BY Aisoon Srikum
12 Jul 22 5:48 pm

Postal แฟรนไชส์เกมสุดต่ำตม แต่โด่งดังจนกลายเป็นที่กล่าวขาน

258 Views

ตามปกติแล้ว หากเราคิดจะทำเกมสักเกมให้ขายได้ เข้าถึงได้สำหรับทุกคน ก็คงต้องทำเกมแบบปกติ เข้าถึงง่าย หรือเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัยเอาไว้ก่อน แต่ไม่ใช่กับสตูดิโอ Running with Scissors ที่หาญกล้าทำแฟรนไชส์เกมสุดต่ำตมออกมา ต่ำตมในที่นี้ ไม่ใช่ว่าตัวเกมคุณภาพแย่ แต่มันเต็มไปด้วยความวิตถาร ภาพไม่น่ามอง รวมไปถึงความโหดร้ายป่าเถื่อนเลือดสาดแบบโนสนโนแคร์ใด ๆ วันนี้เราจะมาดูกันว่า เกมเกมหนึ่งจะต่ำตมได้มากขนาดไหน กับซีรีส์เกม Postal

ออกวิ่งไปกับกรรไกร 1 เล่ม

Metalsign Sitebanner

เอาแค่ชื่อสตูดิโอพัฒนาเกมก็ปั่นแล้ว Running with Scissors (ต่อไปจะขอเรียกย่อ ๆ ว่า RWS) เป็นสตูดิโอเกมจากประเทศอิตาลี  ก่อตั้งโดย Vincent James Desiderio Jr. ที่ใช้ชีวิตมามากมายหลายบทบาท จนกระทั่งมาเริ่มก่อตั้งสตูดิโอเกม ที่ในตอนแรกใช้ชื่อว่า Riedel Software Productions (RSP) และเริ่มผลิตเกมแรกอย่าง Free Willy อิงจากภาพยนตร์ในช่วงนั้น และทาง Vincent ต้องการที่จะสร้างเกมออริจินัลของตัวเองขึ้นมา ไอเดียในการทำเกม Postal จึงเริ่มต้นขึ้น โดยช่วงนั้นเขาได้แรงบันดาลใจจากเกม Robotron: 2084 ที่เป็นเกม Arcade ในตอนนั้น และเป็นเกมที่สามารถเล่นได้ตามสำนักงานไปรษณีย์ด้วย ทางบริษัทจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น Running with Scissorrs พร้อมโลโก้สุดแปลก ที่เป็นเหมือนกับตัวละคร Stick Man ที่วิ่งไปพร้อมกรรไกรเป็นโลโก้ที่แฟนเกม Postal จดจำกันได้ดี

ภาค 1 ไปรษณีย์เป็นเหตุ

หลังจากเริ่มต้นพัฒนาเกมแล้ว ในปี 1997 ทาง RWS ได้ยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเกม Postal โดยเป็นเกมที่ตัวเอก หรือ Postal Dude ออกสังหารโหด ฆ่าคนตายเป็นเบือ พร้อมสโลแกน Going Postal ที่สื่อกันตรง ๆ ว่า นี่คือเหตุสังหารหมู่โดยพนักงานส่งของ แน่นอนว่าโดนทาง USPS หรือทางไปรษณีย์สหรัฐออกมายื่นฟ้องทาง RWS กลับ แถมยังโดนผู้บัญชาการใหญ่ของไปรษณีย์สหรัฐส่งจดหมายประณามธีมของตัวเกมอีกด้วย แม้ว่าคดีนี้จะถูกยกฟ้องไป แต่ธีมของเกมก็ยังทำให้เกิดความขัดแย้งภายในวงการเกม แต่ Vincent ผู้ก่อตั้งสตูดิโอกลับมมองว่า มันไร้สาระมาก และเดินหน้าทำเกมของตัวเองต่อไป

ฝ่าวิบากกรรมมาเพียบ จนในที่สุด ปี 1997 Postal ภาคแรกก็เผยโฉมสู่วงการเกม บนระบบปฏิบัติการ Windows และ Mac OS ด้วยความรุนแรงแบบไร้เหตุผลของตัวเกม หลังเปิดตัว Joe Lieberman วุฒิสมาชิกก็โจมตีเกมโดยทันทีว่ามันคือเกมที่ห่วยแตกที่สุดในอเมริกา แถมตอนนั้น ร้านค้าปลีกอย่าง Wal-Mart และ CompUSA ยังปฏิเสธที่จะขายเกมนี้ในร้านตัวเองด้วย แต่ถึงอย่างนั้น เกมก็ยังขายได้มากกว่า 10,000 ชุดในสัปดาห์แรก

สาเหตุที่ตัวเกมมันโดนเล่นงานหนักขนาดนี้ เพราะ Postal ภาคแรกนั้น มันคือการฆ่าคนเล่นเป็นผักปลาโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ตัวเอกของเกมนี้คือ Postal Dude ที่ถูกไล่ออกจากบ้าน แถมด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม เขาเชื่อว่า กองทัพอากาศสหรัฐกำลังจะปล่อยทหารลงมาในเมือง Paradise และเขารู้สึกว่า เขาเป็นคนเดียวที่รอดพ้นจากโรคระบาดความเกลียดชัง ตัวละครเอกของเกมนี้จะไล่ฆ่าคนไปเรื่อย ๆ จนถึงฉากที่เป็นโรงเรียน โชคดีที่ในเวอร์ชั่นต้นฉบับนั้น อาวุธของเราไม่สามารถยิงกราดนักเรียน หรือเด็กได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่เหมาะสม ทำให้เวอร์ชั่น Redux ของเกม เปลี่ยนฉากยิงในโรงเรียนเป็นฉากหลุมศพในทุ่งแทน

และในเมื่อภาคแรกมันดุรุนแรงไร้เหตุผลขนาดนี้ การมาถึงของภาค 2 จึงดริฟท์แนวทางของเกมให้กลายไปเป็นแนวตลกร้ายมันซะเลย

ภาค 2 เน้นตลก วิตถาร ต่ำตม และมันจะรุนแรง เท่าที่คุณทำ..

เมื่อภาคแรกมันดูรุนแรง ไร้เหตุผล แถมกระแสตอบรับก็ไม่ค่อยจะดีนัก ทาง RWS จึงเริ่มทำภาค 2 โดยคิดคอนเซปต์ว่าให้มันตลกโปกฮากว่าภาคแรก แต่ถึงอย่างนั้นปัญหาของมันคือการนำเสนอแบบโนสนโนแคร์เช่นเดิม Postal 2 น่าจะเป็นเกมที่คนไทยหลายคนรู้จัก เพราะสตรีมเมอร์คนแรก ๆ ของไทยอย่างคุณออย ได้หยิบมาเล่น จนเป็นเกมเป็นที่รู้จักในวงกว้างช่วงนั้น ในเมื่อภาคแรกโดนโจมตียับเรื่องความรุนแรง ภาคนี้ทีมงานเลยทำสโลแกนเกมมาว่า Remember, it’s only as violent as you are หรือเกมนี้มันจะรุนแรงเท่าที่คุณทำให้มันรุนแรง

เกมเพลย์หลัก ๆ ของภาคนี้ คือการใช้ชีวิตอันเรียบง่ายในเมือง Paradise รัฐแอริโซนา ภารกิจของผู้เล่นก็ง่าย ๆ เช่น ไปซื้อนมจากร้านค้า ไปสารภาพบาป เอาเงินไปเข้าธนาคาร และงานรับส่งของทั่วไปอื่น ๆ ผู้เล่นจะจบภารกิจทั้งหมดโดยไม่มีการนองเลือด เหมือนใช้ชีวิตประจำวันในโลกเราเลยก็ได้ แต่เราจะถูกยั่วยุและกวนประสาทจากคนอื่นเป็นประจำ งานนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้เล่นแล้วว่า จะฆ่าล้างบางมันจนหมดโคตร หรือยอมเล่นเป็นคนดีต่อไป

เอกลักษณ์ของเกมภาคนี้คือ ความรุนแรงเลือดสาดเหมือนเดิม เรียกได้ว่าตีกันหัวขาด เลือดสาด ตัวแตกเป็นชิ้น ๆ มีการใช้ Stun Gun หรือปืนไฟฟ้า จี้ศัตรูจนทำให้คนโดนฉี่ราด หรือจะควักไอ้จ้อนของตัวเองออกมาโชว์สาว ๆ จนอ๊วกแตกกันทั้งเมืองเลยก็ทำได้ เอาง่าย ๆ คือเกมนี้ไม่เหมาะกับเยาวขนเลยแม้แต่น้อย และอาจจะไม่เหมาะกับผู้ใหญ่บางคนด้วยซ้ำไป

ภาค 3 ที่โดนตัดญาติขาดมิตรกับทาง Running with Scissors

Postal III นี้ เป็นภาคเดียวที่ทาง Running with Scissors ไม่ได้มีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องใด ๆ แถมมันยังโดน Running with Scissors เกลียดมาก ถึงขั้นไม่นับภาค 3 อยู่ในสารบบของตัวเกม แถมไปเคลมว่าภาค 4 ต่างหาก คือภาคต่อจริง ๆ ต่อจากภาค 2 สาเหตุที่เป็นแบบนั้น เพราะภาคนี้พวกเขาได้หันไปพึ่ง Publisher คนนอก อย่าง Akella ทำให้แนวทางการทำเกมถูกเปลี่ยนไปพอสมควร เพราะในตอนนั้นมีปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนัก การหา Publisher ได้ เป็นทางเลือกที่ดี

Vince Desi เผยว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมาก ทั้งในแง่ของแนวทางเกม และการจ้าง Outsource บางส่วนมาทำงาน จนทำให้ตัวเกม ผิดไปจากไอเดียตั้งต้นที่คิดไว้ ผู้พัฒนายอมรับว่าเกมมันพังยับ และไม่ควรเข็นมาขาย สุดท้ายทาง RWS จึงตัดสินใจทำเนื้อหาเสริมให้ภาค 2 โดยวางจำหน่ายในปี 2015 ที่เล่าว่า ตัวเกมภาค 3 นั้นเป็นเพียงความฝันเท่านั้น ทีมงานเกลียดเกมนี้ขนาดไหน ก็คือในตอนแรก หน้าเว็บไซต์ของ RWS จะมีข้อมูลของเกม Postal ทุกภาค แต่ในตอนแรก พวกเขาถึงขั้นไม่ใส่ภาค 3 ไว้ในหน้าเว็บไซต์ แต่ตอนนี้มีการใส่ชื่อเกมภาค 3 เอาไว้ แต่หากกดลิงก์ตัวเกมภาค 3 มันจะกลายเป็นเพลง Never Gonna Give You Up ของ Rick Astley แทน…

ตัวเกมในภาค 3 ยังคงความต่ำตมตลกร้ายเอาไว้ครบครัน ทั้งความรุนแรงเลือดสาด ความปั่น ความกาว เอาหมา แมว มาเป็นปืนยิงอาวุธ ไล่กัดคน มีลิงที่ทำท่าแปลก ๆ บนใบหน้าของมนุษย์ และฉาก 18+ ทั้งหลายแหล่ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังเป็นภาคที่ทาง RWS ไม่ยอมรับจริง ๆ เพราะมันห่วยเกินจะทน

ภาค 4 เกือบดี แต่ก็ยังไม่ดีพอ

เหมือนว่าความคัลท์ ความแปลกจากเกมภาคแรก ๆ จะไม่อาจแบกซีรีส์นี้ไว้ได้อีกต่อไป ภาค 4 ของ Postal หรือ No Regerts นี้ มีฉากหลังเป็นหลายปีหลังจากตัวเกมภาค 2 ที่เป็น DLC Paradise Lost คราวนี้ Postal Dude และหมาของเขา โดนขโมยรถ จนต้องไปใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ใน Edensin รัฐแอริโซนา และความวายป่วงครั้งใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น

ภาคนี้ยังเป็นเกมภาคแรกที่ใช้วิธีว่างขายแบบ Early Access ด้วย โดยตัวเกมวางขายตั้งแต่ช่วงตุลาคมปี 2019 และเพิ่งมาทำเกมเสร็จในช่วงปี 2022 นี้ เกมเพลย์ของมันยังอ้างอิงจากภาค 2 หลายส่วน เน้นการทำภารกิจที่เป็นเหมือนธุระทั่วไป มีทั้งงานท่อระบายน้ำ จับสัตว์ ผู้คุมเรือนจำ คือทำไปทั่ว แต่เพราะแบบนี้แหละ สื่อหลายสำนักเลยมองว่า มันเหมือนจะก๊อป Postal 2 มาวางมากจนเกินไป แถมเพราะ Launch เกมแบบ Early Access เลยทำให้เกมเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง และปัญหาแบบจัดหนักจัดเต็ม และความแปลก ความบ้าของเกมก็ดูจะไม่ใช่อะไรใหม่แล้ว หากคุณเลือกจะเล่นเกมนี้ในปี 2019

แม้จะอัปเดตมาจนเป็นเกมเต็มแล้ว แต่ตัวเกมก็ทำได้เต็มที่ แค่ได้คะแนนระดับปานกลางเท่านั้น เพราะมันยังคงมีปัญหาด้าน A.I. ที่ไม่ค่อยจะฉลาดนัก รวมไปถึงภารกิจของเกมที่ใช้ระบบเดียวกันกับภาค 2 ทำให้มันน่าเบื่อหน่ายมาก แถมอาวุธในเกมก็แทบจะไม่เวิร์ค และไม่ทำให้สนุกในการเล่นเลย เกมเพลย์เป็นเพียงการเดินไปรอบ ๆ อย่างไร้จุดหมายอีกด้วย

ภาคแยก หันไปทำแนวใหม่บ้าง

มาในปี 2022 นี้ Postal ยังคงเดินหน้าต่อไป และขอแยกมาทำสิ่งใหม่ ๆ บ้าง กับ Postal: Brain Damage ที่เปลี่ยนแนวเกมมาเป็นเกมแบบ Boomer Shooter หรือเดินหน้ายิงแหลกตามสไตล์เกมยิงคนแก่ ให้อารมณ์การเล่นคล้าย ๆ กับเกม DOOM ภาคเก่า ๆ โดยภาคนี้เราจะได้ผจญภัยไปในสมองอันวิกลจริต เจอกับศัตรูสุดเพี้ยน เพื่อนบ้านสุดแปลกในจินตนาการของ Postal Dude รวมไปถึงเหล่าสรรพสัตว์สุดบ้า เช่นหมาที่อาละวาดไล่กัดเรากันอย่างต่อเนื่อง ถือว่าเป็นแนวทางใหม่ของเกม Postal ซึ่งใครที่สนใจก็สามารถไปหามาเล่นกันได้แล้ววันนี้

โดยรวมแล้ว ถือว่า ซีรีส์ Postal เป็นซีรีส์ที่มาไกลมาก แม้ว่าในภาคล่าสุดนี้ ความวิตถาร ความต่ำตม ความบ้าของมัน จะเริ่มไม่ค่อยเป็นที่นิยมแล้ว

SHARE

Aisoon Srikum

Back to top