19 พฤศจิกายน 2021 – หลังจากโรงภาพยนตร์กลับมาเปิดจากการระบาดของโรค COVID-19 ในที่สุดการได้กลับไปดูฉากแอ็คชั่นสุดมันในโรงภาพยนตร์ก็กลับมาอีกครั้ง และหนึ่งในภาพยนตร์ที่ได้เข้าฉายไปในปีนี้ที่ทำให้แฟน ๆ ต้องอ้าปากตาค้างกับความ “บ้า” แบบทะลุขั้นของมันในช่วง 2 เดือนมานี้ คาดว่าไม่มีเรื่องใดเกิน Fast & Furious 9 ที่ฉายไปเมื่อเดือนที่แล้ว
และสัปดาห์ที่ผ่านมา Bright Memory Infinite ก็ได้วางจำหน่าย และหลังจากที่ได้ลองเล่นแล้ว ทุกฉากแอ็คชั่น ทุกการต่อสู้ การออกแบบและการนำเสนอของเกม ก็ทำให้คิดไปเป็นอื่นไม่ได้ว่า ถ้าปีนี้ Fast & Furious 9 คือตัวแทนของความบ้าบอคอแตกบนจอเงิน Bright Memory Infinite ก็คือตัวแทนแห่งความบ้าบอคอแตกบนโลกวิดีโอเกมเช่นกัน และหากคุณกำลังหาเกมสั้น ๆ ที่เล่นจบได้ภายในคืนวันศุกร์ เพื่อที่วันเสาร์ – อาทิตย์จะเอาเวลาไปทำอย่างอื่น เกมนี้ก็คือคำตอบของคุณเช่นกัน
ทุกอย่างปูทางเพื่อให้เราได้บู๊
Bright Memory Infinite คือเกมที่ขายแอ็คชั่นแบบจัดเต็ม เพราะทุกอย่างในเกมจะปูทางให้นางเอกสาวหน้าสวย แต่นิ่งไร้อารมณ์เสียเหลือเกิน อย่าง Shelia ได้จับดาบ จับอาวุธออกไปบู๊ล้วน ๆ เนื้อเรื่องหรือใจความสำคัญแทบไม่มี แถมยังจบแบบค้างคายิ่งกว่า Avengers: Infinity War ที่ตอนจบทุกคนถูกดีดนิ้วให้หายไปซะอีก ถ้าให้ว่ากันตรง ๆ เลย ในแง่ของเกมเพลย์นั้น ค่อนข้างน่าประทับใจ แต่กับเนื้อเรื่องนั้น แทนที่จะเป็นการจบโดยสมบูรณ์ กลับยิ่งทิ้งเชื้อให้มันค้างคามากขึ้นกว่าเดิม คุณลองนึกสภาพว่าคุณรอหนังภาคจบเรื่องหนึ่งมา 3 ปีเต็ม แทนที่ทุกอย่างจะเคลียร์ แต่มันก็ยังมีปมเพิ่มอีก นั่นแหละคือสิ่งที่ Bright Memory Infinite เป็น
Bright Memory Infinite คือภาคต่อก็จริง แต่มันถูกเซ็ทให้เป็นเรื่องราวใหม่ไปเลย ดังนั้นไม่ต้องเล่นภาคแรกมาก็ได้ แต่การเล่นภาคแรกจะทำให้คุณรู้เรื่องราว และโลกของตัวเกมคร่าว ๆ ในภาคนี้ เรื่องราวจะเกิดขึ้นในปี 2036 โลกเกิดปรากฎการณ์ประหลาดที่วิทยาศาสตร์หาคำตอบไม่ได้ หลุมดำปริศนาเกิดขึ้นบนท้องฟ้าทั่วโลก ทำให้องค์การวิจัยวิทยาศาสตร์เหนือธรรมชาติ (SRO) ส่งตัวแทนออกไปยังภูฒิภาคต่าง ๆ ทำให้ค้นพบว่า โลกลึกลับอีกใบกำลังจะทะลุมิติมากลืนกินโลกมนุษย์ โลกใบนั้นคือโลกของยุคจีนโบราณที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูร ขุนพลภายใต้หน้ากากที่เปี่ยมวิทยายุทธ์ และอีกมากมายที่ถ้าหลุดเข้ามายังโลกมนุษย์ก็มีแต่หายนะเท่านั้น
20211118180452 1
เราอาจจะพอเข้าใจได้ว่านี่คือเกมที่มีจุดเริ่มต้นจากการพัฒนาเพียงคนเดียวเท่านั้น และมันน่าเหลือเชื่อมากที่คนคนเดียวจะสามารถคิด ออกแบบการต่อสู้ อาวุธ ศัตรูที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ขึ้นมาได้ แต่ทุกอย่างดูจะสมเหตุสมผลกับเนื้อเรื่องที่ตื้นเขิน การออกแบบ Level Design ที่เรียบง่าย เพราะท้ายที่สุดแล้วความโดดเด่นของมันยังคงเป็นฉากแอ็คชั่นลุยแหลกที่สนุกเกินราคาเกมไปไกลเลยทีเดียว แต่ก็นั่นแหละ เพราะเหมือนผู้สร้างรู้อยู่แล้วว่าอะไร คือจุดเด่นของตัวเกม เขาเลยเลือกที่จะนำเสนอ และทำมันออกมาแบบนี้แทน
นอกจากนั้นเกมยังประเคนฉากแอ็คชั่นใหญ่ ๆ มาให้เราหลายฉาก ชนิดที่บางฉากดูแล้วสมองก็คิดถึง Fast & Furious 9 ที่เพิ่งได้ดูไปเมื่อไม่นานมานี้โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการขับรถเปิดประทุนติดอาวุธ ยิงถล่มกองทัพศัตรูแบบไร้เทียมทาน การต่อสู้บนปีกเครื่องบินที่ถ้าเป็นชีวิตจริงก็คงลมพัดกระจุยกระจาย หายไปกับสายลมแล้ว แต่เกมนี้กลับแลกกระสุย ดวลดาบกันได้สบาย ๆ หรือแม้แต่นางเอกของเราที่มีพลังในการต่อสู้กับเหล่าอสูรกายและขุนพลจีนได้อย่างไร้รอยขีดข่วน เชื่อเถอะว่า ใครที่ได้ลองเล่นแล้วก็ต้องมีคิดเหมือนกันบ้างแหละ ว่านี่มันบ้าบอชัด ๆ แต่โคตรสนุกเลย
DOOM เวอร์ชั่นผู้หญิง เกิดขึ้นแล้วในเกมนี้
หากคุณชอบ DOOM ผู้เขียนคิดว่าคุณจะชอบเกมนี้ได้ไม่ยากนัก เพราะเกมเพลย์และรูปแบบการเล่น มันแทบไม่ต่างอะไรจาก DOOM เลย มันคือการเดินหน้ายิงแหลกแจกกระสุนใส่ศัตรู แต่ที่ต่างจาก DOOM คือ ไม่มีการ Glory Kill และถ้าหากสังเกตไม่ผิด เกมนี้จะไม่มีระบบการฟื้นพลังเลย ไม่มียาให้เก็บ ต้องรอมันรีเจ็นเองเท่านั้น ดังนั้นระหว่างต่อสู้ เราห้ามตาย แต่สิ่งที่แลกมากับการไม่มียาเติมพลังคือ ผู้เล่นสามารถแดชหลบได้รัว ๆ ไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ทั้งสิ้น รวมไปถึงอาวุธทรงพลังในมือที่มีกระสุนเป็นร้อย ๆ นัด ถ้าคุณไม่เคยเห็นปืนลูกซองที่มีกระสุน 200 นัด ปืนพกพลังงานสูงที่ยิงกระสุนไฟฟ้าแรงงานสูงแถมระเบิดได้ หรือปืนสไนเปอร์ที่สามารถยิงรัวจนเป็นปืนกลได้ เกมนี้คุณจะได้เห็นทั้งหมด เท่านั้นยังไม่พอ อาวุธประเภทถุงมือพลังงาน ดาบเหล็กที่สามารถตัดทุกสิ่งอย่างแถมสะท้อนได้ตั้งแต่กระสุนปืนยันลูกธนู ก็มีให้เราได้ใช้เช่นกัน อาวุธและยุทโธปกรณ์ในเกมนี้แทบจะทำให้ Shelia นางเอกของเรื่องนี้ เป็น Doom Guy ในเวอร์ชั่นผู้หญิง ที่สามารถต่อสู้แบบระเบิดภูเขาเผากระท่อมได้โดยที่หน้าตาสวย ๆ แทบไม่เปื้อนฝุ่นโคลนเลยแม้แต่น้อย
แต่ปัญหาของมันอยู่ที่ความประณีตที่ต่างจาก DOOM เป็นอย่างมาก อาจเพราะการทำด้วยตัวคนเดียว การวางศัตรู การควบคุมนั้น หากผู้เล่นได้สัมผัสครั้งแรก จะรู้เลยว่า ตัวละครของเรานั้น “มากเกินไป” ในทุก ๆ ด้าน อาวุธที่มีให้ใช้มากเกินไป ความสามารถที่มีให้ใช้มากเกินไป ศัตรูที่มีมากเกินไป การควบคุมที่มากจนเกินไป และเชื่อเถอะว่าบ่อยครั้งที่ผู้เล่นตาย เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันคือเกมแอ็คชั่นที่มันมาก ใช่ มันคือเกมที่ภาพสวยมาก ไม่ใช่ แต่ถ้าจะบอกว่ามันคือเกมดีก็อาจจะตอบได้ไม่เต็มปาก เพราะถือว่ามันมีแผลใหญ่ ๆ หลายจุดให้ตำหนิ เพียงแต่ถ้าคุณกำลังมองหาเกมแอ็คชั่นที่มันมาก ๆ แถมภาพยังสวยจัด ๆ สวยยิ่งกว่าเกมเกรด AAA สมัยนี้บางเกมเสียอีก แถมมันยังพอจะทำให้เรานึกภาพออกว่า ถ้า Doom เกิดมีเวอร์ชั่นผู้หญิงขึ้นมาจะเป็นยังไง ดีไม่ดี เจ๊ Shelia ในเกมนี้ยังโหดกว่า Doom Guy ซะอีก เพราะอาวุธครบมือกว่าเยอะ
ประสบการณ์เล่นเกมที่ใช้เวลาเล่นเท่ากับดูหนัง 1 เรื่อง
และอย่างที่บอกไป หากคุณอยากจะใช้เวลาเล่นเกมให้น้อยลงมาก ๆ เพื่อเอาเวลาวันหยุดไปนอนดู Netflix หรือทำอย่างอื่นตามใจคุณ เกมนี้ก็จะเป็นหนึ่งในเกมที่คุณสามารถเล่นจบได้ในช่วงคืนวันศุกร์นี้ เพราะตัวเกมมันใช้เวลาในการเล่นจนจบสั้นมาก ย้ำว่า มาก ๆ โดยมันใช้เวลาในการเล่นเท่ากับดูหนังประมาณ 1 เรื่องเต็ม ๆ
จากประสบการณ์ของผู้เขียนนั้น ใช้เวลาในการเล่นจนจบรอบแรกเพียง 1 ชั่วโมงกับ 46 นาทีเท่านั้น เท่า ๆ กับการดูหนังสักเรื่องเลย แต่.. อย่าไปคิดว่าเกมนี้มันจะง่าย เพราะขนาดเล่นโหมดง่ายสุด ผู้เขียนยังตายไปซะ 20 รอบ ซึ่งการตายไม่ได้เกิดจากอะไรเลย เกิดจากความเยอะตามที่ได้บอกไป เพราะบางทีหน้าจอเรามันก็มั่วมาก จนแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ศัตรูมาทางไหนกันแน่ จนพลาดท่าตายได้บ่อย ๆ เหมือนกัน และหากว่ากันตรง ๆ แล้ว ความสั้นของเกมนี้ก็นับเป็นข้อด้อยของมัน บางทียังบู๊ไม่ทันสะใจเลยก็หมดศัตรูแล้ว หนักกว่านั้นคือฉากจบที่จบได้ค้างคาเหมือนกับที่ได้บอกไป
แม้ว่า Bright Memory Infinite จะน่าเสียดายที่เป็นผลงานเกมอินดี้ คุณภาพเกมยอดเยี่ยม แต่ความสั้นของมันกลับทำให้เรารู้สึกว่ายังอิ่มไม่พอ เหมือนอาหารที่เสิร์ฟมาน้อยเกินไปหน่อยทั้งที่มันอร่อยมาก แต่ถ้ามองว่ามันพัฒนามาจากคนคนเดียวแล้วล่ะก็ ยังไงมันก็ยังน่าชื่นชมอยู่ดี และสัปดาห์นี้ หากคุณไม่รู้จะเล่นเกมอะไร เกมนี้นี่แหละที่ผู้เขียนชูป้ายไฟ เชียร์ให้ลองเล่นดูอย่างยิ่ง
