ทำไมสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงคงได้รับความนิยมอยู่แม้ผ่านมานานแล้ว
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้เขียนได้มีโอกาสได้มีโอกาสเล่นเกม Call of Duty : World War 2 หลังจากเล่นไปได้สักพักหนึ่งผู้เขียนก็ได้เกิดความสงสัยว่าเหตุใด เกมแนวสงครามโลกครั้งที่ 2 (1939-1945) ถึงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย ทั้งที่โลกใบนี้นั้นเกิดสงครามขึ้นมาหลายครั้งในโลกใบนี้ แต่ความนิยมนั้นสู้สงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ได้เลย หากมองตั้งแต่ผู้เขียนเป็นเกมเมอร์มานั้น ไม่มีช่วงไหนเลยที่ไม่ได้เล่นเกมแนวนี้ ดังนั้นผู้เขียนจึงได้ไปหาเหตุผลว่า “เหตุใดเกมประเภทนี้จึงได้รับความนิยมมิเสื่อมคลายแม้จะมีเกมแนวนี้ออกมาเป็น 100 เกมก็ตาม”
1.โตมาพร้อมกับเหล่าเกมเมอร์
หากนับในทุกยุคตั้งแต่รุ่นพี่เราจนถึงเรานั้นล้วนแต่มีเกมประเทศนี้ให้เล่น ซึ่งได้ขยายออกไปทุกแนวตั้งแต่ First Person Shooter ยันเกมแนว Real Time Strategy สำหรับบางคนนี่อาจจะถือเป็นการเล่นเกมครั้งแรกของพวกเขา สิ่งไหนก็ตามที่เป็นครั้งแรกมักจะตราตรึงใจคนเสมอ ซึ่งเกมประเภทนี้ได้ออกมาอย่างต่อเนื่องและได้พัฒนาไปพร้อมกับคุณภาพกราฟิกที่สมจริงขึ้น ทำให้เรานั้นรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้เล่นเสมอ เปรียบเสมือนการโตมาด้วยกัน
2.เหตุการณ์เกิดขึ้นจริงและยังมีหลักฐานหลงเหลือจนถึงปัจจุบัน
มีใครบ้างที่ไม่อยากจะเล่นเกมที่ผ่านมาจากทางเรื่องจริง สมรภูมินอร์มังดี, สมรภูมิ Stalingard,สมรภูมิโอกินาว่า ล้วนแต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์หลักฐานและผลกระทบยังคงหลงเหลือจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเกมแนวนี้นั้นได้มอบประสบการณ์อย่างดีถึงความโหดร้าย ความรุนแรง ซึ่งทำให้เกมเมอร์นั้นมีอารมณ์ร่วมสูงเพราะว่าสามารถสัมผัสได้ทั้งในเกมและในชีวิตจริง แต่สิ่งหนึ่งที่อย่าลืมคือผู้เสียชีวิตที่ตายจริง ๆ ถึง 85 ล้านคนทั้งทหารและพลเรือน
3.มีการแต่งเติม,สร้างเนื้อหาใหม่, สร้างตัวละครใหม่ ๆ อยู่สม่ำเสมอ
หาก Hitler ชนะสงครามโลกจะเป็นยังไง, ถ้าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นเข้าร่วมกับอเมริกาผลที่ออกมาจำเป็นยังไง, ถ้าเกิดเราขึ้นเป็นผู้นำสยามในช่วงสงครามโลกเราจะเลือกอยู่ฝ่ายไหนดี ซึ่งคำถามเหล่านี้ชาวเกมเมอร์อย่างเรา ๆ มักจะชอบเสมอ เฉพาะอย่างยิ่งหากเกมเมอร์นั้นเป็นสายประวัติศาสตร์สงครามโลก คงเถียงกันไม่จบ ซึ่งเกมที่ได้ออกมานั้นพยายามแต่งเติม เสริม ปรุงแต่งเนื้อเรื่องของสงครามโลกครั้งที่สองอยู่เสมอเพื่อให้ไม่ซ้ำกับของเก่าและเนื้อเรื่องมีความน่าตื่นเต้นกว่าเดิม
4.สื่อต่าง ๆ มักจะนำเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 มาใช้เสมอ
หากคุณเป็นเกมเมอร์ที่ดูหนังเป็นกิจวัตรประจำวันรองจากการเล่นเกม คุณคงจะนับไม่ถ้วนกับจำนวนหนังเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สองที่ได้ออกมา แน่นอนว่าหนังสงครามคือหนังแนว Super Hero ประเภทแรก ๆ ที่ออกสู่ภาพยนตร์และวงการเกม โดยลักษณะของ Super Hero ในหนังประเภทนี้คือมีตัวตนจริง ๆ อยู่ในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้แล้วยังมีวรรณกรรมและบทละครอีกมากมายที่ได้นำสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่อง
5.ผลจาก Militarism ที่ขยายตัวเข้าสู่วงการต่าง ๆ
Militarism หรือ ลัทธินิยมทหาร มิได้อยู่เพียงแต่ในค่ายทหารอย่างที่เราคิด แต่กลับซึมเข้าสู่ทุกสื่อ ทุกวงการโดยที่เราไม่รู้ตัวตั้งแต่ ของเล่นจนถึงงานศิลปะ แล้วจะมีความคิดนี้เสมอ ซึ่งแต่เดิมนั้นสงคราม การเข่นฆ่าและความตายนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวหากเราพูดคุยเรื่องนี้กับคนกลุ่มอื่น แต่กลับชาวเกมเมอร์ด้วยกันนั้นเรากลับมองเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ มิหนำซ้ำบางครั้งการเข่นฆ่าได้กลายเป็นความบันเทิงไปสำหรับเราไป ซึ่งหากเราลองย้อนมองดูดี ๆ ลัทธิความเป็นทหารนั้นได้เข้าสู่ตัวเราอย่างช้า ๆ ผ่านภารกิจหรือ Object ในเกม เช่น เราต้องทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมายห้ามทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง ความตายที่ดีที่สุดคือการตายเพื่อประเทศชาติ เป็นต้น ซึ่งเกมเมอร์อย่างเรา ๆ นั้นพบสิ่งพวกนี้บ่อย จนเป็นเรื่องปกติจน
สุดท้ายนี้ไม่ว่าเกมแนวนี้จะออกมาอีกสักกี่เกม เรายังคงจะยังเล่นมันอยู่เสมอเพียงแต่ว่าเราจะไม่เล่นเพียงเสพความความสนุกอย่างเดียว เราจะต้องทำความเข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้น ว่าสงครามนั้นอาจจะเป็นเรื่องสนุก มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะชื่นชมมากนัก เพราะชีวิตคนหนึ่งคนที่ตายคือคนจริง ชีวิตคือสิ่งที่มีค่ามากว่าสิ่งใด ดังนั้นวันนี้หากมีอะไรที่ขัดแย้งกันก็ปลองดองกันบ้าง รับฟังกันบ้าง โลกจะได้น่าอยู่และทำให้ประวัติศาสตร์นั้นไม่ซ้ำรอยอีก
