BY Aisoon Srikum
23 Mar 20 12:14 pm

Apex Legends : เจาะลึกเทคนิคการเล่นอาวุธปืนภายในเกมครบทั้ง 23 กระบอก

726 Views

Apex Legends เป็นเกมแนว Battle Royale ที่ค่อนข้างสนุกตรงที่ไม่ว่าเราจะได้อาวุธอะไร ถ้ามีความสามารถหรือทักษะในการเล่นในระดับหนึ่งแล้ว ก็สามารถยิงสู้กับศัตรูได้ ดังนั้นวันนี้เราจึงพามาเจาะลึกเทคนิคการเล่นอาวุธปืนภายในทุกกระบอก เพื่อเป็นแนวทางพื้นฐานในการใช้ปืนแต่ละกระบอกกันว่าเล่นแบบไหนกันบ้าง

หมวด Assault Rifle

1.VK47 Flatline

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Heavy Ammo (สีเขียว)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 14 / ลำตัว 19 / หัว 38
ดาเมจเมื่อติดตั้ง Anvil Receiver และปรับโหมดยิงทีละนัด : ส่วนขา 39 / ลำตัว 43 / หัว 86
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : Anvil Receiver ปรับโหมดยิงทีละนัด ทำดาเมจได้สูงขึ้น
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Extended Mag (ต่อแม็กเพิ่มกระสุน) , Optic (ลำกล้อง) , Stock (พานท้ายปืน)

เป็นปืน Assault Rifle ที่มีดาเมจสูงเป็นอันดับต้น ๆ ในหมวดหมู่ปืน Assault Rifle ด้วยกัน ด้วยดาเมจสูงถึงนัดละ 20 ถ้าคุมปืนดี ๆ สามารถส่งศัตรูลองไปกองกับพื้นได้ในระยะเวลาไม่นาน ข้อเสียของปืนนี้คือ หากไม่ติดตั้งลำกล้องช่วยเล็ง จะเล็งยิงยากในระดับนึง รวมไปถึงอัตราการลั่นกระสุนที่ค่อนข้างช้า และถ้ายิงในระยะกลางไปจนถึงไกล ปืนจะส่ายมาก อาจจะยากไปสำหรับมือใหม่ แต่ถ้าใครใช้คล่อง ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งปืนที่น่ากลัวมาก เพราะสามารถปรับโหมดเป็นยิงทีละนัด สร้างความเสียหายเพิ่มเติมได้ ถ้ามี Anvil Receiver ทำให้สามารถยิงสู้ในระยะกลางไปจนถึงไกลได้ในระดับนึง ถ้าเราคุมปืนได้ดีพอ

2.R-301 Carbine

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Light Ammo (สีส้ม)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 11 / ลำตัว 14 / หัว 28
ดาเมจเมื่อติดตั้ง Anvil Receiver และปรับโหมดยิงทีละนัด : ส่วนขา 32 / ลำตัว 35 / หัว 70
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : Anvil Receiver ปรับโหมดยิงทีละนัด ทำดาเมจได้สูงขึ้น
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Muzzle (ปากกระบอกปืน) , Extended Mag (ต่อแม็กเพิ่มกระสุน) , Optic (ลำกล้อง) , Stock (พานท้ายปืน)

ปืน Assault Rifle ที่เหมาะสำหรับมือใหม่เป็นอย่างมาก นอกจากจะนิ่งในตัวเองอยู่แล้ว ยังลั่นกระสุนได้ไวมากด้วย จึงเป็นปืนที่เหมาะกับมือใหม่หัดใช้ Assault Rifle ที่สุดแล้ว ความนิ่งของมันแม้จะติดลำกล้องระดับ x2-x4 หรือ x3 ก็ยังยิงตอดศัตรู หรือกดค้างเพื่อสเปรย์ได้อยู่ด้วย มีข้อเสียอย่างเดียวเลยคือหากไม่มีต่อแม็กเพิ่มกระสุน จำนวนกระสุนจะน้อยไปหน่อย (18 นัด) ถ้ามือใหม่กดค้าง และยังไม่ชินมืออาจจะยิงไม่โดนเลยก็เป็นได้ ส่วน Anvil Receiver จะทำหน้าที่ในยิงจู่โจมระยะไกล เหมาะกับการใช้คู่กับลำกล้อง x2-x4 หรือ x3 ตามที่กล่าวไปด้านบนอยู่แล้ว

3.G7 Scout

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Light Ammo (สีส้ม)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 31 / ลำตัว 34 / หัว 68
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : Double Tap Trigger ปรับโหมดยิงเบิลสองนัดติด
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Muzzle (ปากกระบอกปืน) , Extended Mag (ต่อแม็กเพิ่มกระสุน) , Optic (ลำกล้อง) , Stock (พานท้ายปืน)

แรกเริ่มเดิมที ปืนนี้ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่สไนเปอร์ไรเฟิล แต่หลังการอัปเดตเมื่อไม่นานมานี้มันถูกจัดอยู่ในหมวด Assault Rifle แทน ปืนเป็นปืนแบบ Single Shot หรือยิงทีละนัด ทำดาเมจได้สูงถึงนัดละ 34 แรงพอสมควร แต่แลกมากับการยิงที่ยาก ถ้ามีลำกล้องช่วยยิงจะมีประโยชน์มากกว่า แต่พิษสงของมันจะโหดขึ้นเมื่อติดตั้ง Double Tap Trigger ที่สามารถยิงเบิลสองนัดติดได้ ถ้าโดนเข้าล่ะก็ฝั่งศัตรูมีเจ็บจนต้องรีบปั๊มยาแน่ ๆ

4.Hemlok

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Heavy Ammo (สีเขียว)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 17 / ลำตัว 22 / หัว 44
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : –
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Muzzle (ปากกระบอกปืน) , Extended Mag (ต่อแม็กเพิ่มกระสุน) , Optic (ลำกล้อง) , Stock (พานท้ายปืน)

อีกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างดี แต่ต้องฝึกใช้งานกันนิดนึงหากจะใช้เป็นปืนหลัก Hemlok เป็นปืนแบบพิเศษที่จะมีโหมดการยิงแบบ Burst โดยการ ฺBurst ของ Hemlok จะยิงออกไปครั้งละ 3 นัดตลอด แต่แลกกับการดีดของปืนที่น้อยมาก ถ้าได้ของแต่งระดับสูงสีม่วงขึ้นไป ถือเป็นปืนที่ยิงกดได้ค่อนข้างดี และยังสามารถปรับโหมดการยิงเป็นแบบ Single หรือคลิกยิงทีละนัดที่เหมาะกับการใช้เคาะยิงศัตรูในระยะกลางขึ้นไป ถ้าเราเล็งช่วงลำตัวส่วนบนขึ้นไป จะทำให้ปืนดีดโดนหัวได้ง่าย ๆ ใครเล่นเชี่ยว ๆ ปืนนี้ถือว่าโหดพอตัว

5.Havoc

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Energy Ammo (สีเขียวสายฟ้า)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 14 / ลำตัว 18 / หัว 36 / โหมด Selectfire Receiver ขา, ลำตัว 60 / หัว 90
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : Selectfire Receiver
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Optic (ลำกล้อง) , Stock (พานท้ายปืน)

Havoc มีกระสุนต่อแม็กกาซีนเยอะมากโดยมันสูงถึง 32 นัด แถมแรงดีดปืนยังควบคุมได้ค่อนข้างง่าย แต่เพราะข้อดีเหล่านี้เลยมีข้อเสียใหญ่หลวงตรงที่ปืนนี้นั้น เมื่อเราคลิกยิง กระสุนจะไม่ออกจากปืนเลยทันที แต่มันจะชาร์จตัวปืนก่อนประมาณ 0.5 – 1 วินาที แล้วกระสุนถึงจะเริ่มยิง แน่นอนถ้าเราหยุดยิง กดยิงใหม่ มันก็จะต้องชาร์จใหม่ด้วย ดังนั้นถ้าจะเล่นปืนนี้ต้องกะระยะ และเวลาในการบุกยิงศัตรูให้ดี และยังสามารถติดตั้ง Selectfire Receiver ที่สามารถเปลี่ยนจากโหมดยิงรัว เป็นกระสุนพลังงานเลเซอร์ยิงทีละนัดที่สร้างความเสียหายได้สูงมาก เหมาะกับการยิงระยะไกลอีกด้วย แต่ต้องหาลำกล้องระยะไกลมาใช้ ซึ่งติดตั้งได้มากสุดที่ x2-x4 , x3

หมวด Submachine Gun

1.Alternator

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Light Ammo (สีส้ม)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 12 / ลำตัว 15 / หัว 23
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : –
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Muzzle (ปากกระบอกปืน) , Extended Mag (ต่อแม็กเพิ่มกระสุน) , Optic (ลำกล้อง) , Stock (พานท้ายปืน)

แม้จะไม่มี Hop-Up ละลายเกราะแบบตอน Season 2 แล้ว แต่ปืนนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปืนจิ๋วแต่แจ๋ว ด้วยดาเมจสูงถึงนัดละ 15 หน่วย และความนิ่งในระดับเหมาะกับมือใหม่ และเป็นปืนที่หาง่ายมาก และยังติดลำกล้องตรวจจับความร้อนหรือ Digital Threat ได้อีก ข้อเสียเดียวของปืนนี้คือ กระสุนต่อแม็กกาซีนน้อย และ Firerate ที่ต่ำมาก เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเล่นเก็บประสบการณ์ยิง เพราะส่วนมากคนจะเลือกเล่น R-99 กันมากกว่า

2.Prowler

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Heavy Ammo (สีเขียว)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 12 / ลำตัว 15 / หัว 23
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : Selectfire Receiver
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Extended Mag (ต่อแม็กเพิ่มกระสุน) , Optic (ลำกล้อง) , Stock (พานท้ายปืน)

เป็นอีกปืนที่มีความสามารถในการยิงแบบ Burst แต่ปืนนี้จะพิเศษตรง Burst ถึงทีละ 5 นัดเลยทีเดียว ในช่วงแรกที่โดดลงถึงพื้นแล้วได้ปืนนี้ พยายามเอาให้ชัวร์ก่อนแล้วค่อยยิง เพราะการยิงทีละ 5 นัด ปืนนี้จะมีกระสุนในแม็กกาซีน 20 นัด (กรณีไม่มีต่อแม็ก) ทำให้ยิงได้เพียง 4 ครั้ง ถ้าเอาศัตรูไม่ลงจนต้องรีโหลดกระสุน เราอาจจะเป็นฝ่ายตายเอาซะเอง แต่ปืนนี้สามารถติดตั้ง Selectfire Receiver เพื่อปรับโหมดเป็น Full-Auto ยิงรัวได้ ซึ่งความนิ่งของมันไม่เป็นรองใคร และต่อกรกับ R-99 ได้ในระดับสูสีกันเลยทีเดียว

3.R-99

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Light Ammo (สีส้ม)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 9 / ลำตัว 11 / หัว 17
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : –
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Muzzle (ปากกระบอกปืน) , Extended Mag (ต่อแม็กเพิ่มกระสุน) , Optic (ลำกล้อง) , Stock (พานท้ายปืน)

ปืนกลเบาที่เป็นที่นิยมที่สุดตลอดมานับตั้งแต่เกมเปิดให้บริการ ด้วยความสามารถด้าน Firerate ที่สูงมาก แม้จะทำดาเมจได้น้อย แต่ความเร็วของมันนี่ล่ะคือจุดเด่น ยิ่งต่อแม็กกระสุนเพิ่มได้ในระดับสีฟ้าขึ้นไป ก็ถือว่ารูดกันมันส์มือเลยทีเดียว แต่ข้อดีของมันก็คือดาบสองคม R-99 เป็นปืนที่ต้องฝึกเล่นกันจนกว่าจะชำนาญเลยทีเดียว เพราะมันลั่นกระสุนเร็ว หากมือใหม่ที่ยังคุมปืนไม่คล่องก็จะเล่นลำบากมาก กดแปป ๆ กระสุนหมด แถมยิงไม่โดนอีกต่างหาก แต่ถ้าอยากโหดยังไงก็ต้องปืนนี้ล่ะครับ ฝึกกันเข้าไปจนกว่าจะคล่อง

หมวด Light Machine Gun

1.Devotion

ประเภทกระสุนที่ใช้ : – (ปืนพิเศษจาก Air Drop มีกระสุนจำกัด หาเพิ่มไม่ได้)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 13 / ลำตัว 17 / หัว 34
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : –
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : –

เดิมทีปืนนี้เคยเป็ฯปืนที่หาได้ทั่วไปตามฉาก แต่ใน Season 4 Devotion กลายเป็นปืนทองที่หาได้จาก Airdrop เท่านั้น แน่นอนว่าประสิทธิภาพของมันก็ดีขึ้นมาก เริ่มจากดาเมจที่สูงในระดับต้น ๆ และอัตราการยิงที่สูงลิบลิ่ว ทำให้มันกลายเป็นปืนคุณภาพสูงขึ้นมาทันที แต่แลกมากับการหายากของมัน เพราะปืนทองใน Air Drop มีมากถึง 3 กระบอก ก็ไม่ใช่ว่าจะออกมาเป็น Devotion ทุกรอบ แต่ถ้าหากคุณได้ลองหามาใช้แล้ว รับรองว่าจะติดใจในประสิทธิภาพของมันแน่นอน

2.M-600 Spitfire

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Heavy Ammo (สีเขียว)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 14 / ลำตัว 18 / หัว 36
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ :
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Muzzle (ปากกระบอกปืน) , Extended Mag (ต่อแม็กเพิ่มกระสุน) , Optic (ลำกล้อง) , Stock (พานท้ายปืน)

Spitfire หรือฉายาปืนกลแรมโบ้กระบอกนี้ มีจุดเด่นอยู่ตรงจำนวนกระสุนในแม็กกาซีนที่สูงมาก มีประโยชน์อย่างยิ่งในการยิงกดข่มศัตรูให้โงหัวไม่ขึ้น แต่แลกมากับดาเมจในระดับปานกลางและ Firerate ที่ไม่ค่อยสูงนัก ปกติไม่ค่อยมีคนใช้ปืนนี้เป็ฯปืนหลักสักเท่าไร แต่ถ้าได้มาในช่วงต้นเกมก็จะมีประโยชน์ในการยิงต่อสู้กับศัตรูแน่นอน ดีกว่าไม่มีเลย และยิ่งเราหาต่อแม็กกาซีนมาใช้ได้ ปืนนี้จะมีจำนวนกระสุนเยอะแทบจะที่สุดในเกมเลยทีเดียว หากไม่นับ L-STAR ที่ยิงโดยไม่ต้องรีโหลดแต่ใช้ระบบความร้อนแทน

3.L-STAR

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Energy Ammo (สีเขียวสายฟ้า)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 14 / ลำตัว 18 / หัว 36
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : –
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Optic (ลำกล้อง) , Stock (พานท้ายปืน)

ปืนที่ตอนแรกเป็นปืนสีทองอยู่ในน Air Drop แต่ใน Season 4 นำออกมาเป็นปืนปกติที่หาได้ตามปกติ ข้อดีของมันคือ Firerate ที่สูงไม่แพ้ปืนกระบอกอื่น และทำดาเมจได้สูงถึงนัดละ 18 หน่วย ทำให้มันรีดดาเมจออกมาได้สูงมากในเวลาอันสั้น และปืนนี้สามารถยิงได้รัว ๆ โดยไม่ต้องรีโหลด หากคุณไม่ได้ยิงจนความร้อนปืนเกินพิกัด  คุณสามารถสเปรย์ยิงได้เรื่อย ๆ โดยไม่ต้องรีโหลด แต่ถ้ากดค้างจนปืนร้อน คุณจะยิงได้ 25 นัดติด ซึ่งทำดาเมจได้สูงสูดถึง 450 หน่วย ถ้ายิงโดนทุกนัด ส่วนข้อเสียคือ กระสุนของปืนนี้มันเป็นลูกพลังงานกลม ๆ ทำให้คาดเดาวิถีกระสุนได้ยากมาก แถมผู้เล่นบางคนอาจไม่ชอบแสงกระสุนที่บังวิสัยทัศน์ตอนยิงอีกด้วย

หมวด Sniper Rifle

1.Longbow

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Sniper Ammo (สีม่วง)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 44 / ลำตัว 55 / หัว 118
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : –
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Muzzle (ปากกระบอกปืน) , Extended Mag (ต่อแม็กเพิ่มกระสุน) , Optic (ลำกล้อง) , Stock (พานท้ายปืน)

ปืนสไนเปอร์ไรเฟิลยอดนิยมประจำเกม เพราะความสามารถในการยิงได้เรื่อย ๆ แม้จะไม่รัว แต่ดาเมจต่อนัดที่สูงมาก และถ้ายิงจนคล่องก็ทำดาเมจได้จำนวนมหาศาลจากระยะไกล ถือเป็นปืนสไนเปอร์ที่ควรฝึกเล่นไว้ และหากในทีมจะมีตำแหน่งพลซุ่มยิง ปืนที่เหมาะที่สุดก็เห็นจะเป็น Longbow นี่แหละ ช้อเสียหาแทบไม่มี เพราะเหมือนจะเป็นมาตรฐานของปืนสไนเปอร์ไรเฟิลเลยทีเดียว สมดุล บาลานซ์ที่สุดแล้ว

2.KRABER

ประเภทกระสุนที่ใช้ : – (ปืนพิเศษจาก Air Drop มีกระสุนจำกัด หาเพิ่มไม่ได้)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 116 / ลำตัว 145 / หัว 297
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : –
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : –

ปืนสไนเปอร์ที่มีดาเมจได้สูงที่สุดในเกม และเป็น 1 ใน 3 ปืนทองจาก Air Drop ด้วย ตัวปืนติดลำกล้องแบบ x8-x10 ซูมได้สองระยะ ซึ่งเป็นระยะที่ไกลมากทั้งสองระดับ ทำให้เป็นปืนสไนเปอร์ที่มีระยะหวังผลไกลที่สุดในเกมนี้ แต่ข้อเสียของมันก็มี เพราะลำกล้องของมันทำให้การเล่นค่อนข้างจำกัด ถ้าวงบีบไปอยู่ในช่วงรอบสุดท้าย ระยะของมันจะไกลเกินไปจนเล่นลำบาก เพราะอาจจะโดนพวกสายปืนกลบุกมาถึงตัวก่อนนั่นเอง แต่ด้วยระยะลำกล้องขนาดนี้ ทำให้มือใหม่ไม่เหมาะกับการเล่นสักเท่าไร แต่ถ้าใครใช้เป็นแล้วล่ะก็ นี่คือสไนเปอร์ที่ทำความเสียหายได้สูงจนน่าสะพรึงกลัวเลยทีเดียว

3.Triple Take

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Sniper Ammo (สีม่วง)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 63 / ลำตัว 69 / หัว 92
ดาเมจต่อนัดกรณีติดตั้ง Precision Choke : ไม่ต่างกัน แต่กระสุนจะเปลี่ยนจากเส้นหน้ากระดานเป็นจุดเดียวเส้นตรง
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : Precision Choke
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Extended Mag (ต่อแม็กเพิ่มกระสุน) , Optic (ลำกล้อง) , Stock (พานท้ายปืน)

ปืนสไนเปอร์ไรเฟิลที่โดนเมินบ่อยที่สุด เพราะรูปแบบการยิงแบบกระสุนเป็นเส้นหน้ากระดานสามนัด แม้ว่าจะทำให้โดนศัตรูง่ายขึ้น แต่ดาเมจที่ได้กลับลดลงไปหากกระสุนไม่โดนทั้งสามนัด ไม่สมกับเป็นสไนเปอร์ไรเฟิลเอาเสียเลย และถึงแม้จะติด Hop-Up อย่าง Precision Choke ได้ แต่การจะชาร์จพลังงานเพื่อยิงก็ใช้เวลาพอสมควร สรุปคือเป็นปืนที่ดี แต่หาปืนอื่นมาใช้ถ้าได้ จะดีกว่า

4.Charge Rifle

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Sniper Ammo (สีม่วง)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 90 / ลำตัว 90 / หัว 118
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ :
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Optic (ลำกล้อง) , Stock (พานท้ายปืน)

ปืนสไนเปอร์ไรเฟิลตัวใหม่ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาตอน Season 3 จุดเด่นของสไนเปอร์ไรเฟิลตัวนี้คือมันไม่มีแรงดีดเลย ทำให้มันยิงง่ายมาก ขอแค่เราต้องลากเมาส์ตามศัตรูให้ทันเท่านั้น เมื่อเราคลิกยิง เลเซอร์จะจี้ไปที่ตัวศัตรูและทำดาเมจแรงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความที่ไม่มีแรงดีดปืนเลย ทำให้เป็นปืนสไนเปอร์ที่ยิงง่ายพอสมควร แต่เราต้องมานั่งศึกษาการทำงานของปืน และยิงให้คล่องก่อน รับรองว่าเป็นสไนเปอร์อีกกระบอกที่ร้ายกาจมาก

5.Sentinel

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Sniper Ammo (สีม่วง)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 63 / ลำตัว 70 / หัว 140
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : ใช้ Shield Battery เปลี่ยนกระสุนเป็นกระสุนพลังงานละลายเกราะ
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Extended Mag (ต่อแม็กเพิ่มกระสุน) , Optic (ลำกล้อง) , Stock (พานท้ายปืน)

หาก Charge Rifle ว่าใหม่แล้ว Sentinel เป็นสไนเปอร์ตัวใหม่กว่าที่เพิ่งอัปเดตเข้ามาตอน Season 4 เป็นสไนเปอร์แบบยิงแล้วชักลูกกระสุนเพื่อยิงต่อ และทำดาเมจได้สูงมากเช่นกัน และยังมีลูกเล่นตรงที่สามารถใช้ไอเทม Shield Battery เพื่อเติมพลังงานให้กระสุนปืน เมื่อยิงศัตรูที่สวมใส่เกราะอยู่จะทำดาเมจได้สูงขึ้น ชนิดละลายเกราะระดับสูงได้ในกระสุนนัดเดียว เป็นปืนที่ผลาญไอเทมเติมพลังของฝั่งตรงข้ามได้อย่างยอดเยี่ยม แต่คนใช้งานก็ต้องมีฝีมือที่เยี่ยมยอดเช่นกัน เพราะการยิงแล้วชักลูกกระสุน ทำให้เสียเวลาพอสมควร

หมวดหมู่ Shotgun

1.EVA-8 Auto

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Shotgun Ammo (สีแดง)
ดาเมจต่อนัด : เป็นแบบลูกปราย นัดละ 7 ดาเมจ ขึ้นอยู๋กับว่ายิงโดนศัตรูเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ สูงสุด ลำตัว 63 / หัว 88
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : Double Tap Trigger ปรับโหมดยิงเบิลสองนัดติด
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Shotgun Bolt (ยิงได้ต่อเนื่องขึ้น) , Optic (ลำกล้อง)

ปืนลูกซองประเภทยิงต่อเนื่องหรือ Automatic Shotgun ความแรงในการยิงระยะประชิดอยู่ในระดับพอใช้ได้ เพราะบรรจุกระสุนได้มาก และการกระจายตัวค่อนข้างกว้าง เป็นปืนเหมาะกับการใช้งานในช่วงต้นเกมมากกว่า เพราะไม่มีอุปกรณ์เสริมติดตั้งเพิ่ม เลยทำให้มันด้อยกว่าปืนลูกซองด้วยกันอยู่มาก (ยกเว้น Mozambique) นั่นล่ะนะ ส่วนตัวเหมาะกับมือใหม่หรือลงมาแล้วไม่มีปืนอะไรใช้เลย มี EVA-8 ติดมือไว้ก็ไม่เลวเหมือนกัน เจอปืนที่ดีกว่าค่อยเปลี่ยน

2.Mastiff

ประเภทกระสุนที่ใช้ : – (ปืนพิเศษจาก Air Drop มีกระสุนจำกัด หาเพิ่มไม่ได้)
ดาเมจต่อนัด : แบบลูกปราย ขึ้นอยู่กับว่ายิงโดนเต็มเม็ดเต็มหน่วยแค่ไหนสูงสุดที่ลำตัว 144 / หัว 216
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : –
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : –

หนึ่งในสามปืนสีทองจาก Air Drop กระบอกนี้เป็น Shotgun ที่ประสิทธิภาพทำดาเมจสูงที่สุดในเกมเช่นกัน ด้วยดาเมจถึง 145 หากยิงโดนตัวเต็ม ๆ สามารถส่งศัตรูลองไปกองกับพื้นได้ในนัดเดียว (ต้องระยะประชิดจริง ๆ) ข้อเสียของมันก็เหมือนปืนทองทั่วไป คือหาโอกาสและสถานการณ์ใช้ได้ยากมาก เพราะไม่รู้ว่าวงสุดท้ายจะถูกบีบไปยังสถานที่เปิดกว้าง หรือที่แคบ หากจะหยิบมาใช้ก็แล้วแต่บุญแต่กรรม แต่เรื่องความแรงและประสิทธิภาพ ก็คือสมกับเป็นปืนจาก Air Drop แน่นอน

3.Peacekeeper

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Shotgun Ammo (สีแดง)
ดาเมจต่อนัด : แบบลูกปราย ขึ้นอยู่กับว่ายิงโดนเต็มเม็ดเต็มหน่วยแค่ไหนสูงสุดที่ลำตัว 110 / หัว 143
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : Precision Choke
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Shotgun Bolt (ยิงได้ต่อเนื่องขึ้น) , Optic (ลำกล้อง)

ปืนลูกซองฮอตฮิตประจำเกม ที่มาพร้อมดาเมจสุดเวอร์วัง (ถ้ายิงโดน) และมาพร้อมกับการติดตั้ง Hop-Up อย่าง Precision Choke ที่ทำให้ลูกซองกระบอกนี้สามารถชาร์จยิงได้แบบปืนไรเฟิลอีกต่างหาก แถมระยะหวังผลก็ไกลพอตัวเลย นี่คือปืนลูกซองที่เหล่าผู้เล่นระดับโปรจะฝึกใช้งานจนคล่อง และไปไล่กดตูมใส่ศัตรู เพราะดาเมจที่หวังผลได้ชัวร์ และการเปลี่ยนรูปแบบไปใช้แบบชาร์จยิง ทำให้มันพลิกแพลงการเล่นได้หลากหลายแม้จะเป็นปืนลูกซอง หากคุณเป็นผู้เล่น Apex Legends ต้องไม่พลาดที่จะมาฝึกใช้ปืนนี้กัน

4.Mozambique

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Shotgun Ammo (สีแดง)
ดาเมจต่อนัด : กระสุนเป็นแบบสามเหลี่ยม สามลูก ลูกละ 15 ถ้าโดนเต็มสามลูก 45 หน่วย
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : Hammerpoint
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Shotgun Bolt (ยิงได้ต่อเนื่องขึ้น) , Optic (ลำกล้อง)

ปืนที่ถูกรังเกียจเดียดฉันท์มากที่สุดในเกมตอนนี้ แม้ใน Season 2 จะถูกเพิ่มให้ติดตั้ง Hop-Up เข้าไปได้ แต่มันก็ยังไม่ดีพออยู่ดี และจริง ๆ มันควรจะจัดอยู่ในหมวดปืนพกด้วยซ้ำ ไม่ใ่ชปืนลูกซอง สำหรับโมแซมบิค จะมีวิถีกระสุนที่อินดี้กว่าชาวบ้านเขา ด้วยการยิงแบบสามเหลี่ยม ทำให้มันยิงโดนศัตรูยากมาก แถมกระสุนที่ให้มาแค่ 3 นัด รวมไปถึง Hop-Up อย่าง Hammerpoint ก็ไม่อาจกลบจุดด้อยมันได้ จนหลายคนลงความเห็นว่า ถ้าจะใช้ปืนนี้ยิง วิ่งเข้าไปต่อยเลยยังน่าจะดูดีมีโอกาสชนะมากกว่า

หมวด Pistol

1.P2020

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Heavy Ammo (สีเขียว)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 12 / ลำตัว 13 / หัว 20
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : Hammerpoint
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Extended Mag (ต่อแม็กเพิ่มกระสุน) , Optic (ลำกล้อง)

ปืนพกที่ใช้งานง่ายที่สุด ครบเครื่องมาตรฐาน ยิงง่าย รีโหลดเร็ว แต่แลกมากับดาเมจที่น้อยนิด แต่ปืนนี้จะโหดขึ้นมาทันทีถ้าติดตั้ง Hop-Up Hammerpoint มันจะกลายเป็นโหดอีกปืน เพราะผลของมันจะสามารถยิงใส่ศัตรูที่ไม่มีเกราะ หรือเกราะแตกได้แรงขึ้น และเพราะมันยิงง่าย ยิงเร็วนี่ล่ะ เลยส่งศัตรูลงไปนอนวัดพื้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าไม่มี Hop-Up ก็จะเหนื่อยหน่อยเพราะดาเมจปืนที่เบานั่นเอง หรือถ้าเอาไปยิงใส่ศัตรูมีเกราะก็ไม่ต่างกันด้วย ดังนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของคนเล่นด้วย

2.RE-45

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Heavy Ammo (สีเขียว)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 10 / ลำตัว 11 / หัว 27
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : –
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Muzzle (ปากกระบอกปืน) , Extended Mag (ต่อแม็กเพิ่มกระสุน) , Optic (ลำกล้อง)

ปืนกระบอกนี้หากแต่งจนครบ มันจะมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับปืน SMG อย่าง R-99 แบบทดแทนกันได้เลยทีเดียว ข้อแตกต่างคืออัตราการลั่นกระสุนน้อยกว่า R-99 เพียงเท่านั้น ดังนั้นนี่เป็นอีกหนึ่งปืนแนะนำ หากคุณยังรูด R-99 ได้ไม่คมพอ ก็ลองมาฝึกกับปืนที่ลั่นช้ากว่าอย่าง RE-45 ก็ได้ เพราะจากการทดสอบวัดดาเมจแล้ว แทบไม่ต่างกันเลยจริง ๆ แต่เราอาจจะต้องหาไอเทมต่อแม็กกาซีนมาใช้ เพราะจำนวนกระสุนมาตรฐานนั้นน้อยกว่า R-99

3.Wingman

ประเภทกระสุนที่ใช้ : Heavy Ammo (สีเขียว)
ดาเมจต่อนัด : ส่วนขา 41 / ลำตัว 45 / หัว 94
Hop-Up ที่ติดตั้งได้ : –
อุปกรณ์แต่งปืนที่ติดตั้งได้ : Extended Mag (ต่อแม็กเพิ่มกระสุน) , Optic (ลำกล้อง)

ปืนพกที่ความสามารถคล้ายกับปืนแม็กนั่ม ด้วยพลังทำลายล้างสูงมากจนปืนไรเฟิลบางกระบอกยังต้องอาย ด้วยดาเมจสูงถึงนัดละ 45 หน่วย แต่แลกมากับการที่มันยิงยากมาก เพราะเส้นกระสุนค่อนข้างเป็นเส้นตรงและเล็กมาก ทำให้เป็นปืนที่แรง แต่ยิงยาก และเป็นอีกหนึ่งปืนที่แฟนเกมชอบหยิบมาเล่นคู่กับ Peacekeeper เพื่อพลังทำลายล้างขั้นสูงสุด แต่จะคล่องเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของตัวคนเล่นแล้ว

SHARE

Aisoon Srikum

Back to top