พวกเขาเริ่มคิดหาทางพัฒนาเกมที่ใช้เทคโนโลยีและแสดงความยิ่งใหญ่ออกมาได้
พวกเขาและทีมงานอีกร่วมสิบชีวิตได้คุยกันว่า เกมที่พวกเขาจะทำออกมาจะเป็นแนวไหน โดยต้องเลือกระหว่างเกมเบสบอล เกมแข่งรถ และเกม RPG สวมบทบาท แน่นอนว่าทั้งสองเลือกที่จะทำเกม RPG โดยที่มีคุณ Kawano เป็นผู้ออกแบบระบบและงานศิลป์ในเกม และคุณ Maruyama เป็นผู้กำกับและเขียนบท แม้ใจจริงนั้นเขาจะอยากทำเกมแนวเดินหน้ายิงสไตล์อาร์เคตแบบเดียวกับเกม Metal Black ของ Taito ที่กำลังดังในตอนนั้นก็ตาม
แน่นอนว่าพอตัวเกมถูกวางให้เป็นแนว RPG มันก็ต้องมีเป้าหมายกันหน่อย พวกเขาตั้งเป้ามาว่าเกมที่สร้างนั้นจะต้องมีคุณภาพสูสีหรือดีกว่าเกมในซีรีส์ Final Fantasy ของ Square Soft หรือ Dragon Quest ของ Enix แต่การทำงานนั้นก็ยากลำบากกว่าที่คิด เพราะในระหว่างที่คุณ Maruyama กำลังเขียนบท ทางทีมงานก็มีการสร้างเกมในรูปแบบกราฟฟิกสามมิติ แต่ก็ไม่ได้ดังใจซะที จนสุดท้ายก็มาลงตัวที่ภาพ Sprite สองมิติ
ส่วนบทที่เขารังสรรค์มานั้น มีแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนยอดนิยมในยุคนั้นอย่าง “ฤทธิ์หมัดดาวเหนือ” และนิยายกำลังภายในจีนชื่อดัง “ตำนานผู้กล้าแห่งเขาเหลียงซาน” ที่มีเหล่าผู้กล้าทั้งหมด 108 คนที่มารวมตัวกันเพื่อปราบปรามขุนนางชั่วและขจัดภัยอันตรายที่เป็นเสมือนเหตุอาเพศแห่งยุคให้หมดไป
และเพราะแบบนี้ ไอเดียการรวบรวมมิตรสหายเพื่อร่วมศึกผจญภัยไปด้วยกันทั้งหมด 108 คนก็เลยถือกำเนิดขึ้นมาด้วยประการนี้นั่นเอง
Suikoden มีเนื้อเรื่องที่ไม่แตกต่างจากเกมแนว JRPG ทั่วไปนัก เราจะได้รับบทเป็นบุตรชายของยอดขุนพลแห่งอาณาจักรจันทราแดง ที่ซึ่งพ่อของเขาต้องออกเดินทางไปรบกับอาณาจักรอื่นอันห่างไกล ปล่อยให้เราต้องเผชิญชะตากรรมร่วมกับคนรับใช้และเพื่อนสนิทของเขา และในเวลาต่อมาตัวเอกก็ได้เริ่มทำการรวบรวมเหล่านักรบออกทำภารกิจหลากหลาย แต่เป้าหมายสูงสุดก็คือการออกปราบปรามอาณาจักรที่ชั่วร้ายผู้อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายของโลกในเกมนั่นเอง
หากเราพูดถึงระบบการเล่นของเกม Suikoden ก็เป็นเกมที่ไม่ได้แตกต่างอะไรกับเกมแนว JRPG เกมอื่นในตลาดนัก ด้วยระบบการเล่นแบบ Turn Base ผลัดตากันเดิน แต่มีการใส่ระบบที่น่าสนใจอย่างเช่นเรื่องของความได้เปรียบเสียเปรียบของระยะอาวุธแบบต่าง ๆ ที่มีทั้งระยะใกล้ กลาง และไกล ทำให้ต้องมีการจัดทัพวางตำแหน่งตัวละครให้เหมาะกับอาวุธที่พวกเขาหรือเธอใช้ ถ้าฝ่ายเราตายหมดก็จบเกม
แต่สิ่งที่เป็นเสน่ห์ก็คือการตามหาเหล่ามิตรสหายที่หลบซ่อนอยู่ในเกมนี้ให้ครบทั้ง 107 คน(ไม่รวมตัวเอก) แม้บางตัวละครจะไม่ได้ร่วมต่อสู้โดยตรง แต่พวกเขาก็ทำหน้าที่ช่วยเหลือให้การเล่นเป็นไปอย่างสะดวกมากขึ้น และความท้าทายอย่างที่สุดของเกมนี้ก็คือการค้นหาพวกเขาให้ครบ ซึ่งสนุกน่าติดตามมากกว่าเนื้อเรื่องหลักเสียด้วยซ้ำไป
เพราะเราเองก็ไม่รู้ได้ทั้งหมดว่า เจ้าศัตรูที่เจอต่อหน้านี้จะแปรเปลี่ยนมาเข้าเป็นพวกเราเมื่อไหร่ การได้เล่นเองและได้ชักจูงหว่านล้อมพวกเขาก็ถือเป็นอะไรที่ยากจะลืมเลือนไปได้เลย
Suikoden ภาคแรกประสบความสำเร็จไปอย่างน่าทึ่ง สื่อต่าง ๆ หลายเจ้าล้วนชื่นชอบระบบการรวมมิตรสหายนี้เป็นอย่างมาก เพราะในตอนนั้นยังไม่มีเกมไหนที่ใส่ตัวละครในฝ่ายพระเอกมาให้ใช้งานเยอะมากขนาดนี้มาก่อน รวมไปถึงเพลงประกอบของเกมจากฝีมือการประพันธ์ของคุณ Miki Higashino กับเสียงเปียโนที่ตราตรึงใจผู้ฟังอีกด้วย
แน่นอนว่าภาคแรกประสบความสำเร็จขนาดนี้ ตัวเกมก็ต้องมีภาคต่อออกมาอีก สามปีต่อมา Suikoden II ก็ออกวางจำหน่ายในวันที่ 17 ธันวาคม 1998ที่แม้ตัวเกมจะมีปัญหาในเรื่องของกระบวนการผลิต แต่มันก็ได้รับการยกย่องให้เป็นเกม Suikoden ภาคที่ดีที่สุด ด้วยระบบการเล่นที่ลงตัวกว่าเดิม เนื้อเรื่องเข้มข้นน่าติดตามยิ่งกว่าเก่า
และที่คนเล่นทุกคนจำได้แม่นก็คือ การช่วยชีวิต Nanami เพื่อนสมัยเด็กของตัวเอก ที่ถ้าหากทำเงื่อนไขไม่ครบ เราก็จะเสียเธอไปอย่างถาวร และการรักษาชีวิตของเธอไว้ได้ก็เป็นหนึ่งในเงื่อนไขรับฉากจบที่ดีที่สุดของเกมอีกด้วย
Suikoden ยังคงได้รับการสานต่อมาอีกหลายภาค แต่ตัวผู้กำกับและผู้ออกแบบที่แท้จริงอย่างคุณ Maruyama นั้นได้ลาออกจาก Konami ไปตั้งแต่ปี 2002 ก่อนที่เกมภาคที่สามจะวางจำหน่าย ส่วนคุณ Kawano นั้นก็ยังคงสานต่อตำนานของเกมไปจนถึงภาคที่สี่(ส่วนภาคที่ห้านั้นเธอไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรง แต่มีการใส่เครดิตขอบคุณไว้ตอนท้ายของเกม)
และหลังจากหายไปจากวงการเกมมานาน ในที่สุดทั้งสองก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งพร้อมกับผู้พัฒนาเกมมากฝีมืออีกหลายคน เพื่อร่วมกันสร้างเกมใหม่อย่าง Eiyuden Chronicle ที่วาดฝันไว้ว่าจะเป็นผู้สืบทอดของซีรีส์ Suikoden ที่แท้จริง ซึ่งหลังจากเปิดระดมทุนใน Kickstarter ไป ก็สามารถทำยอดระดมทุนไปได้สูงถึง 3 ล้านเหรียญ เกินกว่าที่หวังเอาไว้ที่ 500,000 เหรียญ แสดงให้เราเห็นว่ายังมีคนที่โหยหาเกมซีรีส์นี้อยู่ไม่น้อย(และความน่ารักอีกก็คือมีคุณ Igarashi ผู้สร้าง Castlevania มาร่วมสนุกในวิดีโอโปรโมทของพวกเขาด้วย)
แม้จะใช้เวลาอีกนานกว่าที่เราจะได้เห็น Eiyuden Chronicle ออกวางจำหน่าย แต่เราก็เชื่อว่า ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ตัวเกมจะต้องออกมาดีสมกับที่รอคอยอย่างแน่นอน แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น ผู้เขียนก็ขออวยพรให้เหล่านักพัฒนาเกมผู้กล้าแห่งอดีตกาล สามารถเข็นโปรเจกต์นี้ออกมาให้พวกเราได้สนุกสนานกันในปี 2022 ตามที่หวังเอาไว้
และเราก็เชื่อว่า การได้กลับไปรวบรวมเหล่าผู้กล้าออกกอบกู้โลกที่เรารักอีกครั้งนั้น จะต้องออกมาประทับใจเหมือนที่เคยเป็นในอดีตครับ
