BY เกมเมอร์อมตีน
7 Nov 18 12:24 pm

Guide ผู้เล่นใหม่ ผ่า DLC เกม Cities: Skylines อันไหนที่ต้องมี

258 Views

ถ้าให้พูดถึงเกมสร้างเมืองที่ดีที่สุดในยุคนี้ จะให้นึกถึงเกมอะไรไม่ได้นอกเหนือไปจาก Cities: Skylines ที่จะเปิดโอกาสให้ทุกคนเป็นนายกเทศมนตรีกันทั้งวันทั้งคืน ไม่ต้องหลับต้องนอนกันในโลกจริง พร้อมทั้งกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และการแก้ปัญหาผังเมืองจนวางมือจากเกมนี้ไม่ลง รวมทั้งตัวเกมรองรับ Mod จาก Steam Workshop เต็มรูปแบบสำหรับบน PC เลยทำให้เกมนี้มีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นพอสมควร แต่ความที่เกมดังกล่าวสร้างโดย Colossal Order และวางจำหน่ายโดย Paradox Interactive ค่ายที่ขึ้นชื่อเรื่องการขาย DLC แบบถี่ยิบ และดันทำเกมออกมาให้คนติดได้

เกมเมอร์ทั้งหลายเลยต้องเปย์ค่า DLC กันเยอะสักหน่อย สำหรับเกมนี้ก็มีจำนวน DLC มากพอสมควรไม่ได้เข้าขั้นน่าเกลียด และ DLC แต่ละอันอาจจะไม่เหมาะสำหรับทุกคน ในขณะเดียวกันบาง DLC กลับกลายเป็น “ของที่ต้องมี” ในบทความนี้จะมาแนะนำว่า DLC อันไหน เหมาะที่จะซื้อมาครอบครองมากที่สุด ทั้งนี้จะเน้นไปที่ 7 DLC ใหญ่ที่มีผลต่อระบบเกมโดยรวมครับ

After Dark

ถ้าไม่มี DLC อันนี้ ก็เหมือนมีเกมที่ไม่สมประกอบ อยากจะตบคนสร้างเกมเลยว่า นี่จงใจแยกขายเอาเงินอีกรอบชัดๆ ตอนที่ผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นนั้นได้ซื้อ DLC นี้มาพร้อมกันด้วย ถือเป็นประสบการณ์การเล่นที่สนุก พอเหมาะพอดี แต่ถ้าลองตัด DLC นี้ออกไปละก็.. มันจะขาดระบบสภาพอากาศไปเลย กลางวันและกลางคืนจะไม่มี (ที่สำคัญบ้านเมืองตอนกลางคืนสวยมาก)

แถมด้วยโซนท่องเที่ยงกินดื่มที่จะมีผลกับผู้คนและกระเป๋าเงินของเมืองสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่อลังการงานสร้างและเรือนจำที่จะลดความแออัดของนักโทษในสถานีตำรวจพร้อมทั้งการจัดการการจราจรที่หลากหลาย โดยสรุปแล้ว ขาด DLC นี้ไปไม่ได้เด็ดขาด แม้ผู้เล่นจะชอบหรือไม่เพราะถ้าขาดไป เกมจะจืดในระดับหนึ่ง

Snowfall

หนึ่งใน DLC ที่พอจะพูดได้ว่ามีก็ดี ไม่มีก็ได้ (บอกตรงๆ ว่าผิดหวัง) สิ่งที่คาดหวังจาก DLC นี้คือสภาพอากาศหิมะตกที่จะให้เป็นฤดู วนไปมา แต่สิ่งที่ได้จริงคือเมืองที่หิมะตกทั้งปีทั้งชาติ และโดยรวมหากเล่นแมพหิมะดังกล่าวจะทำให้ตัวเกมดูยากขึ้นเป็นกอง และไม่ได้เป็นอะไรที่ท้าทายแต่ทำให้หงุดหงิดมากกว่า ลูกเล่นที่เพิ่มเข้ามาเช่น รถกวาดหิมะ ระบบทำความร้อนที่ทดแทนกับไฟฟ้าได้ แต่สิ่งที่ดีงาม (ที่สุด) กลับเป็นรถราง (Tram) ที่ถูกเพิ่มเข้ามา คนส่วนใหญ่มักซื้อ DLC นี้ไม่ใช่เพราะจะเอาเมืองหิมะ แต่เป็นรถรางนี่เอง

Natural Disasters

ถ้าชอบความท้าทายแบบเข้าขั้นหัวร้อน ควรจะมี DLC นี้ แต่ถ้าไม่ชอบความหัวร้อนประมาณว่า สร้างเมืองอยู่ดีๆ สึนามิพังทั้งเมือง คุณสามารถปิดที่ Options ได้และสิ่งที่เพิ่มเข้ามาส่วนใหญ่เป็นของที่จะส่งเสริมให้รับมือกับภัยพิบัติต่างๆ เช่น อุกกาบาต น้ำท่วม ทอร์นาโด แผ่นดินไหว ฯลฯ และสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมาก แม้จะปิดภัยพิบัติไปแล้วก็คือพวกฐานจอดเฮลิคอปเตอร์ต่างๆ ที่ทำให้บริการของเมืองเข้าถึงซอกหลีบของเมืองเราได้ง่ายและทั่วถึงขึ้น ในขณะเดียวกันก็สามารถเอาภัยพิบัติมาถล่มเมืองเล่นๆ แล้วค่อยโหลดเซฟใหม่

Mass Transit

พูดตรงๆ ว่าของมันต้องมี ย้ำแล้วย้ำอีก เป็น DLC ที่คุ้มสุด และเป็น DLC ที่เหมาะกับคนในกรุงเทพฯ ที่ต้องเผชิญกับรถติด และรถไฟฟ้าที่ยังสร้างไม่เสร็จแถมขัดข้องรายวัน เพราะปกติแล้วตัวเกมจะมีขนส่งสาธารณะเป็นรถเมล์ รถไฟใต้ดิน และรถไฟปกติ แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือรถไฟฟ้า (ในเกมนี้เป็น Monorail), เรือเฟอร์รี่แบบที่ทันสมัยกว่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา, เคเบิ้ลคาร์ชมวิวและเรือเหาะ (ตกใจตรงเรือเหาะนี่แหละ) พร้อมทั้งมีสิ่งก่อสร้างที่เชื่อมระบบรางรถใต้ดิน
รถไฟฟ้าและรถไฟปกติเข้าด้วยกัน ถือได้ว่าเป็น DLC ที่เล่นแล้วรู้สึกเพลิดเพลินที่สุดนับตั้งแต่ได้เล่นมา วางระบบกันสนุกมาก

Green Cities

เป็น DLC ที่จะเปลี่ยนรูปแบบการเล่นไปพอสมควร และมีของใหม่ที่เยอะมาก ตัวเกมตอบรับกับกระแสการพึ่งตัวเอง และการรักษ์โลกผ่านการอัพเดท DLC ตัวนี้ เน้นไปที่การลดมลภาวะของเมืองให้มากที่สุด อย่างเช่น สามาถเลือกสร้างศูนย์รีไซเคิลขยะแทนที่บ่อขยะตามปกติ หรือท่อปล่อยน้ำเสียที่มีระบบบำบัดอยู่ด้านใน โซนที่อยู่อาศัย โซนธุรกิจที่เน้นไปทางการพึ่งตัวเอง และโซนออฟฟิศที่เป็น IT Cluster ที่สร้างรายได้ให้เมืองอีกเป็นกอบเป็นกำ เช่นเดียวกับสวนสาธารณะที่มีหลากหลายรูปแบบ ถ้าคุณเป็นคนใส่ใจสิ่งแวดล้อม DLC นี้เหมาะกับคุณแน่ๆ และเข้าใจได้ไม่ยาก

Parklife

DLC อื่นที่กล่าวมาจัดเป็นของที่พอจะมองว่าถูกซอยออกมาจากเกมเต็มได้ ส่วน DLC นี้คือสิ่งที่ถูกคิดออกมาทีหลัง เหมือนเป็นเกมอีกเกมซ้อนในเกมนี้อีกที ไม่รู้ว่าเกม Planet Coaster เป็นแรงบันดาลใจให้เกมนี้หรือเปล่า เพราะความรู้สึกมันใช่ พอผสมกับการจัดการพื้นที่แบบเกมนี้ก็พอไปวัดไปวาได้ DLC นี้มีจุดเด่นคือการสร้างสวนสาธารณะของตัวเอง ย้ำว่าเป็นของตัวเองจริงๆ โดยการกำหนดขนาดและวางสิ่งก่อสร้าง และอัพเลเวลของสวนที่สร้างขึ้นมา สวนมีหลากรูปแบบคือ สวนหลักเมือง สวนสัตว์ สวนสนุก และอุทยานแห่งชาติ รวมทั้ง DLC นี้มีของที่ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กับเมืองอย่างชัดเจน เช่น ทำทัวร์เดินชมเมือง หรือรถบัสชมเมือง โดยรวมคือ DLC นี้อาจเข้าใจยากในช่วงแรกและคุณจะใช้เวลากับเกมนี้เพิ่มอีกเยอะเลยทีเดียว ไม่เหมาะกับคนมีเวลาน้อยสักเท่าไร

Industries

มีคอนเซปต์ที่คล้ายกับ DLC Parklife มาก วิธีเล่นคล้ายกัน แต่มีความซับซ้อนกว่า เป้าหมายหลักคือการทำนิคมอุตสาหกรรมกั้นเขตเป็นของเมือง (เดิมทีเราสามารถแบ่งโซนอุตสาหกรรมได้อยู่แล้ว แต่อันนี้จะละเอียดกว่ามา) ทำวัตถุดิบที่ถูกระบุโดยเฉพาะเพื่อส่งขาย หรือนำไปทำสินค้าฟุ่มเฟือยอีกทอดหนึ่ง ณ จุดนี้จะเกิดความมึนงงแน่นอน เช่น โรงงานนี้ทำสิ่งนี้ได้ อีกโรงงานหนี่งจะทำสิ่งนี้ได้ต้องมีวัตถุดิบนี้ ที่มาจากนิคมอีกประเภทหนึ่งที่เรายังไม่สร้าง มันก็จะงงๆ หน่อย ต้องทำความเข้าใจสักระยะ เสียเวลาไม่ต่างจาก Parklife เท่าไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นสายหาเงินเร็วแล้ว DLC นี้ค่อนข้างเหมาะมากๆ

อย่างที่บอกไว้แต่ต้นแล้วว่า DLC ของเกมนี้มีความคุ้มค่าต่างกันออกไป รวมทั้งเกมอื่นๆ ก็อาจมี DLC ที่หลากหลาย ดังนั้นเพื่อเป็นการใช้เงินให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์ต่อการเล่นสูงสุด จึงควรศึกษาข้อมูลของ DLC แต่ละตัวให้ดีก่อนซื้อ จะได้ไม่ต้องมานึกเสียดายเงินภายหลัง แต่สำหรับ DLC ของเกมนี้แล้ว ถ้ามีให้ครบไปก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะทุกตัวต่างก็มีข้อดีที่ยกออกมาเล่นให้สนุกได้

Guest Writer

เจ้าของเพจสุดฮาขวัญใจเกมเมอร์ทั่วฟ้าเมืองไทย

Back to top