Control เกมแอ็คชันไซไฟสุดระทึก ผลงานจาก Remedy ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2019 แม้ภาคต่อจะยังไม่ได้ออกมาให้เราได้เล่นกัน แต่เนื้อหาในจักรวาลของมันได้รับการสานต่อแล้วกับ FBC: Firebreak ที่เปลี่ยนแนวจากเกมเนื้อเรื่องระทึกขวัญให้กลายมาเป็นเกม FPS Co-op และสำหรับผู้ที่สนใจ นี่คือการบ้านชิ้นแรกที่เราอยากให้ลองศึกษาก่อนจะเริ่มเล่น เพื่อที่คุณจะได้เข้าใจพื้นฐานการเล่นทั้งหมด
ไม่ต้องรู้เรื่องราวของ Control มาก่อน ก็เล่นได้
แม้จะเป็นเนื้อหาในจักรวาล Control โดยในเกมนี้ จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 6 ปี หลังจากเนื้อเรื่องของ Control แต่คุณไม่จำเป็นจะต้องรู้เรื่องราวของมันมาก่อนเลยก็ได้ ให้คิดซะว่านี่คือเรื่องราวเฉพาะที่ถูกแยกออกมาเล่า ว่าด้วยเรื่องของหน่วยงานเก็บกวาดพื้นที่ภัยเหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นภายในตึก Federal Bureau of Control (FBC) ที่เป็นสำนักงานของรัฐบาลกลาง และถูกกองกำลังลึกลับจากต่างโลกเข้าโจมตี
ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นหน่วยงาน Firebreak หน่วยงานที่มีความสามารถแบบรอบด้าน แถมยังเพรียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์และความกล้าหาญที่จะดำดิ่งลงไปในเหตุการณ์สุดบ้าคลั่งภายในอาคารนี้ และต้องกำจัดเหล่าภัยคุกคาม รวมไปถึงควบคุมความวุ่นวายในครั้งนี้ให้ได้
หากคุณเคยเล่น Control มาก่อน อาจจะเซอร์ไพรส์หรือตื่นเต้นกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น คุณจะได้เห็นฉาก ศัตรู หรือเหตุการณ์คุ้น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในเกมตลอดเวลา แต่ถ้าคุณไม่เคยเล่นมาก่อนก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เพราะเหตุการณ์หรือเนื้อเรื่องที่เกิดขึน้ก็ไม่ได้ลากไปโยงกันขนาดนั้น แค่เราอยู่ในสถานที่และพบเห็นศัตรูที่มีรูปแบบคล้ายกันเท่านั้น คุณจะเล่นเกมนี้ก่อน แล้วย้อนไปหา Control มาเล่นก็ทำได้เช่นกัน
รูปแบบการเล่นแบบ FPS Co-op และ 3 คลาสที่มีความสามารถต่างกัน
FBC: Firebreak มีระบบการเล่นแบบเกม FPS Co-op ตะลุยด่าน ให้บรรยากาศเกมยิงมัน ๆ อย่าง Left 4 Dead แต่มี Progression และลูปการเล่นซ้ำที่ไม่กดดันผู้เล่น
เบื้องต้นตัวเกมจะมีทั้งหมด 3 คลาสด้วยกันคือ Fix Kit ที่มีความสามารถในการซ่อมเครื่องยนต์ต่าง ๆ / Jump Kit ใช้อุปกรณ์พลังงานไฟฟ้าที่ช่วยเหลือทั้งในด้านการต่อสู้และโจมตีแบบหมู่ / Splash Kit สายสนับสนุนที่มีความสามารถในการดับเพลิง และช่วยเหลือเพื่อน หรือสร้างสถานะผิดปกติให้กับศัตรู โดยที่ทั้ง 3 คลาสนี้ เราสามารถสลับสับเปลี่ยนไปเล่นคลาสไหนก็ได้ และการหยิบคลาสนั้นไปเล่นก็จะเป็นการเก็บเลเวลให้กับคลาสนั้น เพื่อปลดล็อคความสามารถใหม่ ๆ และทำให้เก่งขึ้น
โดยภารกิจแต่ละฉากนั้น ล้วนแล้วแต่ต้องการความสามารถของทั้ง 3 คลาส แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเกมก็สามารถหยิบคลาสที่ซ้ำกันไปเล่นด้วยกันได้ และการเคลียร์อุปสรรคในแต่ละภารกิจนั้นทุกคลาสสามารถทำได้ แม้จะไม่เร็วเท่าการเอาคลาสนั้น ๆ มาจัดการด้วยตัวเอง จึงถือว่ามีความยืดหยุ่นมากพอสมคว
ระบบ Progression อันยอดเยี่ยมและดึงดูดใจให้คนเล่นต่อไปเรื่อย ๆ
ส่วนที่น่าสนใจที่สุดของ FBC: Firebreak คือเรื่องของการดีไซน์ตัวเกมให้สามารถเล่นซ้ำ และวนคอนเทนต์ได้เรื่อย ๆ อย่างชาญฉลาด ณ ปัจจุบันนี้ ตัวเกมมีด่านภารกิจให้เล่นอยู่ทั้งหมด 5 ด่านด้วยกัน แต่ถึงจะน้อย เพราะเขาใส่ความลึกลงไปในแต่ละด่านแทน
ในหน้าเซ็ตอัปภารกิจ ผู้เล่นจะสามารถเลือกด่านที่ต้องการเล่นได้ จากนั้นตัวเกมจะให้กำหนดค่า Clearance ซึ่งจะเป็นจำนวนพื้นที่ภารกิจของด่านนั้น โดยเลือกได้ตั้งแต่ LEVEL 1 – 3 ต่อด้วยการเซ็ตอัปค่า Threat หรือความยาก โดยมีตั้งแต่ Easy, Normal, Hard, Extreme และสุดท้ายคือค่า Corruption ที่จะเป็นอุปสรรคในการทำภารกิจของเรา
การเซ็ตอัปความยากที่สูงจะยิ่งทำให้เราได้รับของรางวัลมากยิ่งขึ้น และการเลือกจำนวนพื้นที่ภารกิจก็จะเป็นการกำหนดว่าเราจะต้องบุกตะลุยเข้าไปกี่พื้นที่ถึงจะจบเกมได้ เช่นถ้าเกิดคุณเลือกภารกิจ Hot Fix LEVEL 3 เราก็ต้องเคลียร์ภารกิจทั้งหมด 3 พื้นที่ ถึงจะทำการหลบหนีออกมาได้ โดยมันจะเป็นการปลดล็อคพื้นที่ชั้นในของด่านนั้นเข้าไปเรื่อย ๆ และการทำภารกิจหรือจบด่านออกมาได้นั้น จะมีรางวัลเป็น Lost Assets และวัตถุดิบสำหรับอัปเกรด Research Perks ต่าง ๆ ในขั้นสูงด้วย
ยิ่งเราเล่นซ้ำมากเท่าไร ก็จะยิ่งได้ของมาอัปเกรด และวิจัยสกิลและความสามารถต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น ให้เราลงลึกไปในจักรวาล Control ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ และเวลาที่ใช้ ต่อหยิบความยากสูง ๆ มาเล่นก็ยังใช้เวลาไม่นานขนาดนั้น บอกเลยว่า สมแล้วที่ผู้พัฒนาเขาบอกไว้ ไม่จำเป็นต้องโถมเล่นทุกวัน ไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดอะไรไป เพราะเกมของเรา อยากเล่นตอนไหนก็มาเล่น
เกมเพลย์สุดเดือด และต้องช่วยเหลือกัน แต่ก็ยืดหยุ่นมากกว่าเกมอื่น ๆ
รูปแบบการเล่นของ FBC: Firebreak จะเป็นในรูปแบบของเกมเดินหน้ายิงแบบมี Objective ระหว่างการทำภารกิจหลักที่ขึ้นมาบนหน้าจอ ศัตรูจะค่อย ๆ เกิดขึ้นมาเป็นระยะ เราต้องสังหารให้หมด และหากมีศัตรูระดับสูง หรือระดับบอส อันนี้จะเป็น Optional ของเราเลยว่า เลือกที่จะสู้ หรือเลือกที่จะวิ่งทำภารกิจแล้วล่าถอย
การสู้จะมีโอกาสดรอปของรางวัลอย่าง Lost Assets ที่ใช้ในการอัปเกรดและพัฒนา แต่ถ้าล่าถอยก็มีโอกาสที่จะรอดกลับไปแบบเป็น ๆ ทั้งทีม และเกมนี้ยังแก้ปัญหาพวกชอบห้าว Solo เดี่ยวตลอดเวลา ด้วยการมีเส้นบอกระยะระหว่างเรากับสมาชิกร่วมทีมคนอื่น ๆ เกมนี้รองรับจำนวนผู้เล่นที่ 3 คน หากมีคนหนึ่งอยู่ห่างไกลจากเพื่อน จะโดนตัดพลังชีวิตลงทีละน้อย คือมันน้อยมาก ๆ แต่ถ้าในความยากสูง ๆ มันจะมีผล และอาจทำให้ภารกิจล้มเหลวกันได้เลยทีเดียว เกมนี้จึงเป็นเหมือนการบังคับกลาย ๆ กว่า รวมกันเราอยู่ แยกหมู่อาจดับ
ภายในฉากก็จะมีสถานการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น โดยที่แต่ละคลาสจำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ของตัวเองในการช่วยเหลือทีม หรือถ้ามาคนเดียวก็จะเหนื่อยหน่อย เพราะจะต้องจัดการตัวเองทั้งหมด และหากเล่นคนเดียวอาจจะต้องลืมการเล่นความยากในระดับสูงไปได้เลย
และนี่คือข้อมูลพื้นฐานสำหรับ FBC: Firebreak รอติดตามรีวิวเกมนี้เต็ม ๆ จากพวกเรา GamingDose ได้ เร็ว ๆ นี้
