Suikoden หากพูดถึงเกมเกมนี้ คอเกมรุ่นลายครามจะต้องรู้จักและคิดถึงกันเป็นอย่างมาก เมื่อ 2 ปีก่อน ช่วงปี 2020 ทางทีมงานผู้ให้กำเนิด Suikoden ตัดสินใจกลับมาทำเกมใหม่กันอีกครั้งภายใต้ชื่อของ Eiyuden Chronicle: Hundred Heroes ทำเอาแฟน ๆ หลายคนตื่นเต้น ร่วมระดมทุนการพัฒนาจนทะลุเป้า เพื่อให้ทีมพัฒนา นำไปทำเกมให้เสร็จ แต่พวกเขาก็ตัดสินใจเซอร์ไพรส์แฟนเกมอีกต่อ ด้วยการเปิดตัวเกมภาค Prequel หรือภาคก่อนหน้ามาให้เราได้เล่นกันก่อน แถมยังเป็นแนว Action RPG ซะด้วย กับ Eiyuden Chronicle: Rising D
Story
เรื่องราวของเด็กสาวที่ชื่อว่า CJ (แน่นอนว่าไม่ใช่ Carl Johnson) ที่เดินทางมาถึงเมือง New Nevaeh ที่เป็นพื้นที่ชนบทห่างไกลจากเมืองหลวง เมืองนี้ขุดเหมืองเป็นอาชีพหลัก แต่ไม่กี่เดือนก่อนที่เหตุการณ์ในเกมจะเริ่ม เกิดแผ่นดินไหวทำให้ซากปรักหักพังปริศนาในเมือง ส่งผลให้มันดึงดูดเอาเหล่านักผจญภัยจำนวนมากให้เดินทางมายังที่นี่ เราจะรับบทเป็น CJ หนึ่งในนักผจญภัยแสวงโชคที่อยากรวย จึงเดินทางมายังเมืองนี้ พร้อมกับช่วยกอบกู้วิกฤติการณ์ของเมือง New Nevaeh ไปพร้อม ๆ กับการออกตามหาความจริงของซากปรักหักพังอันลี้ลับไปในตัว
แม้ว่าเนื้อเรื่องจะดูมีอะไรให้น่าติดตามและน่าค้นหาอยู่บ้าง แต่เอาเข้าจริงแล้ว Eiyuden Chronicle: Rising กลับไม่ค่อยจะจริงจังกับการเล่าเรื่องสักเท่าไร ต้องบอกก่อนว่า ใครที่ความอดทนต่ำ อาจจะทนเล่นเกมนี้ได้ยากพอตัว เพราะในช่วงแรกประมาณ 2-3 ชั่วโมง เกมจะให้เราวนเวียนอยู่กับการทำความรู้จักชาวบ้านชาวเมืองในเกมนี้ ได้ต่อสู้ ได้แอ็คชั่นเพียงน้อยนิดเท่านั้น แถมเนื้อเรื่องยังค่อนข้างการ์ตูนตามกราฟิกที่เกมนำเสนอมาอีก มันถึงขั้นที่ว่า ต่อให้ผู้เล่น Skip ข้ามฉากคัทซีนหรือฉากสนทนาของเกม คุณก็ยังพอจะเข้าใจเนื้อเรื่องโดยรวมของเกมได้อยู่ดี และเนื้อเรื่องของเกมนี้ก็เหมือนกับการ์ตูนทั่ว ๆ ไป ที่กว่าจะพีคก็อาจจะต้องเข้าช่วง Climax เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นใครกำลังมองหาเกมเนื้อเรื่องเข้ม ๆ เกมนี้ก็ทำได้ดีในระดับแตะมาตรฐาน แต่ถ้าจะหวังความเข้มข้น ระดับหลังไม่ติดเบาะ มือไม่ปล่อยจอยเลยก็อาจจะไม่ถึงขั้นนั้น
แถมเนื้อเรื่องยังถูกขัดหลายอย่างจนบางช่วงดูตลกไปเสียหน่อย เช่นเรารับงานที่ดูเหมือนจะสำคัญมากมางานหนึ่ง แต่อยู่ดี ๆ ออกมาเจอภารกิจรองที่ให้ทำเรื่องเล็กน้อย แล้วก็ต้องไปทำเรื่องเล็กน้อยก่อนงานหลัก ส่วนนี้อาจทำให้คนที่ชอบเล่นเนื้อเรื่องเกิดความสะดุดหรือติดขัดได้ ซึ่งเราคงไม่อาจหักคะแนนใด ๆ ได้ เพราะของแบบนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้เล่นว่าจะชอบหรือไม่ชอบ
Presentation
สิ่งที่อยากจะพูดถึงเป็นอย่างแรกสำหรับเกมนี้เลยก็คือ เรื่องของกราฟิกและงานภาพที่ค่อนข้างโดดเด่นและน่าจะโดนใจเกมเมอร์หลายคน กราฟิกภายในเกมนี้ จะใช้การนำเสนอในรูปแบบ 2.5D และมีความเป็นการ์ตูน แถมยังให้กลิ่นอายเกม JRPG ยุคเก่าด้วย ใครที่ชอบกราฟิกแบบ Final Fantasy อะไรพวกนี้ ต้องบอกว่าเกมนี้ได้แรงบันดาลใจมามากพอสมควรเลยทีเดียว
ในด้านของคอนเทนต์เกม เกมนี้เป็นเกมแบบ Single Player ที่เน้นดำเนินเนื้อเรื่อง และไม่มีโหมดออนไลน์หรือ Co-op ใด ๆ ให้เล่น แต่ก็ถือว่าเกมจัดเต็มในด้านของความยาวโหมดเนื้อเรื่องมาพอสมควร ต่อให้คุณเล่นแบบข้ามคัทซีนรัว ๆ ก็ยังต้องใช้เวลาเกือบ ๆ 10 ชั่วโมงอยู่ดี นอกจากงานภาพจะดีแล้ว สิ่งที่อยากชมอีกอย่างเรื่องของดนตรีประกอบ เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าเกมจากทีมญี่ปุ่นทำ จะค่อนข้างประณีตในส่วนของดนตรีประกอบ เปิดฟังทีไรก็เพลิดเพลินไปกับดนตรีประกอบจนแทบไม่เป็นอันเล่นเกมทุกที
ระบบหนึ่งที่ใส่เข้ามาและทำให้เราสนุกไปกับตัวเกมเพิ่มได้คือระบบการบูรณะเมือง New Nevaeh ขึ้นมาใหม่ ระบบนี้จะชวนให้ผู้เล่นติดพัน และอยากเล่นต่อ แม้จะไม่รู้เนื้อเรื่องอะไรเลยก็ตาม ทุกครั้งที่ผู้เล่นสำเร็๗ภารกิจ หรือ Main Quest ตัวเมือง New Nevaeh จะถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ เปิดพื้นที่ใหม่ ๆ และสร้างสีสันให้กับตัวเมืองเป็นอย่างมาก ซึ่งมันจะโยงไปกับระบบเกมเพลย์ที่จะเป็นการปลดล็อคคอนเทนต์ใหม่ไปในตัวด้วย
ถึงแม้ว่าเกมจะมีความยาวที่พอสมควร มีการออกแบบที่ประณีต แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันอาจไม่ใช่เกมสำหรับทุกคน โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ชอบเกมแนว JRPG มากนัก แต่มันจะให้บรรยากาศการเล่นเกมออนไลน์สมัยเก่ามากกว่า ใครชอบกลิ่นอายความ Old School แต่มีการออกแบบที่ดูดีขึ้น เกมนี้อาจจะทำให้คุณหวนคิดถึงวันเวลาเก่า ๆ ไปพร้อมกับเกมเพลย์ที่เข้าถึงได้ทุกคน
Gameplay
ต้องยอมรับว่าในช่วงแรกที่เห็นชื่อเกม Eiyuden Chronicle ด้วยความที่เราจำไปว่า ภาค Hundred Heroes ที่เป็นภาคหลักนั้น เป็นเกมแบบ Strategy Turn-Based ทำให้ใครหลายคนอาจจะมองข้ามเกมนี้ไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว Eiyuden Chronicle: Rising นั้น เป็นเกมแนว Action RPG ในมุมมองด้านข้าง หรือ Side-Scrolling หากนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงเกมจำพวก Maplestory, Dragonica อะไรแบบนั้น เราจะได้ควบคุมตัวละคร เข้าต่อสู้กับศัตรูแบบเรียลไทม์ และต่อคอมโบกันอย่างลื่นไหล เพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตีให้สูงมากยิ่งขึ้น
เกมเพลย์การเล่นจะใช้ระบบแบบบุกดันเจี้ยน ทุกครั้งก่อนเราจะเข้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ จะมีจุดเช็คพอยท์เป็นจุดเซฟและใช้ในการ Fast Travel และใช้ในการเซฟเกม ทำให้เราสามารถเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างจุดภารกิจและตัวเมืองได้อย่างง่าย ๆ แต่หัวใจหลักสำคัญของเกมนี้จริง ๆ คือระบบการต่อสู้ที่เป็นแบบ Action เต็มรูปแบบ ในช่วงแรกอาจจะยังไม่หวือหวาอะไรมาก แต่หลังจากที่เราปลดล็อคสมาชิกทีมใหม่ ๆ มาเข้าร่วมทีมด้วยได้แล้ว ความสนุกของจริงจะเริ่มจากจุดนี้
ตัวละครใหม่ ๆ ที่เข้ามาเสริมทัพในแต่ละตัว จะมีความสามารถพิเศษที่แตกต่างกัน เช่นบางตัวใช้โจมตีสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่เพื่อเปิดทางไปต่อได้ โดยการโจมตีปกติ จะเกิดคอมโบหรือการโจมตีแบบ Link ที่จะสลับสับเปลี่ยนเอาตัวละครอื่นออกมาโจมตีศัตรูด้วย ทำให้เกิดรูปแบบการโจมตีประสานที่ใช้จัดการศัตรูได้อย่างรวดเร็ว เกมนี้ไม่ใช่เกมยากอะไรเลย แค่สแปมปุ่มรัว ๆ ก็อาจจะเอาชนะบางตัวได้แล้ว บางตัวอาจจะต้องกดหลบหลีกหน่อย เพื่อเลี่ยงการรับดาเมจโดยตรง
แม้เหมือนจะฟังดูง่าย แต่เกมกลับมีการออกแบบบางอย่างแปลก ๆ เช่นการฟื้นพลังไอเทมด้วยน้ำยา ที่จะเป็นจะต้องกดเปิดหน้ากระเป๋าก่อนเท่านั้น ทำให้การต่อสู้หลายช่วง ติดขัดโดยไม่จำเป็น แต่อาจเป็นเพราะเป้าหมายในการทำให้เกมดูมีความเป็น JRPG ยุคก่อนอยู่ แม้จะนำเสนอแบบ Action Side Scrolling แต่ก็ไม่อยากตัดความคลาสสิคแบบนี้ออกไป จึงเลือกประยุกต์ให้มันออกมาแบบนี้แทน
หัวใจสำคัญของเกมนี้คือการเคลียร์ Main Quest เพื่อปลดล็อคคอนเทนต์ให้ไวที่สุด เพราะหากไม่ทำแล้ว ระบบต่าง ๆ ของเกมจะไม่ถูกปลดล็อค และถือว่าเป็นระบบสำคัญทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นช่างตีเหล็กเอาไว้อัปเกรดของ ร้านขายของที่เอาไว้ซื้อของ หรือน้ำยาเติมพลัง ร้านอาหารที่เอาไว้ปรุงอาหารเพื่อเพิ่มพลังทั้งแบบชั่วคราวและถาวร แต่ถึงแม้จะบอกว่ามันสำคัญยังไงก็ตาม สุดท้ายเกมจะบังคับให้คุณต้องเรื่องตาม Main Quest ก่อนอยากอื่น ซึ่งสุดท้ายหากคุณไม่ทำก็สามารถผจญภัยหรือเล่นเนื้อเรื่องของมันต่อได้ มันเลยเหมือนเป็นการบังคับกลาย ๆ อยู่ดี ว่ายังไงก็ต้องทำนั่นล่ะ
แต่ท้ายที่สุดตลอดทั้งเกมนี้ก็คือการเดินหน้า ลงดัน ตบมอน วนไป เนื้อเรื่องก็ไม่ได้โดดเด่นหรือหวือหวาอะไรมากนัก สิ่งที่เกมนี้มอบให้ได้ และทำออกมาได้ดีจริง ๆ คือการผสมผสานแนวเกมยุคเก่า ยุคใหม่เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวจริง ๆ
Performance
แม้จะไม่ถึงกับเป็นเกมอินดี้ มีกราฟิกมีภาพที่สวยงาม แต่สเปคคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเล่นเกมนี้ก็ถือว่าเป็นมิตรกับคนเล่นอย่างมากเลยทีเดียว และด้วยความที่ไม่ต้องแสดงแสงเงาเอฟเฟกต์อะไรมากมาย การ์ดจอกลาง ๆ ค่อนไปทางเก่าหน่อย หรือการ่ดจอที่ยังมี VRAM อยู่แค่ 4GB ก็ยังสามารถเล่นเกมนี้ได้อย่างสบาย ๆ
ส่วนของการปรับ Setting ก็ถือว่ามาครบ มาละเอียดมากกว่าหลาย ๆ เกมคุณภาพเดียวกันในยุคนี้ กราฟิกมีให้ปรับตั้งแต่ Texture ยัน Anti-Aliasing หรือแม้กระทั่ง Reflection และ V-Sync ก็ถือว่ามากเท่าที่สุดทเ่าที่จะมากได้แล้ว เรื่องของ Performance เกมนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลแต่อย่างใด
ท้ายที่สุดแล้ว Eiyuden Chronicle: Rising เป็นเพียงปฐมบทก่อนเหตุการณ์ใน Hundred Heroes เชื่อว่าหลังจากภาค Hundred Heroes ออกมาเปิดตัวในปี 2023 นั่นอาจจะเป็นแนวทางที่ทีมงานชุดนี้เชี่ยวชาญ และอาจทำให้มันสนุกมากกว่านี้ได้ แต่ตอนนี้สำหรับการเล่นรอภาคหลักออก Rising ก็ถือว่าทำหน้าที่ของมันได้ดี แต่อาจจะไม่ถูกใจแฟนเกมในวงกว้างเท่านั้นเอง
Verdict 7.5/10
