BY StolenHeart
22 Jan 19 5:57 pm

ไขข้อข้องใจ เกมดีต้องยาวหรือไม่?

6 Views

ทุกวันนี้สื่อวิดีโอเกมมีทางเลือกให้แก่ผู้เล่นมากมายแยกไปตามความชอบของแต่ละคน ไม่ว่าจะแนวไหนก็ตาม จะเกมที่เล่นจบเป็นรอบไปหรือเสพเนื้อเรื่องดื่มด่ำบรรยากาศเกมก็มีให้เลือกเล่นมากมาย และยิ่งโดยเฉพาะเกมใหม่ ๆ ที่มีเนื้อหาอัดแน่น หลายคนก็มักจะคาดหวังให้เกมมีความยาวของเกมมากตามไปด้วย แต่มันควรยาวแค่ไหนกันล่ะ วันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน

เกริ่นก่อนนิดหนึ่งว่า ที่มาของบทความนี้นั้นมาจากหลาย ๆ ความเห็นที่พูดกันว่า ความยาวของเกม Resident Evil 2 ที่กำลังจะออกนั้นสั้นไป โดยใช้เวลาในการเล่นตกอยู่ราว ๆ ตัวละครละ 10 ชั่วโมง อาจมีลดหลั่นมากน้อยไปกว่านั้นขึ้นอยู่กับความชินและโหมดที่เลือก ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วสำหรับผู้เขียนเองก็คือว่านี่คือความยาวที่ค่อนข้างพอเหมาะพอดีอยู่แล้วสำหรับเกมแนว Survival Horror ซึ่งในขณะเดียวกันก็มีหลายคนที่คิดว่า ความยาว 10 ชั่วโมงต่อการเล่นหนึ่งตัวละครนี้ ”สั้นเกินไป” และอยากให้มีความยาวที่มากกว่านี้เสียหน่อย

Resident Evil 2 Remake จะมีความยาวในเนื้อเรื่องของแต่ละตัวละครอยู่ที่ 10 ชั่วโมง ยาวกว่าเวอร์ชั่นเก่าพอสมควร

อันที่จริงประเด็นเรื่องของเวลาในการเล่นเกมจนจบนั้นไม่ใช่ว่าเพิ่งจะเกิดขึ้นในวงการเกม เรื่องนี้เป็นประเด็นเสมอทุกครั้งที่เวลาที่การสัมภาษณ์ผู้พัฒนาเกี่ยวกับความยาวของเกมที่สร้างเอาไว้ และก็ต้องมีแฟนเกมออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาอย่างมากมาย โดยอาจจะเปรียบเทียบกับเกมแนวเดียวกัน เกมภาคก่อนหน้า หรือผลงานก่อนหน้าของทางทีมพัฒนาว่าเกมที่เคยพัฒนากันมาก่อนนั้นสั้นยาวแค่ไหน ถ้าสั้นไปเราก็อาจจะได้เห็นแฟนเกมโวยวายกันไปตามวาระและฝีปากของผู้ที่เปิดประเด็นเป็นปกติ​

ขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นสักหน่อย​ เช่นการสร้างเกมภาคต่อหรือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นไปในอีกแนวทางหนึ่งที่ใช้เวลาในการดื่มด่ำมากกว่าเดิม​ อย่างในซีรีส์​ Resident​ Evil​ ที่ปรับเปลี่ยนการนำเสนอ​ ระบบการเล่นและอื่น​ ๆ​ ให้มีความแปลกใหม่และอัดเนื้อหาเข้ามากขึ้นในเกมภาคที่สี่​ ทำให้ความยาวของเกมยาวตามไปด้วย​ และมันก็ทำออกมาได้ดีอย่างคาดไม่ถึงแม้เกมจะมีความยาวกว่าในภาคที่ผ่านมาก็ตาม​ และตัวอย่างของการปรับความยาวเกมให้สั้นลงแต่ดีขึ้นก็มีเช่นกัน​ อย่าง​ The Evil​ Within ที่ในภาคสองปรับระบบการเล่นและลดความยืดยาดหลายอย่างลงจนทำให้ตัวเกมเล่นได้สนุกขึ้น​ และใช้เวลาในการเล่นเฉลี่ยน้อยลงกว่าภาคที่แล้วด้วย

แต่สิ่งที่มักจะเห็นกันเป็นปกติและอาจจะดูพิลึกก็คือการเปรียบเทียบความยาวของเกมแนวหนึ่งด้วยเกมอีกแนวหนึ่ง การเปรียบเทียบในลักษณะนี้เรามักจะพบเห็นกันได้บ่อย ๆ เมื่อมีเกมแนว FPS เกมหนึ่งที่โคตรน่าเล่นเปิดตัวออกมา และทางผู้พัฒนาก็ได้เปิดเผยถึงเวลาในการเล่นจบแบบคร่าว ๆ สมมติว่าสัก 7 ชั่วโมง เป็นเกมเดินหน้ายิงแบบผ่านด่านไปเรื่อย ๆ เน้นฉากบู๊ดุเดือดถึงใจ ก็อาจจะมีบางคนที่ออกมาบอกว่า “โห ทำไมสั้นจัง เกม XXX ที่ออกมาก่อนยังยาวตั้ง 40 ชั่วโมงเลย” และเจ้าเกม XXX ที่ว่านั้นเป็นเกมแนว Open World เปิดกว้างให้ผู้เล่นทำภารกิจได้หลากหลายแนวทาง มีเควสย่อยเควสหลัก เนื้อหาแน่นปั้ก แต่มันเป็นเกมที่มีการนำเสนอคนละแบบกัน เกมที่เป็นหัวข้อนั้นคือเกมแนว FPS ตะลุยด่านที่เน้นการนำเสนอฉากบู๊ดุเดือด แต่อีกเกมหนึ่งเป็นเกมโลกเปิดเน้นอิสระนะ

ลองจินตนาการว่า Call of Duty เป็นเกมเดินลุยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ประมาณ 30 ชั่วโมง มันจะยังคงความระทึกไว้ได้ตลอดทั้งเกมหรือไม่?

แค่นี้เราก็เห็นความแตกต่างแล้ว ว่ามันเป็นเกมคนละแนวเลย และการที่เอาเกมสองเกมที่เป็นคนละแนวมาเทียบกันนั้นก็ดูฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ จริงอยู่ที่เกมแนว Open World หรือ RPG ออนไลน์ที่เปิดให้ผู้เล่นออกสำรวจอย่างอิสระนั้นมีมากมายและได้รับความนิยมสูงทั้งแบบออฟไลน์ออนไลน์  แต่มันถูกต้องแล้วหรือที่จะเอาเกมแนวอื่น ๆ ไปเทียบกับแนวที่มีความยาวของเกมเยอะตามปกติอยู่แล้วล่ะ?

สิ่งที่ผู้เขียนอยากให้ทุกคนลองกลับไปพิจารณาดูเกี่ยวกับประเด็นนี้ก็คือ การพิจารณาจากแนวเกมนั้น ๆ เสียก่อน ว่าโดยธรรมชาติแล้ว เกมแนวนั้น ๆ มีความยาวในการเล่นจบเฉลี่ยที่ประมาณเท่าไหร่ ถ้าเป็นเกมเดินหน้ายิงแบบลุยผ่านเป็นด่าน ๆ ไป โดยปกติพวกนี้ก็จะมีความยาวไม่มากนักที่ประมาณไม่เกิน 10 ชั่วโมงในการเคลียร์เนื้อเรื่องหลัก แต่ถ้าเป็นเกมแนว RPG อันนี้ก็ค่อนข้างกว้างเหมือนกัน เพราะเกม RPG บางเกมก็สามารถเล่นจบได้ภายในไม่เกิน 10 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นเกม Open World มีเควสย่อย ๆ ให้ทำเพียบ อันนี้ก็อาจจะถึง 100 ชั่วโมงได้เหมือนกัน เช่น The Witcher 3: Wild Hunt เป็นต้น

แม้จะยาวกว่าร้อยชั่วโมง แต่ The Witcher 3 ก็ยังนำเสนอเนื้อหาได้อย่างน่าติดตามไปจนจบเกม

อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนก็น่าจะเข้าใจในเรื่องของการพิจารณาความสั้นยาวของเกมแนวต่าง ๆ ขึ้นมากันบ้างแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนอยากให้ลองพิจารณาดูก็คือเรื่องของความคุ้มค่า บางทีการดูแค่ความยาวของเกมที่จะเล่นจบต่อรอบนั้นอาจจะไม่ครอบคลุมเท่าไหร่นัก ถ้าหากจะเอาเรื่องนี้มาคุยกันต่อว่าคุ้มหรือเปล่าตรงนี้ก็ต้องดูว่าเกมนำเสนอสิ่งที่ถูกใจผู้เล่นหรือไม่ การนำเสนอมีความยาวเหมาะสมกับเกม ไม่ยืดเยื้อจนน่ารำคาญหรือสั้นเกินไปจนจับต้นชนปลายไม่ถูกหรือเปล่า ซึ่งถ้ายาวยืดยาดแบบบังคับให้ผู้เล่นต้องฟาร์มเลเวลเก็บของจนหลับ​ หรือใส่คัตซีนแทรกเข้ามาจนเกร่อ​ กลายเป็นการลดทอนความดีงามของมันลงไป​ แบบนี้จะเรียกได้ว่าคุ้มค่าเกมก็ได้ไม่เต็มปากนัก หรือถ้าสั้นจนกลวงโบ๋แบบเล่นไปแค่สามฉากแบบง่าย​ ๆ​ แล้วจบเกมแบบนี้ก็ไม่ไหว​ และมีให้เห็นอยู่บ่อย​ ๆ​ เสียด้วย

สรุปกันตรงนี้แบบชัด ๆ ให้เข้าใจตรงกันก็คือ ความยาวของเกมนั้นไม่สัมพันธ์กับคุณภาพของเกมเสมอไป เกมที่ดีไม่จำเป็นต้องสั้นมากหรือยาวมาก ๆ ก็ได้ ถ้าหากองค์ประกอบของมันถูกร้อยเรียงและนำเสนอออกมาได้ยอดเยี่ยมสมบรูณ์ ไม่ว่ามันจะสั้นแค่ครึ่งชั่วโมง หรือยาวระดับเลขสามหลัก ยังไงเกมดีมันก็คือเกมดีอยู่วันยันค่ำ​ และต้องไม่พยายามเปรียบเทียบเกมคนละแนวกัน​ เพราะมันจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ที่ควรค่าแก่การนำมาถกเถียงกันว่าเกมนั้นคุ้มค่าหรือไม่อย่างไร​ การจำกัดกรอบให้อยู่ในเงื่อนไขที่ตรงกันจะช่วยให้เราสามารถพูดคุยได้ตรงจุดมากกว่าครับ

SHARE

Putinart Wongprajan

เค้ก - Content Writer

Back to top