BY Aisoon Srikum
5 Jul 21 5:40 pm

Preview: Vampire: The Masquerade Bloodhunt สงคราม Battle Royale ของเหล่าแวมไพร์

19 Views

แม้ว่าวงการเกมแนว Battle Royale จะเต็มไปด้วยเหล่าเกมฟอร์มยักษ์ที่เปิดให้บริการมานานหลายปีแล้ว แต่เห็นได้ว่าเหล่าผู้พัฒนาเกมยังไม่ยอมแพ้ที่จะผลักดันเกมแนวนี้ พร้อมกับหยิบเอาแฟรนไชส์ของตัวเองมาปรับให้เป็นเกมแนว Battle Royale เหมือนดั่งเช่น Vampire: The Masquerade ที่นำเกมของตัวเองไปแปลงเป็น Battle Royale เกมแยกแบบเล่นฟรีในชื่อ Bloodhunt ซึ่งทาง GamingDose ได้มีโอกาสไปทดสอบเล่นช่วง Playtest มา และวันนี้เราจะนำข้อมูลและเกมเพลย์การเล่นมาพรีวิวให้ดูกันแบบคร่าว ๆ

เปิดม่านมหาสงครามของเหล่าแวมไพร์

อย่างที่เราทราบกันดี Bloodhunt คือเกม Battle Royale ที่อยู่ในโลกของซีรีส์เกม Vampire: The Masquerade ซึ่งตามต้นฉบับ เกมนี้จะเป็นเกม RPG ผสมผสานกับความเป็นเกมแอ็คชั่นมุมมอง FPS โดยเกมจะนำผู้เล่นเข้าสู่โลกของเหล่าแวมไพร์ที่เต็มไปด้วยความมืดและความน่าสะพรึงกลัวของ L.A. ในยุคปัจจุบัน ตัวเกมภาคแรกนั้น วางจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2004 แต่เกมยังมีเนื้อหาแยกยิบย่อยไปอีกเพียบ ส่วน Bloodhunt จะเป็นเกมแยกออกมาอีกที และเน้นการเล่นแบบ Multiplayer แบบ Battle Royale แทน

เรื่องราวในโลกของ Bloodhunt จะว่าด้วยการทรยศหักหลังกันในหมู่สังคมแวมไพร์ แถมกลุ่มแวมไพร์ยังโดนตามล่ากวาดล้างเผ่าพันธุ์โดยสมาคมลับที่มีชื่อว่า Entity แม้เนื้อเรื่องจะดูขัดแย้งกันเองอยู๋หน่อย แต่เอาเป็นว่าสำหรับเกม Battle Royale เนื้อเรื่องของเกมอาจไม่ใช่สิ่งที่ใครหลายคนโฟกัสมากนัก

เกมเพลย์การเล่นเบื้องต้น

Bloodhunt จะยังคงเกมการเล่นแบบ Battle Royale ทั่วไป นั่นคือต่อสู้และอยู่รอดให้ได้เป็นคน หรือทีมสุดท้าย เกมจะมีมุมมองการเล่นแบบ Third-Person และสามารถเลือกได้ว่าจะลุยเดี่ยวหรือตั้งทีม 3 คน จากนั้นเข้าสู่สมรภูมิกรุงปราก เพื่อต่อสู้กับผู้เล่นอื่น  ตัวละครในช่วง Playtest ที่เราได้ไปลองเล่นมา มีทั้งหมด 6 ตัวด้วยกัน แบ่งเป็นเผ่าละ 2 ตัว ซึ่งจะมีสกิลประจำเผ่าและทักษะความสามารถที่ต่างกันไป มีทั้งเน้นบุกโจมตี เน้นตั้งรับ หรือสนับสนุนเพื่อนร่วมทีม

และเป็นปกติของเกม Battle Royale ยุคนี้ ที่ดูแล้วทีมงานคงจะขี้เกียจสร้างระบบกระโดดร่มลงมาจากท้องฟ้า ทำให้เกมหลัง ๆ มานี่เราสามารถเลือกจุดเกิดได้เองตั้งแต่ก่อนเกมเริ่ม ซึ่ง Bloodhunt เองก็ใช้ระบบนี้ด้วย เมื่อเราเลือกจุดเกิดแล้ว ก่อนเกมจะเริ่ม ระบบจะแสดงตำแหน่งศัตรูให้เราเห็นด้วยเช่นกัน เพื่อใช้ในการคาดเดาว่าจะเริ่มเล่นยังไง ความพิเศษของ Bloodhunt คือเราสามารถกด X เพื่อสแกนรอบตัวได้ การกด X จะแสดงสิ่งของโดยรอบทั้งหมด ตั้งแต่จุดลูทไอเทมที่เราเข้าไปลูทได้ หากมีศัตรูอยู่ใกล้ ๆ หรือเกิดการยิงปะทะกันก็จะแสดงตำแหน่งคร่าว ๆ ด้วย และที่สำคัญจริง ๆ คือ การแสดงตำแหน่งของประชาชนที่เราสามารถเข้าไปดูดเลือดได้

แน่นอนว่าเกมนี้มีฉากหลังเป็นจักรวาล Vampire: The Masquerade ดังนั้นสิ่งที่ต้องมีเลยในเกมนี้คือการดูดเลือดคน ภายในแผนที่กรุงปรากขนาดใหญ่ นอกจากจะเจอผู้เล่นอื่นแล้ว เรายังมีโอกาสเจอประชาชนคนทั่วไปที่ยืนอยู่ข้างทาง โดยเราสามารถเข้าไปจับคนเหล่านี้ดูดเลือดได้ ก่อนดูดเลือดเราสามารถกดสแกนเพื่อดูสีก่อนว่าเป็นบัฟสีอะไร เราสามารถดูดเลือดได้สูงสุด 3 ครั้ง และถ้าอยากได้ครั้งต่อ ๆ ไป ต้องดูดจากมนุษย์ผู้เล่นด้วยกันเองเท่านั้น คือทำการยิงศัตรูให้ล้มก่อน จากนั้นเราสามารถเข้าไปกดสังหารด้วยการดูดเลือดเพิ่มบัฟได้ คล้าย ๆ การยิงให้ล้มแล้วกด Finisher ใน Apex Legends

แผนที่กรุงปรากจะเต็มไปด้วยถนนหนทางและอาคารสูงใหญ่ สิ่งที่สัมผัสได้จากการเล่นทดสอบคือ นี่คือ Hyper Scape ในแบบฉบับ Vampire และเป็นมุมมอง Third-Person ตัวละครของเราจะสามารถวิ่ง สไลด์ ปีนป่าย ที่สู.ได้อย่างอิสระ และด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วแบบนี้ ทำให้การต่อสู้ก็ต้องใช้ทักษะสูงมากในการสังหารศัตรู ไม่ใช่แค่การยิงแม่น แต่ยังต้องเคลื่อนไหวเก่งอีกด้วย ใครที่เล่น Hyper Scape มาก่อน จะคุ้นชินกับเกมนี้ง่ายก็ไม่ต้องแปลกใจ แต่อีกแง่หนึ่งคือ มันจะเล่นยากสุด ๆ สำหรับผู้เล่นหน้าใหม่

ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจในเกมนี้ ในหัวข้อด้านบน เราบอกไปแล้วว่าเหล่าแวมไพร์ในเกมนี้ถูกไล่ล่าล้างบางจากองค์กรลับที่มีชื่อว่า Entity ในระหว่างการเล่นนั้น จะมีตำแหน่งขององค์กร Entity ระบุเอาไว้ในเกม ถ้าเราไปเข้าใกล้ จะเห็นว่ามี A.I. ที่เป็นเหมือนทหารใส่เกราะหนาและติดอาวุธอยู่แถวนั้น ถ้าเราเข้าใกล้มากเกินไป หรือต่อสู้แถวนั้นก็มีโอกาสสูงมากที่จะโดน A.I. เหล่านี้เข้ามาร่วมวงสู้ด้วย และขอบอกว่ามันไม่ได้เคี้ยวง่ายเลย เพราะใส่เกราะหนา ติดอาวุธหนัก ดีไม่ดีการสู้กับ A.I. นี้อาจจะยากกว่าด้วยซ้ำไป ดังนั้นเวลาเดินทางในแผนที่ก็ต้องระวังให้ดี

นอกจากนั้นในแผนที่ยังมีร้านค้าต่าง ๆ ทั้งร้านยา ร้านเสื้อผ้า ร้านอาวุธ ซึ่งเราสามารถเข้าไปหาไอเทมต่าง ๆ ได้จากร้านค้าเหล่านี้ แต่ที่ต้องระวังก็คือ มันจะมีระบบบางอย่างที่ไปกระตุ้นสัญญาณกันขโมยให้ส่งเสียงดังได้ ทำให้เสี่ยงต่อการเข้าไปเอาไอเทม หรือแม้การเคลื่อรไหวในฉากก็ด้วย หากเรากระโดดลงมาจากหลังคาแล้วโดนรถ หรือยิงกันแล้วไปโดนรถ สัญญาณเตือนภัยก็จะดัง ล่อให้ศัตรูเข้ามาได้เช่นกัน ทุกอย่างรอบตัวเป็นภัยซะส่วนใหญ่สำหรับเกมนี้ ในส่วนของอาวุธต่าง ๆ ที่มีในเกม เกมนี้จะแบ่งอาวุธออกเป็นเกรดสี เหมือนเกมทั่วไป ไล่ตั้งแต่ ขาว > ฟ้า > ม่วง > ทอง ตามที่เราเคยชิน และแบ่งอาวุธออกเป็นอาวุธโจมตีระยะไกล และอาวุธระยะประชิด นั่นคือหากเราโดนเข้าถึงตัวและรู้สึกว่ายิงแล้วไม่เวิร์ค ก็สลับเอาอาวุธประชิดมาใช้ได้เลย

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความพยายามที่จะทำให้เกม Battle Royale ของตัวเองไม่น้อยหน้าใคร และน่าจะเป็นการบ้านใหญ่ของสตูดิโอผู้สร้างอย่าง Sharkmob เลยทีเดียว และมันก็ทำออกมาได้น่าพึงพอใจได้ในระดับนึงเลยด้วย

สรุปแล้วมันน่าเล่นหรือไม่ ?

การแข่งขันของตลาด Battle Royale ที่แทบจะไม่เหลือพื้นที่ให้เกมหน้าใหม่ แต่ Bloodhunt สร้างจุดเด่นที่น่าสนใจขึ้นมา แต่ก็ไม่แน่ว่ามันจะดึงดูดคอเกมได้ อาจจะได้เปรียบเกมอื่น ๆ ตรงที่มันก็เป็นเกมเล่นฟรีเหมือนกัน แต่ด้วยเกมเพลย์ที่รวดเร็ว และต้องอาศัยการปรับตัวถึงจะเล่นได้ งานนี้ก็ต้องมาวัดกันเอาว่ามันจะตีตลาดเกมเมอร์ได้แตกหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่เกม Battle Royale ฟรีหลากหลายเกมก็มีคุณภาพไม่น้อยหน้าไปกว่ากันเลย

ณ ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่า Bloodhunt จะเปิดให้ทดลองเล่นกันอีกทีตอนไหน แต่จากประสบการณ์ผู้เขียนที่ได้เล่นมาในรอบนี้ เกมยังคงต้องขัดเกลาเพิ่มระบบกันไปอีกเยอะพอสมควรเลยทีเดียว ในการแข่งขันที่สูงขนาดนี้ จึงเป็นงานหนักของทีมพัฒนาเกมเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้เกมของตัวเองออกมาดี โดยเฉพาะเกมที่แบกชื่อเสียงของ Vampire: The Masquerade ไว้ด้วย

 

SHARE

Aisoon Srikum

Back to top