BY KKMTC
7 Mar 23 6:27 pm

รู้จัก Dragon Ball Z: Budokai Tenkaichi เกมต่อสู้อารีน่ามัน ๆ ที่ฟื้นคืนชีพอีกครั้งในรอบ 15 ปี

82 Views

การปลุกผีตำนานเกม Fighting Arena อย่าง Dragon Ball Z: Budokai Tenkaichi ให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ และแน่นอน เกมดังกล่าวก็เป็นเกมในดวงใจสำหรับใครหลายคนเช่นกัน

ย้อนกลับไปเมื่อวานที่ผ่านมา Bandai Namco Games ได้เซอร์ไพรส์แฟน ๆ ด้วยการเปิดตัว Dragon Ball Z: Budokai Tenkaichi ภาคใหม่ ซึ่งเป็นการฟื้นคืนชีพซีรีส์เกม Fighting Arena ระดับตำนานที่ห่างหายไปนานหลายปี เพื่อเป็นการต้อนรับเปิดตัวภาคใหม่ บทความนี้จะเป็นการเล่าความพิเศษว่าทำไม Dragon Ball Z: Budokai Tenkaichi จึงเป็นเกมในดวงใจในสมัยเด็กของใครหลายคนจนถึงตอนนี้

เกมต่อสู้อารีน่า จากเกมมัน ๆ สู่แนวเกมที่โดนดูแคลนจากบางส่วน

Dragon Ball Z Budokai Tenkaichi

หากพูดถึงเกมแอ็กชันที่ดัดแปลงมาจากมังงะ หรืออนิเมะโชเน็นแนวต่อสู้ เช่น One Punch Man, My Hero Academia, One Piece และ Demon Slayer จะสังเกตได้ว่าเกมเหล่านั้นส่วนใหญ่ มักถูกสร้างเป็นเกมแนวต่อสู้อารีน่าเป็นประจำ

สำหรับคนที่ไม่รู้จัก เกมต่อสู้อารีน่า หรือ Fighting Arena ก็คล้ายกับเกมต่อสู้หลายเกมที่ผู้เล่นต้องไฟท์กับคู่แข่ง โดยฝ่ายไหนที่ K.O. ฝ่ายนั้นจะเป็นผู้แพ้ ยกเว้นแต่แผนที่ของเกมแนวนี้จะมีลักษณะเปิดกว้าง มีการเคลื่อนไหวที่เป็นอิสระ และมีพื้นที่ใหญ่กว่าเกมต่อสู้อื่น ๆ ทั่วไป

MY HERO ONE'S JUSTICE

ภาพจากเกม MY HERO ONE’S JUSTICE (My Hero Acadamia)

อย่างไรก็ตาม เกมแนวต่อสู้อารีน่า เริ่มมี ‘ชื่อเสีย’ มากขึ้น หลังจากเกมแนวดังกล่าวที่ดัดแปลงมาจากอนิเมะ ได้ขาดนวัตกรรมที่แปลกใหม่ มีระบบการต่อสู้ที่เรียบง่ายเหมือนเดิมในหลายภาค และเนื้อเรื่องหลักเป็นการ Recap จากต้นฉบับ ทำให้เกมต่อสู้อารีน่าที่สร้างจากอนิเมะโชเน็น มักถูกวิจารณ์จากแฟนบางส่วนว่าเป็น ‘เกมคว้ากำไร’ (Cash Grab) ที่เน้นขายให้แฟน ๆ ระดับฮาร์ดคอร์เพื่อเอาตังค์ มากกว่าการสร้างเกมให้มีคุณภาพสมกับราคาที่จ่ายไป หรือสร้างเกมให้แปลกใหม่กว่าภาคเดิม ๆ

ถึงแม้เกมต่อสู้อารีน่าอยู่คู่วงการเกมมานานแสนนาน และกำลังมีชื่อเสียงที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่เรามั่นใจว่า Dragon Ball Z: Budokai Tenkaishi คือเกมที่ช่วยปลุกกระแส ทำให้เกมแนวดังกล่าวเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น รวมถึงเป็นเกมในความทรงจำ ที่คุณอาจต้องเคยเล่นสักครั้งหนึ่งในชีวิต

Dragon Ball Z: Budokai Tenkaishi เกมที่ทำให้เกมแนวต่อสู้อารีน่าเป็นที่รู้จัก

Dragon Ball Z Budokai Tenkaichi

Dragon Ball Z: Budokai Tenkaishi หรือ Dragon Ball: Sparking! ในญี่ปุ่น คือซีรีส์เกมแนว Fighting Arena ที่พัฒนาต่อยอดมาจากภาค Budokai โดยเปลี่ยนจากเกมต่อสู้มุมกล้องแนวนอนคล้ายกับ Tekken หรือ Street Fighter มาเป็นเกมต่อสู้ในมุมกล้อง Third-Person, ตัวละครสามารถหมุนลำตัวได้ 360 องศา พร้อมมีพื้นที่สนามประลองการต่อสู้ในสเกลขนาดใหญ่กว่าเกมต่อสู้ปกติ

เกม Dragon Ball Z: Budokai Tenkaishi ทุกภาค พัฒนาโดยทีมงาน Spike (ปัจจุบันคือ Spike Chunsoft) ซึ่งนับเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์เด็ดของทีมงาน และเป็นเกมที่สร้างมาตรฐานว่าเกมแนวต่อสู้อารีน่าที่ดี ต้องทำออกมาอย่างไร

จุดเด่นหลักของเกม Dragon Ball Z: Budokai Tenkaishi ไม่ได้มีดีเฉพาะด้านระบบการต่อสู้ที่เล่นง่าย แต่มีเทคนิคหลากหลาย มีความล้ำลึก ทำให้เป็นเกมที่เล่นง่ายแต่เล่นจนเทพยาก (Easy to Play, Difficult to Master) เพียงอย่างเดียว แต่การนำเสนอ การออกแบบบรรยากาศแผนที่ และจำนวนคอนเทนต์ ก็เป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งที่ทำให้เกมตระกูลนี้ประสบความสำเร็จ และเป็นที่รู้จักจนถึงทุกวันนี้

ถ้าให้เปรียบเทียบระหว่าง 2 เกมอย่างชัดเจนที่สุด Dragon Ball Z: Budokai Tenkaishi จะมีความคล้ายกับเกมซีรีส์ Naruto Ultimate Ninja STORM ที่มีจำนวนนักสู้ให้เลือกเล่นเยอะมหาศาล, โหมดเนื้อเรื่องเป็นการ Recap จากต้นฉบับก็จริง แต่มีการนำเสนอแปลกใหม่ให้ดูแตกต่างต้นฉบับ, มีฉากคัตซีนต่อสู้อลังการ และคอนเทนต์โบนัสให้ปลดล็อกเยอะแยะมากมาย

Dragon Ball Z Budokai Tenkaichi

ใน Dragon Ball Z: Budokai Tenkaishi ภาคแรก มีตัวละครให้เลือกเล่นทั้งหมด 64 คน จากนั้นตัวเกมได้เพิ่มจำนวนนักสู้มากขึ้นจากเกมภาคต่อ ๆ มา จนเกมภาค 3 ซึ่งเป็นเกมภาคล่าสุดเมื่อปี 2007 มีตัวให้เลือกเล่นมากถึง 98 คน ซึ่งว่ากันว่ายังคงเป็นเกมต่อสู้ที่มีจำนวน Roster มากที่สุดตลอดกาลจนถึงวันนี้

สาเหตุหลักที่เกมภาค 3 มีจำนวนนักสู้เยอะขนาดนี้ เพราะเนื้อเรื่องเกมดังกล่าวเป็นการ Recap จากเนื้อหาต้นฉบับเกือบทุกภาคในยุคนั้น รวมถึงมีการนำเสนอเนื้อหาแบบ ‘What-if’ (เกิดอะไรขึ้นต่อไป หาก…) ซึ่งช่วยมอบประสบการณ์การเสพเนื้อเรื่องที่แปลกใหม่อย่างมาก

นอกจากนี้ การนำเสนอต่าง ๆ เช่น การต่อสู้ การออกแบบฉากคัตซีนระหว่างเกมเพลย์ การปล่อยท่าไม้ตาย และการดีไซน์ด่าน สามารถพรีเซนต์ได้อย่างตรงจุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่แฟน ๆ อยากเห็น ตัวเกมสามารถตอบสนองความต้องการให้พวกเขาได้อย่างไม่ผิดหวัง ไม่ว่าจะการเปลี่ยนบรรยากาศด่านระหว่างการต่อสู้ การใช้พลังซูเปอร์ไซย่า ท่าต่อสู้ และการปฏิสัมพันธ์ระหว่าง 2 ตัวละคร ฯลฯ

Dragon Ball Z Budokai Tenkaichi

สุดท้าย นักสู้แต่ละตัวจะมีความสามารถแตกต่างกัน หรือบางตัวอาจมีวิธีเล่นคล้ายกัน ถึงอย่างนั้น นักสู้เกือบทุกคนล้วนมีสกิล กับแอนิเมชันท่าต่อสู้เป็นของตัวเองที่ช่วยเฉิดฉายเอกลักษณ์ของตัวละคร และเพิ่มความล้ำลึกของระบบการต่อสู้ที่เข้าถึงได้ค่อนข้างง่าย แต่มีเทคนิคที่หลากหลาย ต้องใช้เวลาฝึกฝนเรียนรู้เยอะ เพื่อมีฝีมือการเล่นเกมที่เก่งกาจอย่างแท้จริง

ถึงแม้ Dragon Ball Z: Budokai Tenkaishi มีกระแสตอบรับดีทั้งจากผู้เล่น แฟน ๆ ดั้งเดิม และสื่อรีวิว แต่ซีรีส์เกมดังกล่าวดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากตัวเกมโดนวิจารณ์จากผู้เล่น และสื่อต่าง ๆ นานาว่าตัวเกมขาดนวัตกรรม ขาดฟีเจอร์ที่ช่วยมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ใหม่ แม้ทีมงานพยายามสร้างเกมภาค Spin-Off อย่าง Budokai Tenkaishi Tag Team ในปี 2010 แต่สุดท้าย เกมดังกล่าวก็ยังไม่มีกระแสปังเท่าเกมภาคหลัก และยังโดนวิจารณ์ว่าเป็น ‘เกมเดิม ๆ’ เหมือนภาคก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงอาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกมดังกล่าวมีให้เล่นแค่ 3 ภาค แล้วทีมงานหันไปสร้างเกมใหม่อย่าง Danganronpa แทน

Dragon Ball Z Budokai Tenkaichi

ภาพจากเกม Dragon Ball Z: Budokai Tenkaichi ภาคใหม่ในรอบหลายปี

ถึงแม้เกมอนิเมะแนวต่อสู้อารีน่า เป็นสิ่งสุดท้ายที่แฟน ๆ หลายคนต้องการในตอนนี้ และจะบอกว่า Dragon Ball Z: Budokai Tenkaichi ภาคเก่า ๆ เป็นเกมที่ตกยุคไปแล้วก็ไม่ผิดซะทีเดียว แต่ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าการเปิดตัวภาคใหม่ของ Dragon Ball Z: Budokai Tenkaichi ในรอบ 15 ปีนั้น ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ Dragon Ball เป็นจำนวนมาก แล้วเกมดังกล่าวจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ต้องติดตามข่าวสารกันต่อไป

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top