Deus Ex สุดยอดเกมไซไฟผู้นำเสนอโลกไซเบอร์พังค์ที่โด่งดังก่อนกาลเวลา

ในสมัยก่อนที่เกมจะมีการแบ่งหมวดหมู่ยิบย่อยมากมายจนน่าปวดหัวนั้น ส่วนมากเกมแอ็คชั่นก็จะเป็นเกมแอ็คชั่น เกมไขปริศนาก็จะเป็นเกมไขปริศนาแบบตายตัว ไม่ค่อยมีการผสมผสานแนวเกมอันหลากหลายในเกมเดียวกันสักเท่าไร แต่เมื่อเกมยิงสุดเดือดและพล็อตไซไฟล้ำโลก อยากจะเล่าเนื้อเรื่องอันเข้มข้น และใส่ระบบ RPG เข้าไปในเกมด้วย แนวคิดของเกมนี้จึงถือกำเนิดขึ้นเป็นแฟรนไชส์เกมชุดใหม่ในชื่อ Deus Ex ที่หลังจากแฟน ๆ บางส่วน รอคอยภาคต่อมาอย่างยาวนาน ตอนนี้มันกำลังจะได้รับการชุบชีวิตขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่สำหรับหลายคนที่ไม่รู้จัก วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับ Adam Jensen และเรื่องราวของ Deus Ex กัน

จุดกำเนิดตั้งแต่ปี 2000

แม้ว่เากมภาคแรกจะวางจำหน่ายในปี 2000 แต่ไอเดียการสร้าง Deus Ex นั้น มีการริเริ่มพัฒนากันมาตั้งแต่ปี 1994 แล้ว รากฐานไอเดียของการทำเกมนี้ มันเกิดขึ้นเพราะว่าช่วงนั้น วิดีโอเกมแนวแฟนตาซีหรือวิทยาศาสตร์มันเริ่มจะเยอะเกินไปแล้ว ทำให้ Warren Spector ผู้สร้างเกมนี้ต้องการที่จะทำอะไรที่แตกต่าง โดยเขาอยากให้เกมมีความสมจริงในแบบที่ Ultima Underworld ทำได้ในเวลานั้น ในตอนแรกผลงานของเขาถูกปัดตกไป จนกระทั่งได้ Ion Storm ที่สนใจในไอเดียเกมนี้ ได้นำมาพัฒนาอย่างจริงจัง และได้ Square Enix เป็นตัวแทนจำหน่าย และชื่อของ Deus Ex ก็เริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย โดยมีภาคต่อตามมาอีกมากมาย ซึ่งตอนนี้ภาคล่าสุดของตัวเกมก็คือ Mankind Divided ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2016 และจนตอนนี้ก็ไร้ซึ่งวี่แววภาคใหม่ จนกระทั่งข่าวการเข้าซื้อกิจการของ 3 สตูดิโอดังของ Embracer Group เมื่อวานนี้ ทำให้เราเตรียมจะได้เห็น Deus Ex ภาคใหม่กันได้แล้ว โดยภาคนี้จะใช้ Unreal Engine 5 ด้วย

เรื่องราวในโลกไซไฟล้ำอนาคต กับเนื้อหาสุดเข้มข้น

ในเกม Deus Ex แต่ละภาค จะมีการเล่าเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุกภาคจะมีเนื้อหาอยู่บนโลกและจักรวาลเดียวกัน ฉากหลังของเกมคือโลกแห่งอนาคตที่พัฒนาไปไกลมาก จนเรียกได้ว่าเป็นยุค Cyberpunk แบบดิสโทเปีย หลากหลายองค์กรและบริษัทพยายามแข่งขันกันเพื่อควบคุมโลกแบบเบ็ดเสร็จ เหล่าผู้คนในยุคนี้สามารถดัดแปลง เสริมแต่งร่างกายให้มีความสามารถเหนือมนุษย์ได้ โดยวิธีการนี้เรียกว่า Augmentation

เรื่องราวในเกมภาคแรก เริ่มต้นในปี 2052 โลกเผชิญหน้ากับวิกฤตไวรัสนาโนที่ชื่อว่า Grey Death ในเกมภาคแรก เราจะได้รับบทเป็น Alex D ที่ต้องอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสองกลุ่มของมนุษย์ ผู้เล่นจะต้องเป็นฝ่ายเลือกพิจารณาเอาเองว่าจะเข้าร่วมกับฝ่ายใด

ในขณะที่ภาคที่หลายคนรู้จักกันดีอย่าง Human Revolution นั้น ขยับใกล้ความเป็นจริงเข้ามาหน่อย เมื่อเรื่องราวเกิดขึ้นในปี 2027 (ห่างจากชีวิตจริงเราไปเพียง 5 ปีเท่านั้น แต่ตอนเกมภาคนี้ออกคือปี 2011) ในภาคนี้เราจะได้รับบทเป็น Adam Jensen หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของ Sarif Industries จากเหตุการณ์บุกโจมตีสำนักงาน Adam บาดเจ็บสาหัส จนต้องเข้ารับการผ่าตัดดัดแปลงร่างกาย และออกสืบหาผู้โจมตีที่อาจจะส่งผลกระทบกับการเมืองและศีลธรรมของมนุษย์โลก

ในขณะที่ The Fall นั้น จะเป็นเรื่องราวคู่ขนาน เล่าเรื่องของ Ben Saxon อดีตทหารรับจ้างที่มีส่วนสำคัญในแผนการปฏิวัติมนุษย์ ส่วนภาคล่าสุดของซีรีส์อย่าง Mankind Divided นั้น เกิดขึ้น 2 ปีหลังจาก Human Revolution โลกถูกองค์กร Illuminati บิดเบือนข้อความและสาสน์ที่ Adam ตั้งใจจะส่งต่อ ทำให้เขาแยกออกมาทำงานเดี่ยว ๆ แทน

เกมการเล่นที่หลากหลาย ด้วยการหยิบยืมจากหลายเกม

การเขียนบทและเนื้อหาของเกมนี้ มีเป้าหมายเพื่อถ่ายทอดสภาพแวดล้อมภายในเกม รวมไปถึงบทสนทนา เพื่อดูว่าโลกของเกมจะได้รับอิทธิพลจากการตัดสินใจของผู้เล่นอย่างไร ในขณะที่เกมเพลย์หลักของซีรีส์ Deus Ex คือการหยิบเล็กผสมน้อยของเกมหลากหลายแนวเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของบทสนทนา ฉากแอ็คชั่น การเป็นเกมมุมมอง First Person และการลอบเร้น เรียกได้ว่า Deus Ex มีแทบจะทุกอย่าง มีการแบ่งสายการเล่นที่ชัดเจน จะบู๊แหลกก็ทำได้ จะลอบเร้นก็ทำได้ เน้นสนทนาก็สามารถเลือกได้เช่นกัน

และที่สำคัญจริง ๆ คือเรื่องของการเลือก การเลือกของผู้เล่นถือเป็นฟีเจอร์หลักสำคัญของ Deus Ex เลยก็ว่าได้ การกระทำต่าง ๆ ของผู้เล่นจะส่งผลต่อโลกรอบตัว และเหล่า NPC ภายในเกม แต่ภาคที่เน้นหนักในเรื่องของการเลือกมากที่สุด น่าจะหนีไม่พ้นภาค Invisible War ที่ผู้เล่นสามารถเลือกเพศและสีผิวของตัวละครหลักได้ก่อนเริ่มเกม ทำให้เกมมีตัวเลือกที่ละเอียด ซับซ้อน และหลากหลายกว่า ด้วยกลุ่มองค์กรต่าง ๆ ภายในเกมที่มีมากถึง 4 กลุ่ม

แต่ในภาคที่คนส่วนใหญ่รู้จักอย่าง Human Revolution นั้น จะมีหลากหลายสถานการณ์ภายในเกม ผู้เล่นเลือกเองได้ว่าจะใช้ความรุนแรง เปิดฉากยิงซึ่ง ๆ หน้า หรือจะลอบเร้น รวมไปถึงบทสนทนาที่จะส่งผลแตกต่างกัน อาจจะมีทั้งการแก้ปัญหาโดยตรง แลละทางอ้อม แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทีมสร้างเผยว่าพวกเขาเลือกจะใช้วิธีหยิบยกข้อดีของเกมต่าง ๆ มาผสมผสานรวมกัน เช่นระบบการยิงที่ได้แรงบันดาลใจจาก Rainbow Six Vegas รวมไปถึง Call of Duty และ Resident Evil ในบางภาค ส่วนของบทสนทนา การถามตอบ การลอบเร้นก็จะอิงจากเกมลอบเร้นชื่อดังอย่าง Metal Gear Solid

ภาค Human Revolution เคยมีปัญหาถึงขั้นที่ว่า ทีมงานใส่ใจกับระบบเนื้อเรื่องและตัวเลือกมากจนเกินถึงขั้นที่ว่าทำเกมเพลย์ในส่วนของ Boss Fight ไม่ทัน ในตอนแรกพวกเขาคิดจะตัด Boss Fight ออกจากเกมไปเลย แต่ผู้เล่นน่าจะไม่พอใจกันเป็นอย่างมาก จึงจำเป็นต้องให้ Outsource อย่าง Grip Entertainment เข้ามาร่วมพัฒนาด้วย ซึ่งก็ถือว่าพอถูไถไปได้ แต่ชื่อเสียงของ Deus Ex นั้น มาจากเกมการเล่นที่หลากหลาย เนื้อเรื่องที่เข้มข้นและเนื้อหาที่ค่อนข้างล้ำยุคล้ำสมัยในช่วงนั้น โดยเฉพาะกับภาค Human Revolution ที่เรียกได้ว่าแทบจะกลายเป็นเกมในดวงใจของใครหลายคนเลยทีเดียว อาจจะมาสะดุดเล็กน้อยในภาค Mankind Divided ที่มีการขาย Microtransaction ที่เยอะไปหน่อย รวมไปถึงความเข้มข้นของเกมที่ดรอปลงจากภาคก่อนหน้านี้ด้วย

เตรียมกลับมาอีกครั้งในภาคใหม่ และ Unreal Engine 5

ข่าวนี้เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวานนี้ เมื่อมีข่าวว่า Embracer Group ประกาศเข้าซื้อกิจการ 3 สตูดิโอดังของ Square Enix ประกอบไปด้วย Crystal Dynamics, Eidos Montreal, Square Enix Montreal รวมแล้วมูลค่ากว่า 300 ล้านเหรียญ 

และเพียงไม่นานหลังจากมีการประกาศเข้าซื้อกิจการ ทาง Eidos Montreal ก็ออกประกาศตามมาติด ๆ ว่าจะทำการชุบชีวิต Deus Ex กลับมาอีกครั้ง รวมไปถึงใช้เอนจิ้นตัวล่าสุดจากทาง EPic Games อย่าง Unreal Engine 5 ในการพัฒนาด้วย แน่นอนว่าข้อมู,นอกเหนือไปจากนี้ยังไม่มีใครทราบ เท่ากับว่าตอนนี้หลังจากการเข้าซื้อกิจการของ Embracer Group ทำให้ Square Enix ได้กลับมาทำทั้ง Deus Ex ภาคใหม่ และ Tomb Raider ภาคใหม่กันเลยทีเดียว

สิ่งที่แฟน ๆ คาดหวังได้จาก Deus Ex นี้ ก็อาจจะเป็นเนื้อเรื่องที่เข้มข้นมากขึ้น เกมเพลย์ที่สนุกขึ้น และกราฟิกที่ต้องพัฒนาขึ้นแน่นอนจากากรใช้ Unreal Engine 5 แฟน ๆ ก็ต้องรอติดตามกันต่อไป