หัวใจสำคัญของเกม Borderlands 3 ย่อมหนีไม่พ้นการหาอาวุธปืนชั้นดีมาใช้ภายในเกม และในเกมนี้ ก็มีอาวุธปืนให้เราเลือกใช้มากมายหลายกระบอก นอกจากประเภทและชนิดของปืนแล้ว ในเกมนี้ยังมีบริษัทผลิตปืนที่แตกต่างกันอีกต่างหาก และยังมีการแบ่งระดับออกเป็นระดับต่าง ๆ อีกด้วย ดังนั้นวันนี้เราจะมาเจาะลึกให้ถึงแก่นกันกับระบบอาวุธภายในเกม Borderlands 3
การอ่านค่าสเตตัสเบื้องต้นของอาวุธปืน
สิ่งแรกและสิ่งสำคัญเลยคือการดูค่าสเตตัสของปืนเบื้องต้น โดยปกติแล้ว ปืน 1 กระบอกจะมีค่าสเตตัสเหมือนกันหมด ยกเว้นแต่ปืนของบริษัท COV ที่จะมีค่าสเตตัสไม่เหมือนใคร (ส่วนของบริษัทผลิตปืนเราจะมาว่ากันต่อในหัวข้อถัดไป) โดยปืน 1 กระบอกจะมีค่าสเตตัสดังนี้
- Item Score : คะแนนโดยรวมของปืนกระบอกนั้น ๆ ยิ่งสูงยิ่งดี แต่เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเทา่นั้น เพราะปืนเกมนี้มีหลายฟังก์ชั่น หลายประเภท Item Score สูง แต่ออปชั่นการยิงหรือพลังแฝงอาจไม่ถูกใจผู้เล่นก็ได้
- Lvl.Req : Level Requirement เลเวลขั้นต่ำที่ใช้ในการสวมใส่อาวุธนั้น ๆ
- Grade Item : เกรดของปืนในเกมนี้จะแบ่งออกเป็น Common (สีขาว) , Uncommon (สีเขียว) , Rare (สีน้ำเงิน) , Epic (สีม่วง) และ Legendary (สีส้ม)
- Damage : ความเสียหายของอาวุธนั้น ๆ ยิ่งสูงยิ่งทำดาเมจได้มาก
- Accuracy : ความแม่นยำของอาวุธ
- Handling : การควบคุมปืน คำนวณจากการกดค้าง อาจจะดีด หรือส่าย ค่านี้ยิ่งสูงปืนยิ่งควบคุมง่าย
- Reload Time : ระยะเวลาที่ใช้ในการรีโหลดกระสุน
- Fire Rate : อัตราการยิง / วินาที ยิ่งสูง การลั่นกระสุนต่อวินาทียิ่งเร็ว และไว
- Magazine Size : จำนวนกระสุนต่อแม็กกาซีน
เกรดของปืนที่แบ่งออกเป็น 5 ระดับตามสีที่กล่าวไปด้านบน จะมีความต่างอยู่ตรงออปชั่นเสริมของอาวุธ ซึ่งออปชั่นเสริมนี้จะมีมากหรือมีน้อยก็ขึ้นอยู่กับเกรดของปืนนี่แหละ เกรดยิ่งต่ำ ออปชั่นเสริมก็ยิ่งน้อย แต่บางทีปืนระดับท็อปของสีนั้น ๆ ก็จะสุ่มออปชั่นออกมาได้มากกว่าปืนสีเดียวกันในระดับที่ต่ำกว่า ซึ่งอาจจะต้องวัดกันที่ Item Score กันเองอีกที
ความพิเศษของอาวุธปืนบริษัท COV
กรณีเราใช้อาวุธเป็นปืนของบริษัท COV ค่าสเตตัส 2 ค่าจะถูกเปลี่ยนแปลง โดย Reload Time จะกลายเป็น Repair Time และ Magazine Size จะกลายเป็น Shots to Break โดยปืนของบริษัทนี้จะไม่มีลิมิตของกระสุน แต่จะใช้ความร้อนของตัวปืนเป็นลิมิตในการยิงแทน เมื่อเรากดยิง หรือยิงค้าง เกจทางด้านขวาของอาวุธจะถูกกระตุ้นขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อมันเต็มหลอดจนทะลุไปอีกหลอดนึง ปืนจะเข้าสู่สถานะ Break หรือ Over Heat ต้องพักปืนให้เย็นลงก่อนถึงจะยิงต่อได้ และถือเป็นปืนชนิดที่เปลืองกระสุนเอาเรื่อง แต่ก็จะมีข้อได้เปรียบในเรื่องของความต่อเนื่องแทน
- Repair Time : เวลาที่เราต้องรอเพื่อให้ตัวปืนหลุดจากสถานะ Break และใช้งานต่อได้
- Shots to Break : ค่านี้ยิ่งน้อยยิ่งดี เพราะเป็นค่าวัดการยิง 1 ครั้ง แล้วเกจด้านขวาจะถูกกระตุ้นขึ้นตามตัวเลขนี้ แม้จะวัดแน่ชัดไม่ได้ แต่ยิ่งน้อยยิ่งยิงได้นานขึ้น และไม่ต้องเข้าสถานะ Break บ่อย ๆ
ประเภทของอาวุธภายในเกม
ใน Borderlands 3 อาวุธปืนจะมีทั้งหมด 7 ชนิด (รวมระเบิดด้วย) แต่ละชนิดจะมีรูปแบบการยิงที่เมหือนกับเกม FPS ทั่วไป แต่ระเบิดนี่ล่ะ ที่จะแตกต่างกันกว่าหน่อย เพราะจะมีทั้งระเบิดธาตุ ระเบิดกระจายวงกว้าง หรือแม้กระทั่งระเบิดที่ปาไปแล้วกระจายออกเป็นระเบิดลูกเล็ก ๆ ไปอีก ซึ่งอันนี้ต้องศึกษาจากออปชั่นที่แจ้งมาในเกมกันอีกที ส่วนอาวุธปืนทั้ง 7 จะประกอบไปด้วย
- Pistol / Revolver : อาวุธประเภทปืนสั้นหรือรีโวลเวอร์ จะมีประสิทธิภาพสูงมากในการยิงระยะกลาง และเล็งเข้าหัวเพื่อทำดาเมจคริติคอลได้ง่าย และบางปืนก็จะกลายเป็นประเภท Revolver ที่อัตราการยิงช้ากว่า แต่แลกมากับความแรงที่สูงกว่าแทน บางปืนก็จะกลายเป็นปืนยิงลูกระเบิดไปเลยก็มี
- Sub Machine Gun : SMG หรือปืนกลเบา ปืนประเภทนี้จะมีประสิทธิภาพสูงมากในระยะใกล้ ถึงระยะกลาง เพราะอัตราการยิงที่สูงลิ่ว ปืนนี้จึงเหมาะกับการเอาไว้ใช้ในสถานที่ปิด ที่ไม่ค่อยมีโถงทางเดิน หรือศัตรูโผล่มาจากระยะไกล แต่ใครที่เซียน ๆ หน่อยอาจจะแก้ปัญหาด้วยการยิงแบบ Tap ก็ได้
- Shotgun : ราชาแห่งการต่อสู้ระยะประชิด ต้องยกให้กับปืนลูกซอง หากนำไปใช้งานยิงระยะไกล กระสุนก็จะกระจายตัวออก และทำดาเมจน้อยลง หรือถ้าทำได้ ก็อัดเข้าไปที่หัวเลยจะได้ดาเมจแบบมหาศาล
- Assault Rifle : เป็นประเภทที่ใช้ได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะใกล้ กลาง ไกล เพราะมีดาเมจที่ค่อนข้างคงที่ และความนิ่งของปืนที่พอจะไปวัดไปวาได้ในระยะไกล แต่ส่วนมากปืน Assault Rifle จะไม่ค่อยมีพลังแฝงที่ช่วยเราเท่าไร เช่นไม่มีการน็อคแบคศัตรูให้ถอยหลัง หรือไม่มี Critical Hit หนัก ๆ แบบ Sniper Rifle ก็ถือว่าหักลบไปกับข้อดีที่ปืนมันใช้ได้ทุกสถานการณ์แทน
- Sniper Rifle : สุดยอดปืนของแนวหลังที่เอาไว้ยิงโจมตีในระยะไกล ข้อดีของปืนสไนเปอร์ไรเฟิลในเกมนี้คือทำดาเมจได้สูงมากโดยการยิงเพียงนัดเดียว ยิ่งเข้าหัวยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่มันแลกมาด้วยอัตราการยิงที่ต่ำ และการรีโหลดกระสุนที่กินเวลานานมาก สวนทางกับเกมเพลย์อันดุเดือดรวดเร็วของ Borderlands 3 เป็นอย่างมาก ดังนั้นใครจะเล่นปืนนี้เป็น Main ก็อาจจะต้องพึ่งการเล่นแบบ Co-op หรือปาร์ตี้กับเพื่อนแทน หรือใช้เป็นปืนสำรองก็ได้
- Rocket Launchers : ราชาอาวุธหนักที่เป็นอาวุธสำหรับต่อกรกับศัตรูระดับมินิบอสไปจนถึงบอสโดยเฉพาะ เพราะมันทำความเสียหายได้เวอร์วังอลังการมาก ๆ รวมไปถึงสามารถควักมาใช้ในตอนที่เราตกอยู่ในสถานะ Fight For Your Life เพื่อลุกกลับขึ้นมาเองอีกครั้งได้ด้วย แต่ปืนประเภทนี้ก็เหมือนกับสไนเปอร์ นั่นคือมันจะใช้เวลาในการรีโหลดนาน และการอัตราการยิงที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เป็นอาวุธพิเศษที่ใช้ไดใ้นบางสถานการณ์เท่านั้น
- Grenade : ระเบิดมือเป็นอีกหนึ่งสีสัน และอาวุธเสริมของเกมนี้ สำหรับระเบิดมือภายในเกมนี้ นอกจากจะทำดาเมจแล้ว ระเบิดแต่ละประเภทยังมีการทำงานไม่เหมือนกันอีกด้วย บางระเบิดก็แฝงเอฟเฟคท์ธาตุ หรือบางระเบิดก็อาจจะมีความเสียหายในวงกว้าง แต่จะใช้เวลาระเบิดนานกว่าปกติ ขึ้นอยู่กับว่าผู้เล่นต้องการแบบไหนเช่นกัน
บริษัทผลิตปืนทั้ง 9 และรูปแบบของปืนที่แตกต่างกันไป
แฟน Borderlands น่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าปืนแต่ละกระบอกใน Borderlands นั้นถูกผลิตโดยบริษัทอาวุธในโลกของ Borderlands ซึ่งในภาค 3 นี้ก็มีด้วยกันถึง 9 บริษัทด้วยกัน และปืนของแต่ละบริษัทนอกจากดีไซน์ และเอกลักษณ์ของปืนแล้ว ยังมีรูปแบบการยิง และพลังเสริมที่แตกต่างกันไป ดังนั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักกับปืนทั้ง 9 บริษัทกันเลยดีกวา่
- Hyperion : จุดเด่นของปืนบริษัทนี้คือ ทุกครั้งเวลาคุณเล็งปืนด้วยการคลิกขวา จะมีโล่อีกชั้นนึงขึ้นมารับดาเมจเพิ่มด้วย เหมาะกับผู้เล่นที่ชอบเล่นปืนสไนเปอร์ เพราะต้องเล็งปืนประจำอยู่แล้ว
- Torgue : ปืนของบริษัทนี้จะมี 2 โหมดนั่นคือโหมด Impact เป็นการยิงแบบปกติ และโหมด Sticky สำหรับฝังลงไปบนร่างของศัตรูแล้วระเบิดทำความเสียหายทีหลังได้ ซึ่งเหมาะกับการทำดาเมจสะสมกับพวกบอส
- Maliwan : หากมองหาบริษัทผลิตอาวุธที่เป็นเจ้าแห่งปืนธาตุ มะลิวันชื่อไทยนี้แหละที่คุณไม่ควรมองข้าม จุดเด่นของบริษัทนี้คือปืนทุกกระบอกจะแฝงพลังธาตุมาแบบเต็มเปี่ยม บางกระบอกยังใส่มาให้ถึง 2 ธาตุอีกด้วย เหมาะกับการเอาไว้ใช้ถิ่นศัตรูที่มีพลังป้องกันธาตุสูง ในช่องพกปืน เราควรพกปืนของ Maliwan ไว้อย่างน้อย 1 กระบอกเพื่อความสามารถในการต่อกรกับศัตรูที่มีธาตุ
- Tediore : หากคุณคิดว่าการยิงจนกระสุนหมดแล้วยังไม่สาแก่ใจ ปืนของบริษัทนี้จะตอบสนองให้คุณ เพราะเมื่อเรารีโหลดกระสุน ปืนบริษัทนี้จะไม่ใช่การรีโหลดธรรมดา บ้างก็ขว้างออกไประเบิดใส่ศัตรูเพิ่ม บ้างก็มีขางอกออกมาแล้วไปไล่ยิงศัตรูต่อ บ้างก็ติดปีกบิน ไล่ยิงศัตรูกันมันส์เลยทีเดียว ใครชอบความมันส์แบบน็อน-สต็อปก็ควรหาปืนบริษัทนี้ติดตัวเอาไว้บ้าง
- Atlas : ปืนของบริษัทนี้จะมีความแม่นยำกว่าของทุกบริษัท และที่โดดเด่นเลยคือมันมีความสามารถในการตรวจจับศัตรูอัตโนมัติ นั่นทำให้ไม่ว่าคุณยิงมั่วแค่ไหน กระสุนก็พุ่งไปหาศัตรูได้เสมอ บางปืนก็มีโหมดระเบิดติดตามมาให้ด้วย เหมาะสำหรับคนที่ยิงไม่ค่อยแม่นจริง ๆ
- Vladof : ของบริษัทนี้จะเน้นไปที่การต่อสู้อันยืดหยุ่น ใน 1 ปืน ผู้เล่นจะสามารถสลับโหมดในการยิงได้ แล้วแต่สถานการณ์ เช่นบางปืนก็ติดโหมดสไนเปอร์มาให้พร้อมกับโหมด RPG เรียกได้ว่าพลิกหน้ามือเป็นหลังมือกันเลยทีเดียว ใครที่ชอบความยืดหยุ่นและปรับตัวได้อย่างรวดเร็วระหว่างสู้ ปืนของบริษัท Vladof นี่ล่ะคือคำตอบ
- Jakobs : บริษัทนี้อาจจะมีความสามารถน้อยกว่าบริษัทอื่น เพราะมีแค่ทุกครั้งที่มีการโจมตีแบบคริติคอล กระสุนจะสร้างความเสียหายให้กับศัตรูรอบตัวด้วย และเผยจุดอ่อนของศัตรูรอบข้าง เหมาะกับการเอาไว้ลุยในดงศัตรูเยอะ ๆ
- Dahl : ใครที่ชอบการยิงแบบเป็นชุด แบบเบิร์ส หรือ Hip-Fire น่าจะชอบปืนของบริษัทนี้ เพราะจุดเด่นคือปืนจะมีโหมดการยิงแบบเบิร์สทีละ 3-5 นัด ไปจนถึงโหมด Full Auto และ Semi-Auto เหมาะกับคนที่ชอบยิงเป็นชุดด้วยความแม่นยำ
- Children of the Vault (COV) : ตามที่ได้กล่าวไว้แล้วด้านบน ความพิเศษของปืนบริษัทนี้คือจะไม่มีลิมิตแม็กกาซีน แต่จะมีความร้อนของตัวปืนแทน เวลายิงไปมาก ๆ จะ Over Heat (หรือในเกมเรียก Break) และต้องรอให้ตัวปืนเย็นลง ถึงจะยิงต่อได้ ข้อดีคือสาดรัว ๆ ได้เลย ทำดาเมจได้ต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับว่าปืนนานทนความร้อนได้นานแค่ไหนนั่นเอง
ก็จัดเต็มครบทุกข้อมูลกันไปแล้ว สำหรับประเภทอาวุธ การอ่านสเตตัสปืน รวมไปถึงบริษัทปืนต่าง ๆ ผู้เล่นสามารถศึกษาและนำไปใช้เป็นข้อมูลในการหาปืนที่เหมาะกับคลาสและความสามารถของผู้เล่นเองได้ สำหรับข้อมูลเรื่องอาวุธก็จบลงเพียงเท่านี้ โอกาสหน้าจะมีไกด์อะไรเกี่ยวกับ Borderlands 3 อีก ก็รอติดตาม GamingDose ของพวกเราไว้ให้ดีครับ
