BY KKMTC
6 Mar 23 10:36 am

พรีวิว Honkai: Star Rail (Final Beta) จากเกมแอ็กชัน สู่เกม RPG ผลัดเทิร์นที่มีเนื้อหาจักรวาลแยก

46 Views

เผยประสบการณ์การเล่น และความประทับใจจากการเล่น Honkai: Star Rail รอบ Final Beta

หากพูดถึงเกมจากค่าย miHoYo ที่กำลังเป็นที่น่าสนใจในตอนนี้ ก็ไม่มีทางหนีพ้น Honkai: Star Rail เกม RPG ผลัดเทิร์นที่อ่านชื่อครั้งแรก ก็เข้าใจทันทีว่าเป็นเกม Honkai ฉบับจักรวาลแยก ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแฟน ๆ Honkai และเกมเมอร์สาย Tactic โดยเฉพาะ

หลังจากเราเคยลองเล่นเกมในช่วง Closed Beta รอบที่ผ่านมา ครั้งนี้ เรามีโอกาสได้ทดลองเล่นเกมในช่วง Final Beta หรือทดลอง Beta ครั้งสุดท้ายก่อนเกมเปิดให้เล่นอย่างทางการ แล้วตัวเกมมีการปรับปรุง และนำเสนออะไรใหม่ ๆ มาบ้าง มาอ่านกันในบทความพรีวิวนี้ได้เลย

สำรวจแผนที่ใหม่ Xiaozhou Luofu ดินแดนที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมจีน และความล้ำสมัย

Honkai Star Rail

ในเกมเวอร์ชัน Final Beta มีการเพิ่มแผนที่ใหม่ให้เราได้สำรวจ ซึ่งดาวเคราะห์ใหม่มีชื่อว่า Xiaozhou Luofu ดินแดนการค้าที่ปกครองโดยเหล่า Xianzhou Alliance ที่ว่ากันว่าเป็นฝ่ายที่มีอิทธิพลมากที่สุดบนดาวเคราะห์นั้น

แค่ได้เห็นชื่อเมือง การแต่งกาย ชื่อตัวละครหลักที่อาศัยใน Xiaozhou Luofu แน่นอนว่าการดีไซน์ดาวเคราะห์ดังกล่าวได้แรงบันดาลใจจากประเทศจีน โดยการออกแบบเมือง สภาพแวดล้อมจะมีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมจีนโบราณ กับ Sci-Fi อวกาศ ผลลัพธ์ออกมาจึงเป็นเมืองที่ดูล้ำอนาคต แต่มีกลิ่นอายความเป็นเอเชียแบบเต็ม ๆ

พื้นที่นอกเมืองหลักส่วนใหญ่ใน Xiaozhou Luofu มีลักษณะเหมือนเป็นท่าเรือ ซึ่งการดีไซน์ดังกล่าวสามารถบ่งบอกคาแรคเตอร์ได้อย่างดีว่าเป็นเมืองเน้นการส่งออกค้าขาย คล้ายกับประเทศจีนในชีวิตจริง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าของทั่วโลกไปแล้ว

Honkai Star Rail

Tingyun หนึ่งในตัวละครใหม่ใน Xianzhou Luofu

แน่นอนว่าบางพื้นที่เก่าได้มีการอัปเดต Location ใหม่ให้ดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ห้องสำหรับการทดสอบ Simulated Universe ที่ตอนแรกเป็นห้องธรรมดา กลายเป็นห้อง Lab ที่มองดูก็รู้เลยว่าห้องนี้มีเรื่องราวในอดีต และบางโซน มีการเพิ่มรายละเอียดฉากอย่างเห็นได้ชัด

หน้าต่าง UI ใหม่มีความสวยงาม แต่ใช้ง่ายเหมือนเดิม

พื้นหลังเมนูมีการปรับเปลี่ยนใหม่ ดูไฉไลกว่าเดิม

สิ่งที่มีการปรับปรุง และแตกต่างจากเกมเวอร์ชันทดสอบ Closed Beta รอบที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด คือการออกแบบเมนู UI ที่สวยงดงาม แต่ยังสามารถเข้าถึงเมนูต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย

จากหน้าต่างจัดทีมในเวอร์ชันก่อน เป็นการยืนเรียงหน้ากระดานธรรมดา ๆ เหมือนเกม Genshin Impact แต่เวอร์ชันนี้มีการปรับใหม่ เป็นการยืนเรียงโดยแต่ละคนได้หันหน้าไปคนละทิศทาง ซึ่งให้อารมณ์ที่ดูยิ่งใหญ่ มีความเท่ ราวกับเป็นโปสเตอร์เกมแนว RPG ก็ว่าได้

แน่นอนว่าพื้นหลังธรรมดา ๆ ของหน้าต่างดูสถานะของตัวละคร, การเปลี่ยนรีลิกส์ (เซตเครื่องประดับสำหรับบัฟสถานะ) และการสวม Light Corn (อาวุธหลัก) มีการเปลี่ยนพื้นหลังกลายเป็นภาพกาแล๊กซีแบบเคลื่อนไหวได้ ซึ่งตรงกับธีมของเกมแนวตะลุยอวกาศเป็นอย่างดี

Honkai Star Rail

แม้ UI จะสวยงามขึ้น แต่ก็ยังเข้าถึงเมนูต่าง ๆ ได้ง่ายดาย ใช้จำนวนการคลิกเพื่อเข้าถึงเมนูที่น้อยนิด หน้าต่าง Trace (การอัปเกรดทักษะตัวละครแบบแผนผังต้นไม้) มีดีไซน์ไม่ซับซ้อน รักษาความเรียบง่ายเอาไว้ ซึ่งเรามั่นใจว่าผู้เล่นทุกคนต้องไม่งุนงงกับหน้าต่าง UI อย่างแน่นอน

ข้อเสียเกี่ยวกับ UX สำหรับ Honkai Star Rail ณ ตอนนี้มีเรื่องเดียว คือการกดเลือกไอเทมที่ต้องการเสียสละในหน้าอัปเกรดต่าง ๆ ด้วยจอยคอนโทรลเลอร์นั้น ยังไม่ลื่นไหลเท่ากับใช้คีย์บอร์ดเมาส์ แต่เนื่องจากตัวเกมสามารถเปลี่ยนการเล่นระหว่างจอยคอนโทรลเลอร์ กับเมาส์คีย์บอร์ดได้ทันที ทำให้ส่วนตัวไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิกกับเรื่องนี้เท่าไหร่นัก

การต่อสู้สไตล์ Turn-Based เล่นง่าย มีฟีเจอร์ Quality-of-Life เพิ่มความสะดวกสบาย

แม้เกมมีชื่อไตเติลเป็น Honkai เหมือนกัน แต่เกมภาคนี้ไม่ใช่แนวแอ็กชัน Hack and Slash ประลองกันในสนาม Arena แต่ภาคนี้เป็นเกมแนว RPG ผลัดเทิร์น เน้นการวางแผน การอัปเกรดตัวละคร เพื่อเอาชนะศัตรู

ในเกมนี้ ผู้เล่นต้องจัดทีมด้วยการวางตัวละครสูงสุด 4 ตัว ซึ่งทุกตัวละครจะมีการโจมตีเป็นธาตุ ระหว่างสายกายภาพ น้ำ ลม ไฟ สายฟ้า ควอนตัม และจินตภาพ นอกจากนี้ ทุกตัวมี ‘Path’ (หรือจะบอกว่าเป็น Class ก็ได้) บ่งบอกว่าตัวดังกล่าวทำหน้าที่อะไรเป็นหลัก เช่น Path ‘สายล่าสังหาร’ คือตัวเน้นสร้างความเสียดายกับศัตรูตัวเดียว, Path ‘สายประสาน’ คือตัวเน้นการบัฟให้สมาชิกทีม, Path‘สายอนุรักษ์’ คือตัวเน้นการป้องกันให้เพื่อนร่วมทีม และอีก ๆ หลายสาย ที่ผู้เล่นจัดเรียงได้ตามความต้องการ

คล้ายกับผลงานเกมของค่าย HoYoverse ก่อนหน้านี้ ตัวละคร Honkai: Star Rail จะแบ่งระดับความแรร์ระหว่างตัว 4 ดาว กับตัว 5 ดาว ซึ่งตัว 4 ดาวบางตัว สามารถหาได้จากการทำอีเวนต์ถาวร อีเวนต์ในเวลาจำกัด หรือซื้อจากร้านค้าในเกม แต่โดยรวมแล้ว ตัว 4 ดาว, ตัว 5 ดาว, Light Corn (อาวุธหลัก) 4 ดาว และอาวุธ 5 ดาว จะสามารถหาได้จากการกด Gacha ซึ่งเกมนี้ได้เรียกว่า ‘การวาร์ป’

Honkai Star Rail

หน้าต่าง ‘การวาร์ป’

นอกจากนี้ ทุกตัวละครมีสกิลความสามารถเป็นของตัวเอง เช่น March 7th จะมีความสามารถพิเศษ เป็นการโจมตีใส่ศัตรูกลับ เมื่อศัตรูทำการโจมตีสมาชิกที่กำลังมีเกราะ หรือ Bronya มีสกิลสนับสนุนเป็นการบัฟค่า ATK ให้สมาชิกคนหนึ่ง แล้วทำการลัดคิวให้สมาชิกที่ได้รับบัฟ เลือกคำสั่งได้ทันที ซึ่งทุกคนจะมีสกิลเอกลักษณ์ของตัวเอง

มอนสเตอร์ทุกตัวของเกมนี้ ได้มีการระบุธาตุที่แพ้ทางอย่างชัดเจน เมื่อผู้เล่นโจมตีศัตรูจนหลอดความต้านทานหมด มอนสเตอร์จะติดสถานะ Stunt เป็นเวลาชั่วคราว และค่าป้องกันลดลง ในจังหวะนี้ผู้เล่นสามารถทำโจมตีด้วยท่าไม้ตาย เพื่อทำความเสียหายต่อศัตรูอย่างเต็มที่ เมื่อเข้าสู่เทิร์นถัดไป เกจความต้านทานของศัตรูจะกลับมาฟื้นฟูอีกครั้ง

ซึ่งแน่นอนว่าศัตรูแต่ละตัว ก็มีความสามารถของตัวเองเช่นกัน ฉะนั้นวิธีรับมือกับศัตรูที่ดีที่สุด คือผู้เล่นต้องคอยอัปเกรดตัวละคร จัดทีมหลายทีม สวมใส่อุปกรณ์ที่เหมาะสม ซึ่งเป็นประสบการณ์การเล่นเกมที่เพลิน ๆ ต้องใช้สมอง ต้องอาศัยการวางแผนระหว่างการต่อสู้แต่ละเทิร์นตามสไตล์เกม RPG แบบ Turn-Based

ถึงแม้เกมเพลย์จะช้าตามสไตล์เกม RPG ผลัดเทิร์น แต่ตัวเกมมีฟีเจอร์ Quality-of-Life สำคัญที่ช่วยชีวิตผู้เล่นได้หลายคน นั่นคือฟีเจอร์เร่งความเร็วเกมเพลย์ ช่วยให้เกมจบไวมากขึ้น และฟีเจอร์ Auto-Play ให้ตัวเกมเลือกคำสั่งโจมตีให้เอง ซึ่งฟีเจอร์นี้มีประโยชน์มากสำหรับคนขี้เกียจออกคำสั่งด้วยตัวเอง และคนที่ต้องฟาร์มไอเทมพิเศษ ซึ่งต้องต่อสู้กับศัตรูลูกกระจ๊อกติดต่อกันหลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตัวเกมบังคับให้เราต้องหาไอเทม เพื่อทำการอัปเกรดตัวละคร, Light Corn และทักษะสกิล รวมถึงมีการล็อกเควสต์เนื้อเรื่องหลัก ซึ่งมีเงื่อนไขว่าต้องมีเลเวลผจญภัยตามที่กำหนด ทำให้เวลาส่วนใหญ่กับเกมนี้จะวนอยู่กับการตีมอนสเตอร์ ทำความท้าทายแบบสละ Stamina เพื่อฟาร์มไอเทม และเก็บค่าประสบการณ์ ทำให้ Pacing ขาดความต่อเนื่อง และเล่นนาน ๆ อาจจะรู้สึกจำเจกับการทำอะไรเดิม ๆ ในระยะยาวได้เช่นกัน

มีคอนเทนต์หลากหลายในช่วงเริ่มต้น

Honkai Star Rail

หน้าเมนู ‘เกียรติยศนิรนาม’ หรือ Battle Pass ของ Honkai: Star Rail

โครงสร้างโดยรวมของเกม Honkai: Star Rail คล้ายกับเกม Genshin Impact หรือเกม Gacha หลายไตเติล คือตัวเกมออกแบบมาเพื่อดึงดูดให้เกมเมอร์เข้ามาเล่นทุกวัน ด้วยการให้ทำภารกิจประจำวัน เพื่อแลกรางวัลเป็นเพชร Gacha, ทำความคืบหน้า Battle Pass และทำกิจกรรมพิเศษที่มีระยะเวลาจำกัด

พูดถึงการหาเพชร Gacha ในเกมนี้ แน่นอนว่าผู้เล่นหาได้จากการทำเควสต์เนื้อเรื่อง เควสต์โลก เควสต์ตัวละคร และทำความท้าทายต่าง ๆ

ใน Honkai: Star Rail มีโหมดความท้าทายแบบถาวร 2 โหมด คือ Simulated Universe ซี่งเป็นโหมด Rogue-Like และ Forgotten Hall โหมดที่ต้องปราบศัตรูให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ แม้ทั้ง 2 โหมดเกมมีกฎกติกาต่างกัน แต่มีวิธีการเอาชนะเหมือนกัน คือต้องจัดทีมให้เหมาะสมที่สุด และทั้งสองโหมดให้รางวัลเป็นเพชร Gacha จำนวนมากในช่วงเริ่มต้น กับความท้าทายแบบพิเศษ ที่มีการรีเฟรชรางวัลในทุกครึ่งเดือน

Honkai Star Rail

หน้าเมนูก่อนเริ่มเล่น Simulated Universe

จากประสบการณ์ส่วนตัว ทั้ง 2 โหมดเกมมีความบาลานซ์ที่พอดี มีความท้าทายแบบแฟร์ แม้โหมด Simulated Universe จะมีการสุ่มเจอศัตรู สุ่มเจอบัฟค่าพลังต่าง ๆ ซึ่งเป็นธรรมชาติของเกมสไตล์ Rogue-Like แต่โดยรวมแล้ว เราไม่เจอปัญหาเรื่องบาลานซ์สักเท่าไหร่

ถ้าหากพูดถึงความขัดใจที่เกี่ยวข้องความแฟร์ในเกม ก็เป็นเรื่องของพฤติกรรม A.I. ที่สังเกตได้ว่าศัตรูมักจะชอบโจมตีตัวละครฝ่ายเราซ้ำ ๆ ทั้งที่ตัวดังกล่าวไม่ได้ติดสถานะ “ล็อกเป้า” ซึ่งเราก็หวังว่าทีมงานจะมีการปรับโลจิกของฝ่ายศัตรูให้เหมาะสมมากขึ้น เพื่อให้เกมมีความแฟร์กว่าเดิม จากที่โดยรวม ตัวเกมมีความท้าทายลงตัวกลมกล่อมอยู่แล้ว

ถึงแม้ Honkai: Star Rail ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา แต่จากการทดสอบเล่นในช่วง Final Beta เราพบว่าตัวเกมมีคุณภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว ภาพกราฟิกสวยงาม มีการขัดเกลามาดี โมเดลตัวละครมีรายละเอียดมากขึ้น แอนิเมชันอลังการงานสร้าง และที่สำคัญที่สุด เราเจอปริมาณบั๊กที่น้อยมาก

แม้ตัวเกมมีปัญหาด้าน Performance ระหว่างการผจญภัยใน Xiaozhou Luofu โดยมีอาการเฟรมเรตตกเล็กน้อยเป็นบางครั้ง แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงการต่อสู้ อาการเฟรมเรตก็กลับมาลื่นไหลปกติอีกครั้ง ดังนั้น เราจึงมองว่ามันไม่ใช่บั๊กระดับ Game Breaking หรือร้ายแรงจนเล่นไม่ได้ และมั่นใจว่าปัญหาดังกล่าวจะได้รับการแก้ไข เมื่อเกมเวอร์ชันสุดท้ายได้เปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการแล้ว

Honkai Star Rail

เรารู้สึกมีความประทับใจกับ Honkai: Star Rail ด้วยระบบเกมเพลย์เล่นง่าย แต่มีความลึก ศัตรูมีความหลากหลาย และการออกแบบโลกที่น่าสนใจ แม้หน้าตาเมนู กับการฟาร์มไอเทมจะเหมือนกับ Genshin Impact มากจนไม่ได้มอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ รวมถึงระบบในภาพรวมไม่ได้มีนวัตกรรมอะไรเป็นพิเศษ แต่ใครเป็นคนชอบเกม RPG สไตล์คลาสสิก เน้นการวางแผน ไม่ต้องโชว์สกิลโปร์เกมเมอร์มูฟ อาจจะต้องถูกใจ สนุกสนานไปกับเกมนี้ไปอีกนาน

สุดท้าย Honkai: Star Rail มีกำหนดการลงในระบบ PC, iOS กับ Android ส่วนวันเปิดให้เล่นจะเป็นวันไหนนั้น ก็ต้องติดตามข่าวสารจาก HoYoverse ต่อไป

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top