เรียกได้ว่าเป็นดีลสะท้านวงการที่ทำเอาแฟนเกมทั่วโลกถึงกับช็อคไปตาม ๆ กัน กับการประกาศเข้าซื้อกิจการ Activision Blizzard ของทาง Microsoft เพราะนี่คือดีลครั้งประวัติศาสตร์ที่มีมูลค่ากว่า 68,000 ล้านเหรียญ กลายเป็นดีลใหญ่อันดับ 1 ในประวัติศาสตร์วิดีโอเกม แน่นอนว่าทั่วโลกต่างจับตามองประเด็นนี้กันอย่างแพร่หลาย และคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในวงการเกมหลังจากนี้ และนี่อาจจะเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หลังดีลนี้ปิดลงอย่างเป็นทางการ
1. เกมของ Activision Blizzard อาจจะลงให้ XBOX Game Pass มากขึ้น
อันนี้ของจริง ไม่ใช่ข่าวลือ เพราะมีการออกมายืนยันจากทาง Microsoft ด้วยตัวเองว่า จะพยายามนำเกมของ Activision Blizzard มาลงให้กับระบบ XBOX Game Pass และ PC Game Pass ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นหมายความว่าอนาคตเราอาจจะได้เล่นเกมอย่าง Diablo, Call of Duty, Overwatch ได้โดยที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อขาด แค่จ่ายค่าสมาชิก XBOX Game Pass ก็เพียงพอ ปัจจุบันระบบ XBOX Game Pass ถือว่าเป็นระบบยอดนิยมของเหล่าเกมเมอร์ เพราะจะมีเกมดี ๆ คุณภาพแจ่ม ๆ เพิ่มเข้ามาให้ได้เล่นกันแทบจะทุกสัปดาห์ โดยมีค่าบริการเพียงเดือนละสามร้อยกว่าบาทเท่านั้น น่าเสียดายที่ในโซนไทยตอนนี้ยังสมัครใช้งานไม่ได้ (นอกจากมุด) แต่เอาแค่ข้อนี้ ทิศทางการเล่นเกมในอนาคตก็อาจจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปแล้วก็เป็นได้ โดยเฉพาะเกมจากค่าย Activision Blizzard
2. หลากหลายเกมในอนาคตต่อจากนี้ จะเป็น Exclusive on PC & XBOX Series
ข้อนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงมาก ซึ่งเราเห็นได้จากการที่ Microsoft ทำการเข้าซื้อ Bethesda เมื่อปีที่แล้ว เกมใหม่ ๆ ของค่าย Bethesda ก็กลายมาเป็นเกม Exclusive ให้กับเครื่อง XBOX และ PC ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผลงานที่เรากำลังจะได้เล่นกันในปีนี้อย่าง Starfield หรือแฟรนไชส์เกมชื่อดังในอนาคต The Elder Scrolls 6, Fallout หรือ Redfall ก็ล้วนแล้วแต่เป็น Exclusive XBOX และ PC ดังนั้น ไม่แน่ว่าในอนาคต แฟรนไชส์เกมหลัก ๆ ของ Activision Blizzard ก็อาจจะเล่นได้แค่บน XBOX และ PC ก็เป็นได้
3. คุณภาพของเกมที่อาจดีขึ้นจากแนวทางใหม่ที่ถูกควบคุมโดย Microsoft
อย่างที่แฟน ๆ ทราบกันดีว่า ในยุคหลัง ๆ มานี้ Activision Blizzard คุณภาพเกมค่อนข้างที่จะถดถอยลงไปมาก แม้จะบอกได้ไม่เต็มปากว่าเป็นผลมาจากแนวทางการบริหาร แต่ยังไงมันก็มีส่วนอยู่บ้างแน่นอน หากดีลนี้ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี เราอาจจะได้เห็นแนวทางการทำเกมที่เน้นคุณภาพคับแก้วแบบที่ Blizzard ในอดีตเคยเป็นก็ได้ เชื่อว่าทุกคนน่าจะยังจำสมัยที่ Diablo โด่งดัง หรือ Overwatch กลายเป็นเกมฮิตถล่มทลายได้ การเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง และเป็นหัวเรือใหญ่ของ Microsoft น่าจะส่งผลกระทบให้กับเรื่องนี้บ้าง ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว
4. อาจได้เห็นเกมเก่า ๆ กลับมา เพราะนโยบายของ Microsoft
ใครที่เป็นแฟนเกมค่าย Microsoft จะรู้ดีว่า หัวเรือใหญ่ของ Microsoft อย่าง Phil Spencer นั้น เป็นผู้นำและรณรงค์ให้ค่ายเกมต่าง ๆ ทั่วโลก คอยอนุรักษ์ผลงานเกมเก่า ๆ เอาไว้ และนโยบายนี้อาจส่งผลกับการเข้าซื้อสตูดิโอ Activision ด้วย แม้นี่จะเป็นเพียงการคาดเดา แต่ก็ไม่แน่ว่าในอนาคต เราอาจจะได้เห็นเกมเก่า ๆ กลับมาเล่นได้อีกครั้งผ่านระบบ Backward Compatibility หรือยิ่งกว่านั้น แฟรนไชส์เกมบางเกมที่ไร้เงาภาคต่อ หรือพับโปรเจกต์กันไปนานแล้ว ก็อาจจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งก็เป็นได้ และนี่คือสิ่งที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้แนวทางของเกมใหม่ ๆ ในอนาคตเลยทีเดียว
5. แผนการรับมืออย่างจริงจังของ Sony และ PlayStation ที่อาจจะมาเร็วขึ้น
เป็นอีกข้อที่แฟน ๆ จับตามองดูกันอยู่เหมือนกัน เพราะแม้ว่า PlayStation 5 จะเปิดตัวมานานนับปีแล้ว แต่ปัญหาการผลิตก็ยังไม่ทุเลาลง ล่าสุดถึงขั้นจะต้องกลับไปผลิต PlayStation 4 เพิ่มเพื่อทดแทนปัญหานี้ และหลังจากมีข่าวการเข้าซื้อกิจการของ Microsoft ก็มีข่าวตามมาว่าหุ้น Sony ในญี่ปุ่นนั้น ร่วงลงไปถึง 9.8% ซึ่งถือว่าไม่ใช่น้อย ๆ และดูท่าว่างานนี้ Sony เอง อาจจะต้องรีบงัดแผนการมากอบกู้กันหน่อย เพราะหมัดฮุคของ Microsoft รอบนี้ถือว่าเด็ดเอาเรื่อง และการแข่งขันของสองไม้เบื่อไม้เมาคู่นี้ เรียกได้ว่าผู้เล่นอย่างเรา ๆ แค่รอเล่นเกม หรือนั่งชม ก็มีความสุขกันแล้ว
