5 เหตุผลทำไมผมถึงรัก DOTA 2

หนึ่งในเกมที่ผมรักที่สุด

DOTA 2 เกมแนว Moba เกมจากทีมงาน Valve ที่ตอนนั้นมีผลงานการันตีคุณภาพมากมายทั้ง Left 4 Dead, Counter Strike,Halt life โดยตัวเกมได้นำเอาระบบการเล่นต่าง ๆ มาจากแผนที่ Dota allstar ใน Warcraft 3 : Frozen throne มาพัฒนาให้มีกราฟิกที่ดีขึ้น และด้วยทรัพยากรของค่าย Valve ที่มี ทำให้เกมนี้กลายเป็นเกมแรกของโลกที่มีเงินรางวัล eSport สูงที่สุดในโลกคือ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงกว่าทัวร์นาเมนต์ทั่วไปในสมัยนั้นมากมายนัก ผู้เขียนในฐานะที่ได้เล่นตั้งแต่ช่วง Beta จนถึงปัจจุบันก็เป็นเวลา 8 ปีเข้าไปแล้วที่ได้เล่นเกมนี้ ดังนั้นวันนี้ผู้เขียนจึงมาบอกถึง 5 เหตุผลทำไมถึงรัก Dota 2

1. Easy to Play but Hard to Master

Dota 2 ขึ้นชื่อว่าเล่นง่ายแม้จะเป็นมือใหม่ที่ไม่เคยเล่นเกมประเภท Moba มาก่อน และจะยิ่งง่ายขึ้นไปอีกสำหรับผู้ที่เล่นเกม Moba มาแล้ว เพราะ Dota ได้ตัดระบบส่วนเสริมอย่าง Rune หรือ Power Up ที่แยกกันระหว่างผู้เล่นแต่ละคนออกไป แต่เสริมด้วยระบบ Talent คล้าย ๆ กับเกม Hero of the Storm แทน โดยจะให้ผู้เล่นได้เลือกนำไปใช้ตามสถานการณ์ระหว่างเกมการเล่น จึงทำให้ตัวเกมนั้นไม่เกิดความน่าเบื่อและซ้ำซาก ซึ่งด้วยระบบนี้เองทำให้เกมนั้นเล่นง่ายแต่ยากที่จะเล่นให้เก่ง เพราะ Dota 2 นั้นอาศัยการฝึกฝนในการเล่นที่สูง เพื่อที่จะเข้าใจตัวเกมอย่างแท้จริง ทางผู้เขียนเองนั้นแม้จะเล่นมาถึง 4,000 กว่าชั่วโมงแล้วก็ยังไม่สามารถก้าวพ้นกำแพงระบบ Ranking ของเกมได้เกิน 5 K ได้เสียที ยังคงวนเวียนอยู่ที่ 3-4 K อย่างไม่จบสิ้น ในขณะที่โปรเพลย์เยอร์ที่เริ่มทั้งการแข่งขันนั้นมี Ranking ที่มากกว่า 7K ขึ้นไป ดังนั้นจึงไม่ง่ายเลยที่จะเล่นเกมนี้ให้เก่ง

2.โตมาพร้อมกับเกมนี้

ผมได้ Beta คีย์มาครั้งแรกตอนผมอยู่ ม.ปลาย ผมเองก็ได้ติดตามข่าวของเกมนี้ได้อย่างต่อเนื่อง ในตอนนั้น Dota Allstar แม้จะได้รับความนิยมมากมาย แต่ปัญหาก็มีมากมายเช่น Hack Map, โปรแกรมเตะคนออกจากห้อง, อาการหลุดที่ไม่สามารถ Reconnect ทำให้ในตอนนั้น Heroes of Newerth (HON) ที่มีลักษณะคล้ายกับ Dota ได้ชิงเปิดตัวก่อน ในตอนนั้น HON ดังและกลายเป็นกระแสอย่างมาก ผมเกือบขายวิญญาณของผมให้ HON ไป แต่โชคดีที่ในตอนนั้นผมได้คีย์มาเสียก่อน หลังจากได้ลองเล่นผมรู้สึกว่าสนุกมาก ด้วยกราฟิกที่ดีขึ้น การที่สามารถแต่งหล่อแต่งสวยให้กับเหล่า Hero ได้ จึงได้เล่นเกมนี้ตลอดมา ผ่านการเปลี่ยนแปลงมาหลายครั้งมีทั้งที่ชอบและไม่ชอบ แม้จะผ่านมานานเกือบจะ 8 ปีแล้วสิ่งที่ Dota 2 ยังคงไว้เสมอคือเสน่ห์ของความเป็น Moba ไว้อย่างครบถ้วน

3.เพื่อน ๆ ของผมทุกคนต่างเล่น Dota

เพื่อนของผมทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย รุ่นพี่หรือรุ่นน้องต่างก็เล่น Dota 2 ทุกคน สิ่งนี้เป็นเหมือนกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ทำให้เพื่อน ๆ แม้ต่อให้อยู่ห่างไกลกันหลายร้อยกิโลเมตรก็สามารถมีความสุขร่วมกันได้ การหัวร้อนไปด้วยกัน นั่งดราฟท์ Hero ไปด้วยกัน ล้วนแต่เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ในบางครั้งแม้ทีมจะครบตำแหน่ง 5 คนแล้ว ผมก็ยังที่จะเข้าห้อง Discord หรือ Ts เสมอเพื่อที่จะไปพูดคุยกับเพื่อน ๆ นอกจากนี้แล้วเพื่อน ๆ บางคนในชีวิตจริงของผมก็เคยเป็นเพื่อนกันในเกมมาก่อน ดังนั้น Dota 2 จึงเป็นที่เต็มไปด้วยมิตรภาพแม้ในยามหัวร้อน

4.Dota 2 สอนให้ผมรู้จัก eSport

ย้อนไป 6-7 ปีที่แล้วคำว่า eSport ยังไม่เป็นรูปธรรมเหมือนเช่นปัจจุบัน ไม่มีระบบ League ไม่มีการเก็บข้อมูลนักกีฬา มีเพียงแต่เหล่าเกมเมอร์ที่ฟอร์มทีมกับเพื่อนหรือคนรู้จัก ซึ่งในตอนนั้น Valve ได้ทำให้วงการเกมสะเทือนด้วยการเปิดตัวเกม Dota 2 ที่มาพร้อมกับเงินรางวัล 30 ล้านบาท แน่นอนว่าทำให้หลาย ๆ คนในนั้นหันมาจับจ้องวงการ Dota 2 และวงการ eSport ว่าทาง Valve จะสนับสนุนอย่างนี้ไปตลอดได้หรือ จากนั้นผ่านไป 7 ปี valve ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาพร้อมที่จะผลักดัน eSport และวงการ Dota 2 อย่างจริงจัง ทั้งจำนวนทัวร์นาเมนต์ ผู้เล่น เงินรางวัลที่ทำลายสถิติในทุก ๆ ปี และเกมนี้ทำให้ผมได้กลายเป็นแฟนคลับของทีมในตำนานอย่าง Na’vi ที่แม้ทุกวันนี้จะไม่ยิ่งใหญ่เหมือนเดิม แต่ก็มีเหล่าแฟนบอยที่พร้อมจะเชียร์เสมอ

5.Dota 2 ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตแก่เหล่าผู้เล่น

หากเปรียบ Dota 2 เป็นชีวิตประจำวันแล้ว ก็เหมือนกับการที่เราตื่นขึ้นมากดปุ่ม Find Match ทุกวันในระบบ Ranking เราจะต้องไปเจอผู้คนมากมายหลายตำแหน่ง บางครั้งเราจะต้องเป็น Support ในยามที่ไม่ใครยอมเล่นตำแหน่งนี้ แต่เพื่อให้ทีมชนะเราก็ต้องเล่น ในบางครั้งเราจะต้องเป็น Carry ที่นอกจากจะต้องฟาร์มให้คนอื่นแล้วเรายังต้องฟาร์มให้กับตัวเองทำให้วันนั้นเป็นวันที่เหนื่อยยากแสนเข็ญ ในบางวันที่เราเจอคนที่เก่งกว่าตบเราจนเสียคน จนแทบจะไม่อยากตื่นมาใช้ชีวิต หรือบางวันเราโดน Blame จากเพื่อนร่วมทีมจนอยากจะลาออก แล้วเล่นคนเดียวให้รู้แล้วรู้รอดกันไป ชีวิตมันก็เหมือนกับในเกม มีแพ้ มีชนะ ในยามที่แพ้อย่าเสียใจจนไม่ทำอะไร รีบลุกขึ้นมาแล้วกด Find Match ต่อไปโดยทำให้ดีกว่าเดิม ในยามชนะก็อย่าดีใจจนเกินเหตุเพราะนั่นคือหนทางที่นำไปสู่ความพ่ายแพ้ที่ดีที่สุด ดังนั้นทำทุกวันให้ดีที่สุด แล้วเราในวันนี้จะเป็นคนเก่งกว่าเมื่อวาน นำไปสู่ความภูมิใจในตนเอง