หากใครยังจำกันได้ในยุคสมัยที่สมาร์ทโฟนเริ่มเป็นอุปกรณ์แห่งความบันเทิงที่ทำอะไรได้มากกว่าแค่การรับสาย – โทรออก ก็มีวิดีโอเกมมากมายหลากหลายประเภทที่แฟน ๆ ชาวไทยต่างติดกนัจนงอมแงม และจนมาวันนี้ แม้ว่าหลายเกมจะยังคงเปิดให้บริการ และเปิดให้เล่นได้อยู่ แต่ความสนุก ความรู้สึกที่ได้รับมันอาจจะไม่เหมือนตอนเล่นครั้งแรก แต่อย่งาน้อยมันก็เป็นเกมที่เรารักและคิดถึงเสมอ จะมีเกมอะไรบ้างนั้นลองมารับชมกันได้
1.Angry Birds
นี่อาจจะเป็นเกมมือถือยุคแรก ๆ ที่ใครหลายคนรู้จัก กับสุดยอดเกมจากค่าย Rovio ที่เป็นแนวตะลุยผ่านด่าน แต่ต้องใช้สมองคิดวิเคราะห์ หาองศาการยิง ให้อารมณ์เหมือนเล่นเกมยุคเก่าอย่าง Gunbound เป็นเกมที่หลายคนแทบจะแย่งจอมือถือกันเล่นในยุคแรก ๆ เพราะมันถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในช่วงนั้น และยังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่เกมเมอร์ชาวไทย เรียกได้ว่าใครมีมือถือในยุคนั้นแล้วไม่มีเกม Angry Birds นี่ ไม่ได้เด็ดขาด
2.Flappy Bird
ย้อนไปสัก 7 ปีก่อน Flappy Bird เขย่าวงการเกมมือถือด้วยรูปแบบเกมที่ Hyper Casual แต่มันก็เข้าถึงง่ายแบบสุด ๆ เกมนี้ออกแบบโดยผู้พัฒนาชาวเวียตนาม และจากคอนเซปต์เกมง่าย ๆ แบบนี้ ทำให้ผู้คนฮิตกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง จนมันถึงขั้นทำเงินให้ผู้พัฒนาได้ถึงวันละ 50,000 $ หรือวันละ 1.5 ล้านบาท จากการโฆษณาเท่านั้น แต่เพราะมีคนหาว่ากลไกของเกมนี้มันไปคล้ายกับหลาย ๆ เกม แถมยังทำให้คนติดเกมนี้มาก ผู้พัฒนาจึงรู้สึกผิด และถอดเกมออกจากสโตร์ ทำให้ราคามือถือที่เกมนี้ พุ่งสูงขึ้นมากเลยทีเดียว
3.Doodle Jump
อีกหนึ่งเกมยอดฮิตบนมือถือช่วงแรก ๆ กับคอนเซปต์การเล่นที่โคตรง่าย เพียงแค่กระโดดขึ้นไปให้สูงขึ้นเพื่อทำคะแนนแข่งกับคนอื่น ๆ เท่านั้น Doodle Jump เปิดตัวในปี 2009 เป็นช่วงแรกที่เกมมือถือเริ่มเป็นที่นิยม ที่สำคัญเกมนี้มีเวอร์ชั่นที่เสียเงินซื้อเกมด้วย และมันก็ทำยอดขายได้สูงอย่างต่อเนื่องในช่วงแรกที่เปิดตัว สำหรับคนไทยแล้ว แต่ก่อนหากเข้าชั้นเรียนกับเพื่อนแล้วไม่มีการเรียนการสอนเกิดขึ้นก็จะหยิบมือถือขึ้นมาโดดเกมนี้แข่งกันนี่แหละ บันเทิงลืมเวลากันไปเลย
4.Fruit Ninja
เกมที่ทำให้จอมือถือของใครหลายคนเป็นรอยนิ้ว แถมทำให้นิ้วไหม้กันแน่นอนจากการปาดซ้าย ปาดขวาบนจอมือถือ เพื่อฟันผลไม้ให้เป็นชิ้น ๆ แน่นอนว่าเกมแบบนี้ก็เหมาะกับการแข่งกันเล่นกับเพื่อนอยู่แล้ว โดยผลไม้ที่หลากหลายจะให้คะแนนต่างกันไป มีผลไม้ตัวช่วยเช่นการสโลว์เวลา ได้คะแนนคูณสอง หรือผลไม้ที่ต้องปาดรัว ๆ เพื่อเก็บคะแนน ปัจจุบันเกมนี้มีอายุ 10 ปีเข้าให้แล้ว และเกมยังคงอัปเดตอยู่จนทุกวันนี้ เป็นอีกหนึ่งเกมมือถือยุคบุกเบิกสุดอมตะจริง ๆ
5.Subway Surfers
เจ้าพ่อเกมแนววิ่งหลบสิ่งกีดขวางแบบ Endless Running ที่พัฒนาโดยสตูดิโอพัฒนาเกมประเทศเดนมาร์ก และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจนทุกวันนี้ก็ยังเปิดให้บริการอยู่ แถมปรับเวอร์ชั่นเป็น World Tour ที่ฉากหลังจะเปลี่ยนไปตามสถานที่ต่าง ๆ ของประเทศ กับรูปแบบการเล่นง่าย ๆ ในการวิ่งหลบสิ่งกีดขวางโดยการปัดซ้าย ปัดขวา หรือปัดขึ้นบนเพื่อกระโดด ปัดลงล่างเพื่อสไลด์ตัว Subway Surfers นี่ถือเป็นอีกเกมที่เป็นต้นแบบให้เกมแนววิ่งหลบสิ่งกีดขวางของหลาย ๆ เกมเลย
6.Temple Run
อีกหนึ่งเกมแนว Endless Run ที่ได้รับความนิยมในบ้านเราไม่แพ้ Subway Surfers แต่เปลี่ยนธีมมาเป็นนักล่าสมบัติ กระโดดหลบสิ่งกีดขวางจากพื้นที่ซากโบราณสถาน และเกมนี้ยังสร้างโดยทีมคู่สามีภรรยา Keith Shepherd และ Natalia Luckyanova เป็นผู้พัฒนา ตัวเกมอาจจะไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก แต่ในด้านความเพลินนี่มันร้อยให้ร้อย นอกจากนั้นเกมยังออกมาถึง 2 ภาค และ 2 ภาครวมกันก็มียอดดาวน์โหลดสูงเกิน 1 พันล้านครั้งอีกต่างหาก
7.Thapster
หนึ่งในเกมแนวดนตรีที่พัฒนาโดยคนไทย และหลายคนน่าจะชื่นชอบและอยู่ในความทรงจำของทุก ๆ คนแน่นอน เพราะการที่ทีมพัฒนาเป็นคนไทย เกมนี้จึงเป็นเกมที่มีเพลงไทยอัดแน่นอยู่ในเกมเยอะแบบเยอะมาก ๆ ที่สำคัญยังสามารถแกะโน้ตแต่ละเพลง แต่ละระดับความยากออกมาได้ดี กดสนุกอย่าบอกใครเลยทีเดียว เชื่อว่าต้องมีเกมเมอร์หลายคนยอมเสียเงินซื้อเพลงในเกมนี้มาติดเกมไว้ถาวรกันแน่นอน น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดแล้วเกมนี้ก็ปิดตัวลงไปแล้ว และไม่มีทีท่าว่ามันจะกลับมาพัฒนาใหม่ด้วยซ้ำในยุคที่เกมมือถือกำลังมาแรง
8.Cookie Run
อีกหนึ่งเกมแนว Endless Run แต่เปลี่ยนจากวิ่งตรงไปข้างหน้าเป็ฯวิ่งด้านข้าง และแทนตัวละครด้วยเหล่าคุกกี้หลากหลายรูปแบบ คุกกี้แต่ละตัวก็จะมีความสามารถแตกต่างกันไป เก็บเงินซื้อบ้าง เติมเงินบ้าง แถมยังมี Leaderboard แข่งกับเพื่อนแบบทับถมกันไปมาได้เลย และเกมนี้น่าจะเป็นอีกเกมที่มีทั้งคนเล่นแบบสนุก ๆ กับโกงเงินของเกมโดยการแฮค ปัจจุบันเกมนี้ยังคงเปิดให้บริการอยู่ แต่บรรยากาศการเล่นย่อมไม่เหมือนวันเก่า ๆ อีกแล้ว และคุกกี้รันนี่แหละที่ทำให้แอปไลน์เพิ่มเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย แต่ในปัจจุบัน เวอร์ชั่นที่เปิดอยู่เป็นเวอร์ชั่นที่พัฒนาโดย Kakao เอง
