BY Aisoon Srikum
17 Sep 21 5:30 pm

7 เกมอินดี้ ที่มีกราฟิกสวยงามไม่แพ้เกมฟอร์มยักษ์

5 Views

ปฏิเสธไม่ได้ว่า หัวใจสำคัญที่ทำให้เราสนใจเกมบางเกมขึ้นมานั่นก็คือกราฟิก แม้ว่าระบบหลายอย่างอาจจะย่ำแย่ หรือไม่ค่อยดีนัก แต่สำหรับเกมเมอร์บางคน กราฟิกที่สวยงามก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เราสามารถเล่นจนจบเกมได้อย่างสบาย ๆ และในปัจจุบันนี้ ไม่ใช่แค่เกม AAA ฟอร์มยักษ์ทุนสูงเท่านั้นที่มีกราฟิกในเกมที่สวยงาม เกมอินดี้สมัยนี้ก็สามารถจัดเต็มและทำกราฟิกให้สวยงามได้ด้วย และนี่คือเกมอินดี้ที่มีกราฟิกสวยงามไม่แพ้เกมฟอร์มยักษ์ต่าง ๆ เรียกได้ว่าเห็นภาพแล้วเราอาจจะต้องถามคนอื่นดูอีกทีว่า นี่คือเกมอินดี้จริง ๆ หรือ

1. A Plague Tale: Innocence

เกมที่ว่าด้วยการเอาตัวรอดในยุคที่กาฬโรค และถือเป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์ ตัวเกมเป็นการผจญภัยของสองพี่น้องอมิเซียและฮิวโก้ แม้ว่ามันจะเป็นเกมอินดี้ แต่กราฟิกภายในเกมและการนำเสนอนั้นสวยงามมาก ๆ ทั้งสภาพแวดล้อมที่ได้รับการสร้างขึ้นมาอย่างประณีต ไปจนถึงฝูงหนูที่ทำเอาคนกลัวหนูไม่ควรจะเล่นเกมนี้สักเท่าไร ภาพรวมของเกมดูดีเกินกว่าจะถูกเรียกว่าเป็นเกมอินดี้ แต่นี่ก็คือเกมอินดี้จากฝีมือของ Asobo Studios และเรากำลังจะได้เล่นเกมภาคต่อในเร็ว ๆ นี้ด้วย

2. The Ascent

เกมน้องใหม่ที่เพิ่งวางจำหน่ายไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้ The Ascent คือเกม Action RPG ที่มีฉากหลังเป็นโลกยุคไซเบอร์พังค์ และหลายสื่อยกให้มันเป็นเกมที่ดูดีที่สุดเกมหนึ่งในปีนี้ ด้วยการนำเสนอโลกไซเบอร์พังค์ที่น่าทึ่ง มีงานภาพที่ยอดเยี่ยม และความมีชีวิตชีวาของโลกภายในเกม และสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยรายละเอียด แสง สี เสียง และความเป็นนีออนตามยุคไซเบอร์พังค์ หรือพื้นที่ศูนย์กลางของเกมที่มีมนุษย์ต่างดาวหลากหลายเผ่าพันธุ์เดินกันให้พล่านไปหมด เห็นแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเกมอินดี้ และไม่ได้มีทุนพัฒนาสูงอะไรมากมาย

3. Ori & The Will of ths Wisps

สำหรับคอเกม Metroidvania อาจจะรู้จักเกมนี้กันดีอยู่แล้ว และซีรีส์ Ori ที่มีออกมาถึงสองภาค ไม่เคยทำให้ผู้เล่นและแฟนเกมต้องผิดหวังกับกราฟิกภายในเกม แม้จะเป็นเพียงเกมแบบ 2D Side Scrolling แต่ฉากภายในเกมถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม แถมแต่ละฉากยังผ่านขั้นตอนการเรนเดอร์แบบ 3 มิติเข้าไปอีก เพราะเอฟเฟคท์แบบ Parallax ทำให้แสดงภาพของแสงที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะภาค 1 หรือภาค 2 แต่หากคุณเป็นคอเกมอินดี้ และชอบเสพความงามของการออกแบบและงานศิลป์ เกมนี้ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

4. Subnautica: Below Zero

เกมที่ใครกลัวทะเลลึกไม่ควรจะเล่นอย่างแรง แต่ในภาค Below Zero นั้น ก็เหมือนจะดรอปความน่ากลัวลงไปหน่อย เพราะโลกของเกมนี้ถูกเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย แม้ว่าสถานที่หลักจะยังเป็นโลกใต้ทะเล ซึ่งยังคงงดงามและมีรายละเอียดที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้เกมภาคก่อนหน้า มันยังคงเต็มไปด้วยพืชพันธุ์และสัตว์ประหลาดอีกมากมายให้เราได้เพลิดเพลินไปกับมัน (หรือสะดุ้งตกใจบ้าง) และภูมิภาคใหม่อย่างดินแดนน้ำแข็งก็เป็นอะไรที่ทำออกมาได้สวยงามและน่าประทับใจมาก ใครที่ชิ่นชอบการผจญภัยในโลกใต้มหาสมุทรที่ชีวิตจริงโอกาสได้ไปคงน้อยมากในตอนนี้ ก็ลงมาลุยกันในเกมนี้ได้เลย

5. The Forest

เรื่องเกมเพลย์และระบบการเล่นนั้น The Forest ทำออกมาได้ดีอย่างที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ทำได้ดีไม่แพ้กัน คือกราฟิกและการนำเสนอที่ถึงใจมาก ป่าดงดิบสุดอันตราย ที่สามารถสร้างความกดดันให้ผู้เล่น รวมถึงการมาของพวกมนุษย์กินคน ที่เล่นกับสภาพแวดล้อม และบรรยากาศได้เป็นอย่างดี ในหมวดหมู่เกมเอาชีวิตรอดระดับอินดี้นั้น ด้านงานภาพ The Forest มีศักยภาพที่เหนือล้ำกว่าหลาย ๆ เกมเลยทีเดียว ยิ่งช่วงกลางคืนยิ่งได้อารมณ์มากเข้าไปอีก และเกมนี้กำลังจะมีภาคต่อเช่นกัน นั่นคือ Sons of the Forest

6. No Man’s Sky

หากคุณคิดว่า No Man’s Sky เป็นเกม AAA นั้น คุณคิดผิดแล้ว ในช่วงเปิดตัวและช่วงของการโดนด่าอย่างยับเยิน No Man’s Sky เป็นเพียงเกมอินดี้ที่มีทุนสร้างมากพอ ๆ กับไอเดียเท่านั้น แน่นอนว่าตอนนี้เกมพลิกจากเกมที่ได้รับคำด่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ กลายเป็นอีกเกมหนึ่งเกมผจญภัยตะลุยอวกาศสุดเทพที่ได้รับการให้อภัยจากแฟน ๆ แล้ว ด้วยโลกของเกมที่หลากหลาย สภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยจะซ้ำกัน พืชและสัตว์ที่เป็นเอกลักษณ์ ให้อารมณ์เกมตะลุยอวกาศจริง ๆ แม้จะใช้เวลานานไปสักหน่อยในการคัมแบ็ค แต่ No Man’s Sky ก็กลายเป็นอีกเกมที่กลับมาได้อย่างสมศักดิ์ศรีแล้วในตอนนี้

7. Hellblade: Senua’s Sacrifice

เป็นอีกเกมที่ภาคแรกนั้น เป็นเกมอินดี้ แต่ภาคต่อที่กำลังจะมานั้น ขยายโปรเจกต์เป็นเกม AAA ไปแล้วเรียบร้อย ในภาคแรกนั้น ทางผู้พัฒนาอย่าง Ninja Theory เผยว่า มันเป็นเพียงเกมฟอร์มเล็กที่พยายามจะทำมันออกมาให้เทียบเท่าเกม AAA เท่านั้น โดยในภาคแรกนั้น เป็นทีมพัฒนาเล็ก ๆ และใช้ทุนน้อยมาก แต่พวกเขาก็ใช้ความจำกัดของงบและทีมพัฒนาออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้เกมภาคแรกมีคุณภาพยอดเยี่ยมไม่แพ้เกมฟอร์มยักษ์เลย และในภาคต่อนี้ก็ได้รับทุนพัฒนามากขึ้น และขยายสเกลเกมให้ใหญ่ขึ้นแล้ว และยังไม่มีกำหนดวางจำหน่ายในตอนนี้

SHARE

Aisoon Srikum

Back to top