BY Aisoon Srikum
29 Jul 21 6:11 pm

เจาะลึก Tribes of Midgard เกมอะไร ทำไมยอดนิยมในชั่วข้ามคืน

32 Views

ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมานี้ มีเกมใหม่เกมหนึ่งได้เปิดตัวพร้อมกระแสความนิยมพอสมควร และทำให้เกมกลายเป็นที่รู้จักในเวลาไม่นาน เกมนั้นคือ Tribes of Midgard ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเทพนอร์ส สงคราม Ragnarok ยักษ์โยตุนน์ และอื่น ๆ อีกมากมายที่แฟนเกมอาจจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่เพราะอะไรมันถึงฮอตฮิตติดลมบนในชั่วข้ามคืน วันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับเกมยอดนิยมในตอนนี้กันแบบเจาะลึก

Tribes of Midgard คือเกมอะไร ?

YouTube video

Tribes of Midgard คือผลงานของสตูดิโอ Norsfell Games ซึ่งสตูดิโอนี้ ถือว่าเป็นสตูดิโอหน้าใหม่ที่มีผลงานของตัวเองเป็นเกมแรก และเป็นสตูดิโอที่เริ่มจากกลุ่มเล็ก ๆ เพียง 4 คน ก่อนจะได้ทีมงานเพิ่มเข้ามา และเริ่มต้นโปรเจกต์ Tribes of Midgard ในปี 2018 ซึ่งทางผู้พัฒนาเผยว่ามันคือเกมแนวใหม่ มีกลไกการเอาชีวิตรอดแบบ Don’t Starve Together แต่ก็มีระบบการเล่นแบบ RPG คล้าย ๆ เกม Diablo และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้ Tribes of Midgard แตกต่างไปจากเกมอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบการเล่นแบบ Permadeath หรือแพ้-ตายแล้วตายเลย ต้องเริ่มเล่นใหม่หมด แต่ก็จะได้ Progression หรือการปลดล็อคต่าง ๆ ในรอบต่อไปของการเล่นมาทดแทน

หน้าที่ของเราและเพื่อนที่เล่นด้วยกัน คือการปกป้องต้นไม้แห่งชีวิต Yggdrasil จากการบุกมาโจมตีของเหล่าปีศาจและยักษ์โยตุนน์ แม้จะฟังดูเหมือนเป็นเกมทั่วไป แต่ Tribes of Midgard กลับผสมผสานแนวเกมหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว

แนวเกมที่หลายคนเข้าใจผิด

เรื่องของแนวเกมเป็นสิ่งที่หลายคนเข้าใจผิดกันอย่างมากในช่วงเปิดตัว หลายคนเข้าใจว่ามันเป็นเกม Action RPG Open World แบบเล่นไปเรื่อย ๆ แน่นอนว่าตัวผู้เขียนเองก็คิดเช่นนั้น จนกระทั่งได้เล่นในวันที่เกมวางจำหน่าย จึงพบว่าเกมนี้เป็นการผสมผสานกันระหว่าง Action RPG Open World และ ‘Tower Defense’ หรือการป้องกันฐาน

ในช่วงเวลากลางวัน ผู้เล่นทุกคนจะต้องออกจากหมู่บ้าน ไปหาทรัพยากร วัตถุดิบ มาอัปเกรดตัวละครหลักของเรา และประชากรในหมู่บ้านที่จะช่วยเราต่อสู้ได้ โดย NPC ในเมืองจะมีหน้าที่แตกต่างกันไป เช่นคราฟท์อุปกรณ์ทำมาหากิน คราฟท์อาวุธชุดเกราะ คราฟท์ยาเสริมพลังและกับดักต่าง ๆ กล่าวง่าย ๆ คือหมู่บ้านของเราจะเป็นเหมือน Hub ศูนย์กลางที่มีทุกอย่าง และที่สำคัญคือต้นไม้แห่งชีวิต Yggdrasil ที่เราต้องป้องกันเอาไว้ให้ได้ ไม่ให้โดนบุกโจมตี ถ้าต้น Yggdrasil เราถูกทำลาย เกมในรอบนั้นก็จะจบลง และเราจะต้องเริ่มเล่นกันใหม่อีกครั้งตั้งแต่ต้น

เมื่อเกมจบลง ผู้เล่นจะได้รับคำนวณ EXP โดยรวมและนำไปเพิ่มเลเวลให้กับ ID ของเรา ซึ่งคนที่ซื้อตัวเกมจะได้รับสิ่งที่เหมือนกับ Battle Pass มาไว้ด้วยอยู่แล้ว ทุกครั้งที่เลเวลไอดีเราอัพ ก็เหมือนกับการอัพเลเวล Battle Pass ไปในตัว และของที่ได้บางอย่างสามารถนำมาใช้ในการเริ่มเล่นเกมรอบถัดไปได้ เช่นแพคเกจสำหรับผู้เริ่มต้น ที่เริ่มมา เราจะมีชุดเกราะกับอาวุธพร้อมลุยได้เลย หรือแพคเกจเอาตัวรอดที่เริ่มมาจะมีขวานกับพลั่วมาให้โดยไม่ต้องคราฟท์ เป็นต้น

ดังนั้นเกมนี้ไม่มีกลไกการเอาชีวิตรอดแบบ Survival เราไม่จำเป็นต้องหาน้ำ หาอาหาร ตัวละครไม่มีค่าความเหนื่อยหรือความหิวใด ๆ สิ่งที่เราต้องทำเพียงแค่หาวัตถุดิบมาอัปเกรดตัวละครเรื่อย ๆ เท่านั้น ทำให้เกิดกระแสผู้เล่นโวยกันอยู่บนบอร์ด Steam ตอนนี้ ว่าตัวเกมไม่มีการเอาตัวรอด แต่ตอนโปรโมทใช้คำว่า Survival มาโปรโมท แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะตอนนี้ตัวเกมยังคงได้รับความนิยมอยู่อย่างต่อเนื่อง

คำถามโลกแตก เล่นคนเดียวได้ไหม ?

นับตั้งแต่วันที่ตัวเกมเริ่มวางจำหน่าย คำถามโลกแตกที่หลายคนอยากรู้ คือมันเล่นคนเดียวได้หรือเปล่า ซึ่งจากที่ผู้เขียนได้ทดลองเล่นมาเป็นเวลา 7 ชั่วโมง ทั้งเล่นคนเดียว และ Co-op 2 คน ก็พบถึงความต่างในการเล่นเป็นอย่างมาก ก่อนอื่นต้องบอกว่า ใครที่เล่นตัวคนเดียวนั้น ก็เล่นได้ แต่เกมมันจะเล่นยากขึ้นโดยไม่จำเป็น คุณจะต้องทำทุกอย่างภายในเกมเอง ไม่ว่าจะเป็นหาโซลมาอัปเกรด NPC, ฟื้นพลังต้น Yggdrasil หรือแม้แต่ออกไปหาวัตถุดิบหลากหลายอย่าง ซึ่งโลกภายในเกมก็มีสภาพภูมิประเทศหลากหลายแบบและกว้างใหญ่มาก การเล่นคนเดียวนั้น ทำได้ก็จริง แต่เราอาจจะอยู่รอดได้ไม่นานนัก เพราะในช่วงกลางคืน เราต้องรับมือกับศัตรูและยักษ์โยตุนน์ที่สุ่มโผล่มาทุก 2-3 วัน ยังไม่รวมกับคืนพระจันทร์สีแดงที่ศัตรูจะโหดขึ้นเป็นเท่าตัว

แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เกมนี้เล่นจบเป็นรอบ ๆ ไป และ Progression ของเกมก็ต่อยอดได้เรื่อย ๆ อยู่แล้ว มันจึงไม่มีปัญหาอะไรถ้าคุณจะเล่นคนเดียวแล้วเกมจบไวหน่อย เพราะสุดท้ายเราก็ได้รางวัลมาปลดล็อคของใหม่ ๆ อยู่ดี

แต่กลับกัน ถ้าคุณมีทีมเล่นสัก 2 คนขึ้นไป การออกสำรวจ การรวบรวมวัตถุดิบจะเป็นเรื่องง่ายมาก ในช่วงต้นเกมคุณสามารถออกไปผจญภัยได้ไกลมากขึ้น ช่วยกันเล่นได้มากขึ้น หาวัตถุดิบดี ๆ ได้ตั้งแต่ต้นเกม เพราะการเจอมอนสเตอร์ในเกมนี้ช่วยกันรุม ช่วยกันสู้ได้อยู่แล้ว และสามารถแบ่งหน้าที่กัน ช่วยกันนำโซลไปอัปเกรด NPC ในหมู่บ้าน ทำให้การเล่นสะดวกสบายมากขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นถ้าถามว่าเล่นคนเดียวได้หรือไม่ ผมจะตอบ ว่าเล่นได้ครับ จบเกมได้เหมือนกัน และจะได้รสชาติกับความท้าทายอีกแบบหนึ่งด้วย เหมือนเล่นเกมที่มีโหมดความยากสูงขึ้น แต่จะเล่นไปคนเดียวทำไม ในเมื่อเล่นหลายคนแล้วมันดีกว่า ? ดังนั้นหาเพื่อนเล่นเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ถ้าหาไม่ได้จริง ๆ คนเดียวก็ไม่ได้แย่อะไร เพราะเกมมันดีอยู่แล้วในตัวมันเอง แค่เราอาจจะเล่นไปได้ไม่ไกลนัก และต้องยอมจบเกมก่อน แต่ภาพรวมคือ ได้รับรางวัล ได้ปลดล็อคไอเทมต่าง ๆ เหมือนกัน

ตัวเกมที่มาไกลจากช่วงเบต้า และมาพร้อมภาษาไทยที่ทำให้เล่นสนุกมากขึ้น

ปิดท้ายกันด้วยการที่ตัวเกมรองรับภาษาไทยอย่างเป็นทางการ และต้องชื่นชมว่าแปลไทยมาได้ค่อนข้างดีมาก อ่านแล้วไหลลื่น ไม่มีส่วนไหนที่รู้สึกติดขัด จะมีบ้างก็เป็นพวกคำผิดต่าง ๆ ที่เป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องสำนวนการแปลนั้น สอบผ่าน เล่นง่ายขึ้นมาก

และสำหรับผู้ที่ไม่รู้ Tribes of Midgard นั้น เป็นเกมที่พัฒนากันมาตั้งแต่ปี 2018 และเคยเปิดให้เล่นช่วงเบต้าไปแล้วรอบหนึ่งเมื่อประมาณปี 2019 ผู้เขียนเองก็เคยได้เข้าร่วมการทดสอบในรอบนั้นด้วย แต่ต้องบอกว่าเกมในตอนนั้น ทั้งกราฟิก อินเตอร์เฟส ระบบการเล่น ไม่มีความน่าเล่นเอาเสียเลย แต่ทางทีมงานได้นำเกมนี้ไปปรับปรุง จนมันแทบจะออกมาเป็นคนละเกมกันเลยทีเดียว ซึ่งเห็นแบบนี้แล้วก็พอจะวางใจได้ว่า ทีมงานเขารักเกมนี้กันจริง ๆ และโรดแมปการอัปเดตในอนาคตอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป ถ้าได้คนที่สนใจพัฒนาเกมนี้อย่างจริง ๆ จัง ๆ

โดยรวม Tribes of Midgard กลายเป็นอีกเกมกระแสที่ฮอตฮิตติดลมบนในช่วงข้ามคืน ด้วยเกมเพลย์ที่สนุก ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่าง Action RPG + Tower Defense นี่เป็นอีกเกมที่เหมาะสำหรับคนเพื่อนเยอะ และอยากสนุกกันในช่วงที่โควิดระบาดจนทำอะไรลำบากแบบนี้ เกมนี้คือคำตอบที่ดีเลยทีเดียว

Tribes of Midgard วางจำหน่ายแล้วทั้งบน PC, PS4, PS5

 

SHARE

Aisoon Srikum

Back to top