BY Aisoon Srikum
12 Jun 25 3:41 pm

Garland Boy เมื่อความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ถูกมองผ่านสายตาที่มีความหวัง

100 Views

หากคุณเคยขับรถผ่านสี่แยกต่าง ๆ แล้วพบว่ามีคนเข้ามาเคาะกระจกขายพวงมาลัย อาจจะมีทั้งผู้ใหญ่หรือที่เราพบเห็นได้บ่อยก็น่าจะเป็นเด็กน้อยวัยประถม หรือเต็มที่เลยก็ใส่ชุดนักเรียนมาขาย ยกมือไหว้สวย ๆ เพื่อขอให้รถบางคันช่วยซื้อพวงมาลัย Garland Boy คือเกมที่หยิบเอาเรื่องราวเหล่านั้นมาสร้างเป็นเกม ที่นอกจากจะเล่นสนุกแบบเซอร์ไพรส์แล้ว เรายังรู้สึกว่ามีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเรารู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูกหลังได้เล่นเกมนี้

เส้นแบ่งระหว่างการหาเลี้ยงชีพหรือแรงงานเด็ก

Garland Boy เปิดฉากเกมขึ้นมาด้วยการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อที่ว่ารถทุกคันมี “แม่ย่านาง” ทำให้ผู้คนนิยมที่จะซื้อพวงมาลัยห้อยไว้ที่หน้าคอนโซลรถ ก่อนที่จะเล่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เกมไม่บอกชื่อ แต่แทนการเรียกชื่อด้วย “เจ้าหนู” ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจจะสอบเข้าโรงเรียนที่ต้องการ แต่ความรู้ของเจ้าหนูก็อยู่ในระดับเดียวกับมาตรฐาน แถมฐานะทางบ้านก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร งานนี้จึงมีแต่ความเพียรพยายาม แะลความไวของผู้เล่นเท่านั้นที่จะพาเจ้าหนูไปสู่ฝั่งฝันได้ โดยผู้เล่นจะมีเวลา 15 สัปดาห์ในการหาเงิน และสะสมค่าความฉลาด เพื่อใช้ในการสอบเข้าโรงเรียนที่คาดหวังเอาไว้

ตัวเกมมีการอธิบายไว้ในช่วงต้นเกมด้วยว่า อาชีพการเดินขายพวงมาลัยตามสี่แยกถนนนั้น ถูกมองเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจนเลย บ้างก็ว่าการทำแบบนี้คือการที่ผู้ใหญ่ใช้แรงงานเด็กมาทำมาหากิน แต่กลับกัน เด็กที่ยากจนหรือบางครอบครัวก็เลือกจะทุ่มสุดตัวเพื่อหาเลี้ยงชีพหรือส่งตัวเองเรียน ท้ายที่สุดแม้จะถูกผู้คนจากภายนอกตัดสิน แต่เราก็คงไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าอะไรกันแน่คือสิ่งที่ถูกต้อง แต่ Garland Boy เลือกที่จะมองเรื่องราวนี้ผ่านสายตาที่มีความหวังที่สุด ทั้งเนื้อเรื่อง และระบบเกมการเล่น

การผสมผสานสไตล์เกม Dash เข้ากับ Management

Garland Boy ไม่ใช่เกมที่ขายไอเดียแหวกแนว สดใหม่อะไร แต่เป็นการหยิบเอาแนวเกมยอดนิยม มาใช้ในรูปแบบของความเป็นไทยแบบเต็มที่ ในเกมเพลย์การเล่นหลักนั้น ผู้เล่นจะต้องเดินหน้าขายพวงมาลัยให้กับรถที่ต้องการซื้อ แล้วถ้าคันไหนไม่ต้องการซื้อ เราก็สามารถใช้สกิลอย่างไหว้สวย เพื่อยกมือไหว้เหล่าพี่ ๆ คนขับรถ โดยจะมีระยะเวลาจำกัดคือไฟแดง-ไฟเขียว ถ้าเป็นไฟเขียวอยู่ สิ่งที่เราทำได้คือตระเตรียมสิ่งของให้พร้อมสำหรับการขายในไฟแดงครั้งหน้า

เกมจะเริ่มจากการเล่นแบบง่าย ๆ คนซื้อต้องการแค่พวงมาลัยเปล่า ๆ แต่เมื่อเล่นไปจนถึงระดับหนึ่งแล้ว จะมีการปลดฟีเจอร์ ลูกเล่น และระบบใหม่ ๆ อีกมากมาย ที่จะยิ่งท้าทายความสามารถในการจัดการของเรา

อย่างที่บอกไปข้างต้น เป้าหมายของเจ้าหนูพวงมาลัยคือการเก็บเงินและสะสมความฉลาดในเวลา 15 สัปดาห์ แต่ในเมื่อเงินคือทุกสิ่งอย่าง เราจึงจำเป็นจะต้องใช้เงินไปกับการลงทุนซื้อของมาขาย และเวลาเองก็เป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดยิ่งกว่าเงิน เพราะไฟแดงมีเวลาจำกัด แต่ก็โชคดีที่เกมสะท้อนภาพลักษณ์ประเทศไทยได้ตรงเป๊ะ นั่นคือไฟเขียวหลักหน่วย ไฟแดงหลักสิบ และยังมีช่วงชั่วโมงเร่งด่วนที่รถติดหนักเป็นพิเศษ เจ้าหนูพวกมาลัยก็อาจจะขายของได้มากขึ้นหน่อย

ตัวเกมมาในสไตล์ Dash หรือเกมแนวที่ระบบจะขึ้นความต้องการสินค้าหรือของชิ้นนั้น และผู้เล่นต้องคิดและทำอย่างรวดเร็ว อย่างเช่นในเกมนี้ เมื่อเข้าช่วงรถติดแล้ว อาจจะมีคำสั่งซื้อเข้ามาพร้อมกันหลายอย่าง โชคดีที่เกมนี้ไม่ใช่เกมที่กดดันผู้เล่น ลูกค้าสามารถรอของที่สั่งจกาเราได้แบบไม่จำกัดเวลา สิ่งเดียวที่จำกัดคือระยะเวลาไฟเขียวเท่านั้น ผู้เล่นจึงต้องคิดเองว่า จะขายของให้ใครก่อน เพื่อให้ได้กำไรสูงสุด โดยมีการอัปเกรดพวงมาลัยเป็นระดับ 2 ที่ต้องใช้โต๊ะร้อยมาลัย และใช้เวลาในการร้อย ยิ่งทำให้ตัวเกมท้าทายมากยิ่งขึ้น และเมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ มีการไปคอลแลบกับลุงร้านขายลูกชิ้นและร้านขายเครื่องดื่มด้วย โดยจะมีโอกาสที่ลูกค้าจะสั่งซื้อของกินและเครื่องดื่มระหว่างติดไฟแดงนั่นเอง

หลากหลายความเป็นไทยที่ใกล้ตัว

ระบบเกมการเล่น เราอาจจะไม่ได้เห็นอะไรมากไปกว่าสี่แยกไฟแดงที่การจราจรเนืองแน่น แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงพักหรือวันหยุดสุดสัปดาห์ จะเป็นช่วงเวลาที่เจ้าหนูจะต้องเลือกว่าจะทำกิจกรรมอะไร โดยจะมี Action Point ที่ใช้ได้ต่อสัปดาห์ การเลือกทำกิจกรรมบางอย่าง จะตัด Action Point และเมื่อแต้มนี้หมด เราก็จะทำอะไรไม่ได้อีก นอกจากเข้าสู่สัปดาห์ถัดไป

กิจกรรมต่าง ๆ จะเป็นทางเลือกในช่วงสัปดาห์นั้น ว่าเราจะหาค่าอะไรเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นเงิน ค่าประสบการณ์ หรือความฉลาด ซึ่งกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีให้เล่นก็มีหลายแบบมาก ตั้งแต่การติวหนังสือ เข้าร้านเน็ตเล่นเกม ไปแยกขยะ หรือไปช่วยลุงจัดร้านขายของ แต่ละกิจกรรมจะเพิ่มค่าต่าง ๆ ไม่เท่ากัน แต่หลังเสร็จกิจกรรม เจ้าหนูจะได้ค่าความเครียดมาด้วย โดยความเครียดสามารถลดได้ด้วยการทำกิจกรรมผ่อนคลาย แต่ก็ต้องใช้เงิน เช่นการเล่นร้านเน็ต หรือการกินอาหารแพง ๆ ทุกค่าล้วนเชื่อมโยงกันแบบลงตัว ทำให้ผู้เล่นสนุกกับการลองกิจกรรมและจัดการค่าสถานะของตัวเจ้าหนู

แถมกิจกรรมต่าง ๆ ยังใส่ความเป็นไทยและดนตรีไทยมาไว้สูงมาก ยกตัวอย่างเช่น การติวหนังสือ ก็จะให้ผู้เล่นตอบโจทย์คณิตศาสตร์ง่าย ๆ การแยกขยะก็แค่คลิกให้ถูกตำแหน่ง หรือการร้อยมาลัยจะเป็นมินิเกมแบบกดเรียงดอกไม้ให้ถูกประเภท ยิ่งไปกว่านั้นยังมีระบบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ถ้าเราเอาเงินมาบริจาคก็จะสุ่มได้บัฟไปช่วยในการขายพวงมาลัยในสัปดาห์หน้า

ทั้งหมดนี้ ถูกนำมาใส่ในเกมไว้แบบพอดิบพอดี ไม่มีตรงไหนที่รู้สึกเอียนหรือมากจนเกินไป และตัวเกมสามารถเล่นจบได้ในเวลา 2 ชั่วโมง แถมมีฉากจบทที่มากกว่า 1 แบบ นี่จึงเป็นผลงานคนไทยที่เล่นได้สนุกกว่าที่คิด

นัยยะที่มองเห็นได้จากตัวเกม

ย้ำตัวหนา ๆ ว่า ส่วนนี้อาจไม่ใช่ความตั้งใจของผู้สร้าง แต่เป็นจากตัวผมที่เป็นคนเล่นเอง

สิ่งสำคัญของเกมนี้คือส่วนของเนื้อเรื่องที่เดินหน้าไปเรื่อย ๆ ทุกสัปดาห์ เป้าหมายหลักของเจ้าหนูคือการสอบเข้า ม.ปลาย ในโรงเรียนที่ดี แต่ด้วยสภาพฐานะของครอบครัวที่ไม่เป็นใจ การดิ้นรนหาเงินเพื่อไล่ตามเป้าหมายของตัวเองจึงเกิดขึ้น แต่สิ่งที่เกมนี้นำเสนอ ต้องบอกว่ามีอยู่จริง นั่นคือการที่พ่อแม่สนับสนุน และคอยเป็นกำลังใจให้ลูกอยู่เสมอ เป็นเรื่องสำคัญที่กำลังใจที่ดี ด่านแรกควรจะมาจากครอบครัว แถมในช่วงท้ายก็ยังมีกำลังทรัพย์เสริมแถมมากับกำลังใจ ไม่ใช่ทุกครอบครัวที่จะคอยสนับสนุนลูก แม้จะยากลำบากแค่ไหน นี่จึงอาจเป็นสายตาแห่งความหวังหรือการมองโลกในแง่ดีของผู้พัฒนา

ต่อมาคือชีวิตในรั้วโรงเรียนประถมที่น่าจะเป็นบรรยากาศที่หลายคนคิดถึง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งฉายาให้ครูโหด ๆ การมีครูฝึกสอน การมีตัวละครที่เจ้าหนูชื่นชมว่าน่ารัก แต่ก็จบที่ความเป็นเพื่อน และมิตรภาพวัยเรียน พ่วงมาด้วยมินิเกม เช่นจะเกิดอีเวนท์เล็ก ๆ ที่ถ้าเกิดเรายื่นมือเข้าไปช่วย เราก็จะได้โบนัสเป็นของแถม ทั้งหมดนี้ถูกใส่มาในเนื้อเรื่องหลัก ที่ทำให้เรามองเห็นว่าทีมพัฒนาเขาเก็บงานได้ค่อนข้างดี และดึงดูดให้เราเล่นต่อได้ไปจนจบ

การสนับสนุนจากผู้ใหญ่รอบตัวที่ช่วยเหลือเด็กทำมาหากิน ก็มีให้เห็นบ่อยในสังคมไทย ซึ่งเกมนี้เลือกที่จะจับมันเข้ากับระบบเกมหลัก นั่นคือระบบขายลูกชิ้นและเครื่องดื่มเสริมที่ใส่เข้ามาในช่วงกลางเกมถึงท้ายเกม อาจบอกได้ว่าความพยายามจะดึงดูดสิ่งต่าง ๆ ที่ดีเข้ามาได้เสมอ

มันอาจไม่ใช่สิ่งที่ผู้พัฒนาตั้งใจใส่เข้ามาให้เห็น แต่หากสังเกตดี ๆ ในอีกหลาย ๆ จุด Garland Boy ไม่ใช่เกมที่จะมาเสียดสีสังคมไทยให้รู้สึกเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น แต่เป็นการสะท้อนภาพความจริงให้เห็น ผ่านสายตาที่ยังมีความหวัง ว่าความพยายามของใครบางคนอาจสัมฤทธิ์ผล แรงผลักดันจากคนรอบตัวและสังคม มีผลกับเด็กคนหนึ่งมากขนาดไหน

ท้ายที่สุดนี้ การเล่นเกมนี้จบ ก็อดไม่ได้ที่จะต้องกลับไปฟังเพลงดังที่เข้ากับบรรยากาศของเกมนี้นั่นคือ ก่อนมะลิบาน ของ TIME

ก็อยากให้ไฟแดงนานกว่านี้หน่อย เผื่อว่าจะได้ขายมาลัยให้หมด

และเราก็เข้าใจเนื้อเพลงนี้มากยิ่งขึ้นเมื่อได้ลองมาเล่นเกมนี้

Garland Boy วางจำหน่ายแล้ววันนี้บน PC (Steam) ในราคา 155 บาท (ลดราคาเหลือ 131 บาท – 20 มิถุนายน 2025) และตัวเกมลงให้กับระบบ iOS และ Android ด้วย โดยเป็นเกมฟรี แต่จะมี In-App Purchase แทน

Aisoon Srikum

Related posts

Read More
Back to top