สำหรับเกมเมอร์บางคนแล้ว วิดีโอเกม นอกจากจะซื้อมาเล่นเพื่อความบันเทิงแล้ว ยังยอมเสียเงินจำนวนมาก ซื้อเกมในระดับแพงที่สุด หรือระดับ Collector’s Edition ที่ผลิตออกมาอย่างจำกัดสำหรับเหล่านักสะสมเท่านั้น โดยนอกจากเกมแล้ว มันยังมาพร้อมสิ่งของสุดพิเศษ เพื่อให้กับความเป็นของสำหรับนักสะสม และ.. กับเกมบางเกม Collector’s Edition กลับห่วยจนเกินทน จะสะสมก็เจ็บใจ จะโชว์ยิ่งไม่ได้เข้าไปอีก และนี่คือเกมระดับ Collector’s Edition ที่มาพร้อมของแถมที่ไม่คุ้มราคาเอาซะเลย
1. John Woo Presents: Stranglehold
สำหรับเกมนี้ต้องบอกว่า มันคงไม่คุ้มราคาเฉพาะชาว Xbox เท่านั้น Stranglehold คือเกมที่ได้แรงบันดาลใจ และอาจจะนับว่าเป็นภาคต่อจากหนังแอ็คชั่นอมตะตลอดกาลของจีนอย่าง Hard Boiled (ทะลักจุดแตก) หนังของผู้กำกับจอห์น วู และนำแสดงโดยโจวเหวินฟะ ซึ่งเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จไปทั่วโลก เวลาผ่านไป 15 ปี ทั้งสองคนกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งแต่นำเสนอในรูปแบบวิดีโอเกมแทน และลงให้กับเครื่องคอนโซลอย่าง PS3 และ Xbox 360 ในตอนนั้น (PC ลงทีหลัง) แต่ในระดับ Special Edition ของตัวเกมนั้น มาพร้อมแผ่นบลูเรย์ของภาพยนตร์ Hard Boiled ในเวอร์ชั่น PS3 ซึ่งตัวเครื่อง PS3 นั้น อ่านแผ่นบลูเรย์ได้อยู่แล้ว ใครอยากเล่นเกม แต่ไม่รู้จักหนัง ก็ดูหนังก่อนได้เลย แต่ประเด็นคือ Xbox ดันไม่ได้แถมแผ่นหนัง แต่แถมแผ่น Extra Features เจาะลึกเบื้องหลัง และข้อมูลของหนังแทน ซึ่ง..มันจะมีประโยชน์อะไร หากคุณไม่เคยดูหนัง ? ทำให้เกมนี้ ถือว่าการซื้อระดับ Special Edition / Collector’s Edition นั้น ค่อนข้างเสียดายเงินเปล่า สำหรับแฟน ๆ Xbox
2. Call of Duty: World At War
ตัวเกมที่ใส่กล่องเหล็กมาอย่างสวยงามอาจจะถูกใจคอนักสะสม แต่ใน Collector’s Edition ของเกมนี้ ยังแถมขวดน้ำดื่มโลหะที่สลักตรา Call of Duty ของแท้แบบสแตนเลสขัดเงา ขนาด 8 ออนซ์มาให้ด้วย แต่มันกลับไม่ระบุจำนวนที่แน่ชัด ทำให้คำว่า “ของแท้” นั้น คลุมเครือมาก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะเจ้าขวดน้ำดื่มที่ให้มา ดันใช้ดื่มน้ำจริง ๆ ไม่ได้ แถมมันยังดูเหมือนที่ทับกระดาษซะมากกว่า เพราะรูปทรงการออกแบบของมัน ไม่สามารถจะวางตั้งไว้ได้ ถ้าไม่มีอะไรช่วยเสริม จะใช้จริงก็ไม่ได้ ใช้โชว์ก็ลำบาก แถม Collector’s Edition ของ Call of Duty ภาคนี้นี่แหละ ที่อาจจะเป็น Pay to Win ในช่วงเริ่มต้นนิด ๆ เพราะใครที่ซื้อเกมในระดับนี้ จะได้ปืน FG42 Machine Gun ก่อนคนอื่น แถมได้ EXP x2 ในช่วงสุดสัปดาห์ด้วย ทำให้อัปเลเวล ปลดของได้เร็วกว่าคนอื่น ๆ นั่นเอง แต่ก็นั่นแหละ การได้ขวดน้ำโลหะที่ใช้จริงไม่ได้มา มันก็เจ็บปวดในราคาเหมือนกัน
3. Dying Light
ในขณะที่ผู้คนชื่นชม Techland ที่พัฒนาและอัปเดตเกม Dying Light แบบเอาจนหมดทุกหยด แม้ภาค 2 จะมาแล้ว ก็ยังคอยดูแลเกมภาคแรก แต่รู้หรือไม่ ค่ายนี้เขาก็เคยปล่อยตัวเกมเวอร์ชั่นที่ไร้ประโยชน์จริง ๆ ออกมา นั่นคือ The Spotlight Edition โดยตัวเกมเวอร์ชั่นนี้ หากอธิบายให้ถูก มันคือการขอระดมเงินทุนไปสร้างหนังนั่นแหละ โดยตัวเกมเวอร์ชั่นนี้ มีราคาสูงถึง 250,000 $ หรือกว่า 8 ล้าน 8 แสนบาท คนที่ซื้อเกมนี้ นอกจากจะได้เกมแล้ว ยังได้สิทธิ์ในการเข้าร่วมแสดงภาพยนตร์จากเกม Dying Light ที่ทาง Techland ตั้งใจจะสร้างด้วย ยัง ยังไม่หมด ไม่ใช่แค่ซื้อเกม ได้เล่นหนัง เพราะเขายังมีคอร์สสอนการแสดงจากมืออาชีพ ฉากวีไอพี กับบทของตัวละครที่คุณจะแสดงแบบสมน้ำสมเนื้อ และอื่น ๆ อีกเพียบ แต่มันเหมือนการขายเอาฮามากกว่า เพราะ Techland ไม่ได้จะจริงจังกับการสร้างหนังแต่แรก และเงินกว่า 250,000 $ หลายคนคงเอาไปทำอย่างอื่นดีกว่า..
4. Resident Evil 7
เป็นการเปิดตัวและกลับมาอย่างยิ่งใหญ่สำหรับ Resident Evil 7 ที่สร้างความสยองขวัญและความเซอร์ไพรส์ให้เหล่าแฟนเกม ยกเว้นก็แต่ Collector’s Edition ของมัน ที่มาพร้อมโมเดลบ้านเบเกอร์แบบมีไฟกะพริบสุดหลอน ในตอนแรกมันได้รับความสนใจจากเหล่านักสะสมเป็นจำนวนมาก แต่ปัญหาเริ่มต้นขึ้นเมื่อถึงสัปดาห์ที่เกมวางจำหน่าย ทาง Capcom ไม่สามารถส่งของได้ทัน แต่เกมเมอร์ก็ไม่ได้โกรธอะไร เพราะตัว Collector’s Edition นี้ มันไม่ได้รวมเกมมาให้แต่แรกอยู่แล้ว แต่ท้ายที่สุด กว่าของจะได้จัดส่ง ตัวเกมก็เริ่มแผ่วความนิยมลง แถมการออกแบบและดีไซน์ตัวโมเดลบ้านก็ขาดความประณีตไปเยอะมาก ท้ายที่สุดแล้ว นี่จึงเป็น Collector’s Edition ที่ไม่ค่อยสมราคาซักเท่าไรนัก
5. Fallout 76
นอกจากจะต้องเผชิญหน้ากับกระแสตอบรับที่ไม่ค่อยจะดีในตอนเปิดตัวแล้ว Fallout 76 ยังเจอวิบากกรรมอีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการเปิดตัว Power Armor Edition หรือ Collector’s Edition ที่มาพร้อมกับหมวกกันน็อคในรูปแบบของชุดเกราะ Fallout ขนาดใหญ่ มีตุ๊กตาไซส์มินิกว่า 24 ตัวให้สะสม มีแผนที่ภายในเกม และกระเป๋าผ้าใบแบรนด์ West Tek และเป็นกระเป๋าแบบแคนวาส แต่อยู่ดี ๆ ทาง Bethesda ดันเหลี่ยมใส่คนซื้อด้วยการจะเปลี่ยนไปใช้กระเป๋าผ้าไนลอน ทำให้ผู้เล่นไม่พอใจอย่างมาก จนทาง Bethesda ต้องออกมากลับลำ แต่ต้องรอไปก่อนเพราะวัตถุดิบไม่พร้อมผลิต และส่งให้ไม่พอจำนวนผู้ซื้อ ยังไม่พอ หมวกกันน็อคเจ้าปัญหา ยังมีการถูกตามเรียกเก็บบางชิ้น เพราะมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อราอีกด้วย งานนี้ใครจ่ายเงินซื้อเกมนี้ในฉบับ Collector’s Edition ไป ก็คงเซ็งกันไม่น้อยเลยทีเดียว
6. Final Fantasy XIV
ถือว่าเป็นอีกเกมที่มีวิบากกรรมมาตั้งแต่ตอนเปิดตัวเลยก็ว่าได้ สำหรับ Final Fantasy XIV Online ที่ช่วงเปิดตัวนั้น เละเทะแค่ไหน คนที่ติดตามข่าวสารเกมนี้มาแต่แรกน่าจะรู้กันดี แต่เกมแย่ยังไม่พอ Collector’s Edition ยังเข้าขั้นหนักพอกัน สำหรับแพคเกจเกมระดับ Collector’s Edition ของเกมนี้ นอกจากพวก Artbook โทเคนความปลอดภัยสำหรับบัญชีเกมแล้ว ยังมาพร้อมกับแก้วหุ้มหนัง แต่ดันใช้ประโยชน์ไม่ค่อยได้.. เพราะแม้มันจะเป็นแก้วน้ำ มันกลับมาพร้อมคำเตือนสุดร้ายแรงว่า อย่าใส่ผลิตภัณฑ์จำพวก น้ำอัดลม น้ำเกลือ นม หรือน้ำผลไม้ นั่นหมายความว่าถ้าจะใช้แก้วใบนี้ จำเป็นจะต้องใช้กับน้ำเปล่าเท่านั้น ลำพังใช้ประโยชน์ได้น้อย ก็ว่าแย่แล้ว แต่ยังมีคนซื้อบางคน ออกมาเผยว่า แก้วที่ได้มานั้นทั้งขึ้นราและมีกลิ่นเหม็นด้วย สรุปแล้ว มันแทบจะกลายเป็นของใช้ไร้ประโยชน์กันเลยทีเดียว
7. Marvel VS. Capcom Infinite
การโคจรกลับมาซัดกันของสองค่ายสุดยิ่งใหญ่ อย่าง Marvel VS. Capcom Infinite ที่มาพร้อมกับตัวเกม Collector’s Edition ราคากว่า 200 $ แน่นอนว่าของแถมจัดเต็มคือโมเดล 4 ตัวละครจากทั้งค่าย Marvel และ Capcom แต่ที่โดดเด่นและน่าสนใจมาก คือ Infinity Stones ทั้ง 6 เม็ดที่สามารถเรืองแสงได้ในที่มืด ในตัวอย่างการเปิดตัวนั้น ทำเอาแฟน ๆ หลายคน อดใจไม่อยู่ แทบจะปาเงินให้ เพื่อนำมาสะสม เพราะมันสวยงามมาก แต่ปรากฎว่า เมื่อของจริงวางจำหน่าย รูปลักษณ์ของมันก็เหมือนกับก้อนหินทาสีทั่วไปเฉย ๆ ไม่ได้ดูเป็นอัญมณีที่หน้าตาดูดีใช้ได้แต่อย่างใด แถมโฒเดลตัวละครบางตัวก็ทำใบหน้าออกมาไม่ค่อยดีด้วย หลายคนถึงขั้นบอกว่า มันคือการโฆษณาแบบหลอกลวงผู้บริโภคเลยทีเดียว แม้หลายคนจะบอกว่า Infinity Stone แบบนี้ มันเหมือนกับในคอมมิคเป๊ะ ๆ แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเอามาหลอกลวงผู้บริโภคแบบนี้
