เมื่อนักวิทยาศาสตร์พอกันทีกับการใช้เหตุผล แล้วหันมาแก้ปัญหาโจทย์ต่าง ๆ ด้วยการใช้กำลังแทน จึงถือกำเนิดเป็น Science Kombat เกมต่อสู้สุดฮาที่พิสูจน์ว่าบางครั้ง กำปั้นกับความรุนแรงนั้น สำคัญกว่าจินตนาการและความรู้
Science Kombat เกมต่อสู้ฮา ๆ ที่ใคร ๆ ก็เล่นได้
Science Kombat เป็นเกมอินดี้แนวต่อสู้ที่พัฒนาโดยทีมงานสัญชาติบราซิล Superinteressante โดยเกมดังกล่าวเปิดให้เล่นฟรีในปี 2016 ผ่าน Web Browser เท่านั้น (สามารถหาเล่นได้ผ่านเว็บไซต์รวม Flash Game ทั่วไป เพราะเว็บไซต์หลักไม่สามารถเล่นได้แล้ว)
แน่นอนว่า Science Kombat คือเกมต่อสู้ ที่เป็นการล้อเลียนเอานักวิทยาศาสตร์จากประวัติศาสตร์จริง ให้มาโต้วาทีและหักล้างทฤษฎีซึ่งกันและกันด้วยการใช้กำปั้นกับความรุนแรง ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาที่รวดเร็ว ไม่ปวดหัววุ่นวาย แม้ต้องแลกมาด้วยเลือดและการเจ็บตัวกลับมาก็ตาม
เนื่องจากการนำเสนอสุดแปลกแหวกแนว และเกมได้รับแรงบันดาลใจจาก Street Fighter กับ Mortal Kombat ทำให้ Science Kombat กลายเป็นที่ฮือฮาผ่านโลกอินเทอร์เน็ตและสังคมเกมในช่วงระยะเวลาหนึ่งเลยทีเดียว
เพราะ Science Kombat เป็นเกมที่พัฒนาโดยทีมงานเล็ก ๆ และเปิดให้เล่นผ่าน Web Browser ซึ่งมีข้อจำกัดทางด้านเทคนิค เกมดังกล่าวจึงสามารถเข้าถึงได้ทุกคน ตั้งแต่ระบบเกมเพลย์ การต่อสู้ ระดับความยาก จนถึงการนำเสนอ
Science Kombat มาพร้อมโหมดเกมที่เรียบง่าย 2 โหมด คือ Tournament Fight โหมดการต่อสู้แบบอาร์เคด คล้าย Street Fighter กับ Tekken ที่ผู้เล่นต้องปราบคู่ต่อสู้ให้ชนะ เพื่อข้ามไป Stage ถัดไป และ Single Fight การต่อสู้แบบรอบเดียวจบ ซึ่งเกมดังกล่าวไม่มีโหมด CO-OP หรือ PVP Multiplayer เล่นออนไลน์กับคนอื่นได้
เกมดังกล่าว มีนักสู้ Rooster ทั้งหมด 8 คนให้เล่นได้ทันที เช่น Albert Einstein นักฟิสิกส์ทฤษฎีชาวเยอรมัน, Charles Darwin นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ, Nikola Tesla นักประดิษฐ์ไฟฟ้าชาวเซอร์เบีย-อเมริกัน, Isaac Newton ผู้ค้นพบกฎฟิสิกส์การเคลื่อนที่ชาวอังกฤษ, Stephen Hawking นักฟิสิกส์ทฤษฎีชาวอังกฤษ, Pythagoras of Samos นักคณิตศาสตร์ชาวกรีกโบราณ, Marie Curie นักเคมีผู้ค้นพบรังสีเรเดียมชาวรัสเซีย และ Alan Turing บิดาของวิทยาการคอมพิวเตอร์ชาวอังกฤษ
หลังจากเลือกนักสู้เสร็จแล้ว ตัวเกมจะพาผู้เล่นให้ต่อสู้กับ CPU ทันที โดยระบบการต่อสู้ของเกม Science Kombat ได้ออกแบบมาให้เล่นง่าย ใคร ๆ ก็เล่นได้ โดยในเกมมีตัวเลือกกดเตะ ต่อย โจมตีหนัก กระโดด ก้มต่ำลง เดินหน้า ถอยหลัง ซึ่งเป็นท่าเบสิกที่เกมต่อสู้ทุกเกมต้องมี
แต่แน่นอน ตัวเกมไม่ได้มีแต่การเตะต่อยเพียงอย่างเดียว แต่มีทักษะปล่อยท่าไม้ตายพิเศษ และท่า Move Set เพื่อให้เพลเยอร์สามารถประยุกต์คิดค้นท่าโจมตีแบบคอมโบได้ด้วยตัวเอง ถ้าหากไม่นับเรื่องภาพกราฟิก ตัวละคร และความยากท้าทายที่ค่อนข้างไปในทางระดับปานกลาง ตัวเกมมีลักษณะการเล่นคล้ายกับ Street Fighter ภาคคลาสสิก (หรือจะเรียกว่าภาคกราฟิก 2 มิติ) ที่เล่นง่าย แต่ต้องใช้เวลาฝึกฝนนานกว่าจะเป็นเทพได้
นอกจากนี้ Science Kombat มีการนำเสนอที่สร้างสรรค์ใช้ได้เลย ท่าโจมตีพิเศษต่าง ๆ ของเกมนี้มีการสอดแทรกความเป็นเหนือธรรมชาติเข้าไปด้วย เช่น Nikola Tesla จะสามารถปล่อยพลังสายฟ้าได้, Turing มีความสามารถพิเศษ ปล่อยหุ่นยนต์ไซบอร์กช่วยโจมตีระยะไกล และบอสสูงสุดของเกมนี้ ผู้เล่นจะต้องปะทะกับ “พระเจ้า” จากตำนานกรีก ซึ่งแน่นอนว่าพระเจ้าในเกมนี้ มีความสามารถสุดโอเวอร์พาวเวอร์ ที่เตะก้นผู้เล่นจน Game Over ได้อย่างง่ายดาย
แม้เรากล่าวไว้ข้างต้นว่า Science Kombat เป็นเกมเรียนรู้ง่าย และมีความยากระดับปานกลาง แต่เนื่องจากตัวเกมไม่มีระบบ Continue ให้เริ่มเล่นใหม่อีกครั้งหลังจาก Game Over ก็หมายความว่าหากผู้เล่นพ่ายแพ้ ก็ต้องเริ่มเล่นโหมด Tournament ใหม่ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น ฉะนั้นหากต้องการปราบพระเจ้าในเกมนี้ได้ ผู้เล่นต้องผ่านการฝึกฝนเล่นตัวละครจนกว่าจะเชี่ยวชาญในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
แม้ Science Kombat ไม่ใช่เกมต่อสู้ระดับยักษ์ใหญ่ แต่เกมดังกล่าวก็ยังคงเป็นที่ชื่นชอบสำหรับหลายคน ด้วยการนำเสนอที่สร้างสรรค์ ระบบการต่อสู้ที่ออกแบบเล่นได้สนุก และแน่นอน การได้เห็นนักวิทยาศาสตร์ระดับตำนานที่สร้างทฤษฎีเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล รวมถึงเป็นไอดอลสำหรับอาจารย์หลายคน ได้เตะต่อยนักวิทยาศาสตร์คนอื่น มันเป็นประสบการณ์การเล่นเกมที่ทั้งแปลกประหลาด และสร้างเสียงหัวเราะให้เกมเมอร์หลายคน
น่าเสียดายที่ Science Kombat ไม่ได้มีการพัฒนาต่อ ซึ่งส่งผลทำให้ตัวเกมยังคงติดอยู่ในเวอร์ชัน Trial ตลอดจนถึงทุกวันนี้ ถ้าหากเกมเมอร์สนใจเกมดังกล่าว ก็สามารถลองเล่นได้ผ่านเว็บไซต์ Flash Game ทั่วไป
