BY KKMTC
10 Dec 21 5:39 pm

ความพิเศษ Forza Horizon 5 ที่ทำให้เป็นเกมแข่งรถ Open-World อันสมบูรณ์แบบ

25 Views

Forza Horizon 5 เป็นเกมของค่าย Playground Games ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นเกมแข่งรถ Open-World ที่ดีที่สุดแห่งยุคนี้ แน่นอนว่าเกมดังกล่าวต้องมีความพิเศษบางอย่าง ที่ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในเกมเปิดโลกกว้างอันสมบูรณ์แบบ

มีกิจกรรมให้ทำมากมายในโลกของ Forza Horizon

ซึ่งคีย์หลักที่ตัวเกมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ก็เพราะเกมดังกล่าวมีจำนวนคอนเทนต์ ระบบการเข้าถึง เกมเพลย์ การออกแบบโลก และกราฟิกที่เหนือกว่าเกมแข่งรถ Open-World ไตเติลอื่น

ใน Forza Horizon 5 มีโหมดเกมให้เล่นมากมาย ตั้งแต่การแข่งขัน Road Racing (การแข่งขันบนท้องถนน) , Street Racing (การแข่งขันแบบผิดกฎหมาย) , Dirt Racing (การแข่งขันบนถนนลูกรัง) , Cross Country Racing (การแข่งขันแบบ Off-Road) และ Drag Racing (การแข่งขันเน้นเส้นทางตรง) ซึ่งมีให้เล่นหลากหลายมากกว่า 50 สนามแข่ง

นอกจากนี้ ตัวเกมมี Challenge อื่น ๆ ให้ทำอีกเยอะ เพื่อเป็นตัวเลือกเสริมในการเพิ่มความคืบหน้าของเนื้อเรื่อง Career และเพิ่มค่าประสบการณ์ให้กับตัวเอง โดยระหว่างการ Free Roam ผู้เล่นสามารถทำกิจกรรมท้าทายอย่างเช่นการทำ Speed Traps ซิ่งรถไปให้ถึงเป้าหมายด้วยความเร็วสูงสุด, Speed Zones ขับรถไปให้ถึงเส้นชัยโดยรักษาความเร็วเฉลี่ยให้ได้ดีที่สุด, Danger Signs ขับรถแล้วขึ้นแท่นกระโดดไปให้ได้ไกลที่สุด, Drift Zones ขับรถไปให้ถึงเส้นชัยโดยทำคะแนนดริฟต์ให้ได้ดีที่สุด และ Trailblazers ขับรถลัดถนนไปให้ถึงเส้นชัยเร็วที่สุด ซึ่งทุกความท้าทาย ผู้เล่นจะต้องทำคะแนนให้ได้ 3 ดาว เพื่อได้รับค่า XP กับเงินรางวัลสูงสุด

รวมถึงตัวเกมมีโหมด Stories ที่เปรียบเสมือนเป็น Time Trial หรือการแข่งขันจับเวลา โดยระหว่างการแข่งขันโหมดดังกล่าวจะมีเหตุการณ์น่าตื่นเต้น และบางภารกิจ ผู้เล่นจำเป็นต้องใช้ทางลัดหรือวางแผนล่วงหน้า เพื่อไปให้ถึงเส้นชัยได้เร็วที่สุด

แต่แน่นอน Forza Horizon 5 ไม่ได้โฟกัสเฉพาะตรงส่วนของโหมด Solo เพียงอย่างเดียว แต่เกมดังกล่าวยังมุ่งเน้นระบบออนไลน์ Multiplayer ที่ชักชวนให้เกมเมอร์กลับมาเล่น Forza Horizon 5 อีกครั้งแม้เคลียร์รายการแข่งขันกับ Challenge ทั้งหมดแล้วก็ตาม

ในโหมด Multiplayer มีทั้ง Horizon Open เป็นการแข่งขันท้าประลอง PvP กับผู้เล่นคนอื่น, Eliminator โหมด Battle Royale ที่ทุกคนต้องแย่งรถยนต์ตามจุดดรอป แล้วท้าแข่งขัน Head-2-Head (1 ต่อ 1) จนเหลือผู้รอดคนสุดท้าย, Super7 Challenge โหมดสุ่มเล่นการท้าทายที่สร้างขึ้นโดยเหล่าสังคมจากทั่วโลก (แน่นอนว่าคุณก็สามารถสร้าง Challenge ของตัวเองแล้วแบ่งปันให้เพื่อนทั่วโลกเล่นได้ด้วยเช่นกัน) ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้โลกของ Forza Horizon 5 เต็มไปด้วยกิจกรรมให้ทำมากมาย เล่นได้หลายชั่วโมงโดยไม่มีเบื่อ

แผนที่มีรายละเอียดสูงกว่าเกมทั่วไป

แผนที่ของเกม Forza Horizon 5 อ้างอิงมาจากประเทศเม็กซิโก ประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่ห่างไกลจากประเทศสหรัฐฯ มากนัก

เกมนี้จะช่วยลบภาพ Stereotype ว่าเม็กซิโกเป็นประเทศที่มีแต่ทะเลทรายแห้งแล้ง หรือมีอากาศร้อนไหม้จนภาพยนตร์กับซีรีส์หลายเรื่องต้องใช้ Filter สีส้มจนปวดหัว เพราะแผนที่เม็กซิโกของ Forza Horizon 5 มีโซนหลากหลายให้ผู้เล่นได้ขับรถชิลล์ ผจญภัย หรือแข่งขันท้าประลองความเร็ว ไม่ว่าจะเป็นโซนชายหาดเต็มไปด้วยโรงแรม รีสอร์ตหรู, โบราณสถานในท่ามกลางป่าดิบชื้นที่มีความน่าหลงใหล, โซนภูเขาไฟที่ทั้งอันตรายกับสวยงามในเวลาเดียวกัน, เมืองโบราณที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยกับวัฒนธรรมได้ดี

ด้วยแผนที่ที่มีรายละเอียดสูง ภาพกราฟิกสมจริงสวยงามตระการตา สภาพแวดล้อมมีชีวิตชีวาให้ผู้เล่นอินกับโลกภายในเกมได้ง่าย จึงเป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่ระหว่างการแข่งขัน หรือขับรถจะไม่เปิด Photo Mode เพื่อถ่ายรูป Screenshot บันทึกเก็บไว้เป็นคอลเล็กชันส่วนตัว และไม่แน่ว่าหลังจากเล่นเกมนี้แล้ว อาจทำให้คุณสนใจเม็กซิโกในชีวิตจริง หรือ Car Culture ของประเทศนั้นไม่มากก็น้อย

มีตัวเลือกการปรับแต่งเยอะ แถมเล่นง่ายเหมาะกับทุกคน

Forza Horizon 5 (10)

ถึง Forza Horizon 5 เป็นเกมที่หลายคนบอกว่าเข้าถึงง่าย แต่ไม่ได้หมายความว่ามันเป็น ‘เกมที่เล่นง่าย’ เนื่องจากเกมดังกล่าวมีระบบการควบคุมรถยนต์แบบ Simcade ที่ผสมผสานระหว่าง Arcade Racing (Need for Speed, Burnout) กับ Simulation (Gran Turismo, Forza Motorsport) นอกจากนี้ การปรับแต่งจูน และการอัปเกรดรถยนต์ ก็ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผู้เล่นคว้าชัยชนะอันดับหนึ่ง ทำให้เกมดังกล่าวมีระดับความยากแบบ ‘Easy to Play, Hard to Master’ หรือเล่นง่าย แต่เทพยาก

แต่ไม่ต้องห่วงว่า Forza Horizon 5 เป็นเกมที่เข้าถึงไม่ได้สำหรับคนเพิ่งหัดเล่นเกม Racing ครั้งแรก เพราะเกมดังกล่าวมีตัวเลือกปรับแต่งระดับความยากที่หลากหลาย ตั้งแต่ปรับความยากของ AI, ปรับเปลี่ยนระบบการเลี้ยวรถ, เปลี่ยนระบบเกียร์, เปิด/ปิด ไกด์บอกเส้นทางในการเลี้ยว, เลี้ยวอัตโนมัติ และอื่น ๆ อีกมากมายที่ช่วยให้การเล่นเกมง่ายขึ้นมาก

นอกจากนี้ เกมมีตัวเลือก Accessibility เช่น ปรับขนาดตัวอักษรซับไตเติล, เปิด-ปิดโหมดสำหรับผู้เล่นตาบอดสี และในอนาคต เกมจะรองรับการบรรยายด้วยภาษามือ สำหรับผู้เล่นที่เป็นใบ้อีกด้วย

ระบบออนไลน์เชิญชวนให้เรามี Interactive กับผู้เล่นอื่น

อีกฟีเจอร์เด็ดที่ทำให้โลกของ Forza Horizon 5 มีชีวิตชีวามากขึ้น ก็คือระบบออนไลน์ที่ให้เกมเมอร์ได้มี Interactive กับคนอื่น

นอกเหนือจากการแข่งขันแย่งชิงอันดับ Leaderboard หรือแข่งขัน PvP แล้ว เกมเมอร์สามารถให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เล่นหน้าใหม่ด้วยการส่งของขวัญเป็นรถยนต์คันอะไรก็ได้ หรือผู้เล่นสามารถนำรถยนต์ของตัวเองไปประมูลขาย ให้ทุกคนสามารถซื้อรถยนต์คันโปรดในราคาที่ถูก (หรือแพงกว่าเดิม)

นอกจากนี้ Forza Horizon 5 มีโหมด Playground, Horizon Arcade กับ Horizon Tour CO-OP ให้ทุกคนร่วมมือกันเพื่อทำ Objective ให้สำเร็จ ซึ่งโหมดดังกล่าวค่อนข้างหาเล่นได้ยากตามเกมแนวแข่งรถ Open-World

ด้วยองค์ประกอบที่กล่าวมาทั้งหมด ทำให้ Forza Horizon ถูกกล่าวขานว่าเป็นเกมแข่งรถ Open-World อันสมบูรณ์แบบที่สุดแห่งยุค ตั้งแต่ภาค 3 ถึงภาค 5 โดยไม่มีข้อกังขาใด ๆ ทั้งสิ้น และแน่นอนว่ายังไม่มีเกมไหนที่สามารถต่อกรแบบติด ๆ กับ Forza Horizon ได้จนถึงตอนนี้

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top