BY KKMTC
4 Jan 23 8:36 pm

เบื้องหลัง Bully 2 ที่ถูกแช่แข็งจน (อาจจะ) ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง

195 Views

หากพูดถึงเกม Open-World ภาคต่อที่หลายคนรอคอยนอกจาก GTA คงไม่มีทางหนีพ้น Bully เกมแอ็กชันเปิดโลกกว้าง ที่ได้รับฉายาจากชาวไทยว่า “GTA เวอร์ชันเด็กเกรียน” แม้เกมดังกล่าวยังไม่มีการประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่มีครั้งหนึ่ง อดีตทีมพัฒนาเกมได้ออกเผยรายละเอียดเกี่ยวกับภาคต่อของเกม Bully แล้วเกมดังกล่าวเป็นอย่างไร บทความนี้จะเป็นโชว์เบื้องหลังของ Bully 2 ที่ถูกแช่แข็งจน (อาจจะ) ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง

Bully หนึ่งในเกมทองคำจากค่าย Rockstar Games

Bully

หากพูดถึงเกมเด่นเกมดังของค่าย Rockstar Games ที่นอกเหนือจากไตเติล Grand Theft Auto หรือ Red Dead Redemption บางคนอาจจะนึกถึง Midnight Club เกมแข่งรถสไตล์อาร์เคดที่ทั้งขับมัน และแต่งรถได้ค่อนข้างจัดเต็ม, เกมลอบเร้นเนื้อเรื่องดิบเถื่อน ที่กลายเป็นกระแสถกเถียงไปทั่วโลกอย่าง Manhunt หรือเกมตีปิงปอง ซึ่งเป็น Tech Demo อวดโฉมประสิทธิภาพของ RAGE Engine อย่าง Rockstar Games Presents Table Tennis

แต่แน่นอน มีเกมหนึ่งจากค่าย Rockstar Games ที่หลายคนคาดหวังอยากให้มีภาคต่อ ซึ่งเกมนั้นก็คือ Bully เกมแอ็กชันที่ได้รับฉายาว่าเป็น “GTA เวอร์ชันเด็กเกรียน”

Bully คือเกม Open-World ที่ผู้เล่นรับบทเป็น Jimmy Hopkins เด็กเกเรที่ถูกย้ายเข้ามาที่โรงเรียน Bullworth Academy ซึ่งเต็มไปกลุ่มนักเรียนกับครูบาอาจารย์ที่มีปัญหา เป้าหมายของ Jimmy ก็คือต้องเอาตัวรอดในโรงเรียนแห่งนี้ และหยุดการกลั่นแกล้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่ถูกฝังในโรงเรียนนี้มานาน

Bully

แม้ Bully ถูกวิจารณ์จากผู้ปกครองหลายคนว่า เนื้อหาเกมส่งเสริมให้ผู้เล่นเกิดพฤติกรรมเลียนแบบให้อยากกลั่นแกล้งคนในชีวิตจริง แต่เกมดังกล่าวก็ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ด้วยระบบเกมเพลย์สนุกสนาน ตัวละครน่าจดจำ และมีการเล่าเรื่องดีเด่น

ถึง Bully จะประสบความสำเร็จในด้านเสียงวิจารณ์ และแฟน ๆ หลายคนต้องการเกมภาค 2 เป็นจำนวนมาก แต่จนถึงทุกวันนี้ Rockstar Games ก็ยังไม่มีการประกาศพัฒนาเกมภาค 2 อย่างเป็นทางการ

เผยเบื้องหลังของ Bully เกมภาคต่อที่หลายคนรอคอย ?

Bully

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นปี 2022 ที่ผ่านมา สื่อ Game Informer ได้สัมภาษณ์กับอดีตพนักงาน Rockstar New England Studio จำนวน 5 คน ซึ่งมีการเผยรายละเอียดเบื้องหลังของเกม Bully 2 ภาคต่อเกมเด็กดื้อที่เชื่อว่าโดนแช่แข็งการพัฒนา และไม่มีทางเกิดขึ้นอีกนาน

อ้างอิงจากพนักงานที่ให้สัมภาษณ์กับ Game Informer ในปี 2008 ทีมงาน Rockstar Games ได้เข้าซื้อทีมงาน Mad Doc Software แล้วรีแบรนด์ชื่อบริษัทใหม่เป็น Rockstar New England ซึ่ง Mad Doc Software เป็นทีมงานเดียวกับผู้สร้างเกม Bully: Scholarship Edition หรือเกม Bully ฉบับ Remastered ที่มีการขยายคอนเทนต์ให้กว้างมากขึ้น

Rockstar New England

หลังจาก Mad Doc Software ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Rockstar New England ทีมงานก็เริ่มทำหน้าที่พัฒนาหลายโปรเจกต์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการช่วยเหลือสร้างเกมอื่น ๆ ของ Rockstar Games อย่างเช่น เนื้อหาเสริมของ GTA IV (Episode from Liberty City) หรือ Red Dead Redemption

อย่างไรก็ตาม Rockstar New England ก็ได้มีโอกาสในการสร้างเกมของตัวเอง โดยเกมนั้นก็คือภาคต่อของ Bully ซึ่งเดิมทีภาคแรกพัฒนาโดยทีมงาน Rockstar Vancouver

อ้างอิงจากอดีตพนักงาน Rockstar New England ให้ข้อมูลกับ Game Informer ว่า Bully มีโอกาสได้เป็นแฟรนไชส์ที่อยู่เคียงข้างกับ Grand Theft Auto กับ Red Dead Redemption ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทีมงานจึงให้ความตั้งใจกับการพัฒนาเกม Bully ภาคใหม่มาก ๆ พร้อมตั้งเป้าหมายว่าคุณภาพเกมโดยรวมทั้งหมดต้องเหมือน GTA และเหนือชั้นกว่าเกม Bully ภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าโปรเจกต์ Bully 2 ดูเหมือนจะยังไม่ผ่านไฟเขียวจากบริษัทใหญ่ก็ตาม

ตอนนั้น Rockstar New England มีจำนวนพนักงานประมาณ 50-70 คน ที่มีส่วนร่วมพัฒนาโปรเจกต์ Bully ภาคใหม่ โดยอ้างอิงจากอดีตพนักงาน 3 คน เผยว่าไอเดียแรก ๆ ของเกม Bully 2 จะมีแผนที่ขนาดใหญ่เทียบเท่ากับ GTA Vice City หรือใหญ่กว่าแผนที่ Bullworth จากเกมภาคแรกถึง 3 เท่า

ระหว่างการพัฒนาโปรเจกต์ Bully ทีมงาน Rockstar New England ตั้งเป้าหมายว่าตึกทุกตึก อาคารทุกหลังจะต้องเดินเข้าได้ ซึ่งสาเหตุที่ทำแบบนั้น เพราะตัวละครในเกม Bully ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงไม่สามารถขับรถได้ ดังนั้นแผนที่ในเกมจึงจำเป็นต้องมีขนาดเล็ก เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกที่สุด

แล้วด้วยแผนที่ที่มีสเกลขนาดเล็ก ทีมงานจึงสามารถออกแบบฉาก สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ให้มีรายละเอียดจัดเต็ม เพื่อให้ทุกสถานที่ดูมีความหมายบางอย่าง ไม่ใช่เป็นเพียงฉากหลังไว้ใช้ประดับความงามให้กับแผนที่เพียงอย่างเดียว

Bully

นอกจากนี้ ทีมงานมีแผนใส่ระบบ Karma หรือบาปบุญคุณโทษของตัวละคร ที่ NPC จะจดจำทุกการกระทำของตัวเอก เช่น หากผู้เล่นกลั่นแกล้งเพื่อนบ้าน พวกเขา และบุคคลในละแวกนั้นจะจดจำสิ่งที่ผู้เล่นทำไว้ แล้วหากอ้างอิงจากเอกสารโชว์รายละเอียดการดีไซน์เกม ตัวละครเอกใน Bully ภาคใหม่จะสร้างความสัมพันธ์กับ NPC บางคนได้ โดยระดับความสัมพันธ์ที่มีต่อ NPC ก็จะมีหลายชั้นด้วยกัน

ส่วนโลกของเกม Bully ภาคใหม่จะยกระดับความสมจริงไปอีกขั้นหนึ่ง ด้วยการใช้ระบบการเติบโตของหญ้า ที่เมื่อกาลเวลาผ่านไป หญ้าทั้งหมดในโลกเกมจะเติบโตเงยงอกเองตามธรรมชาติ และสามารถมองเห็นใบหญ้าแต่ละใบอย่างชัดเจน แม้อดีตพนักงานยอมรับว่าระบบดังกล่าวอาจจะดูบ้าบอ ดูไม่มีความจำเป็น แต่พนักงานหลายคนในตอนนั้น รู้สึกตื่นเต้นกับระบบนี้มาก ๆ เพราะได้ใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย

นอกเหนือจากนั้น Rockstar New England มีการพัฒนาระบบกระจกแตกที่สมจริง ซึ่งระบบดังกล่าวจะได้เห็นในกิจกรรมลักลอบเข้าบ้าน ที่เป็นองค์ประกอบหนึ่งของเกม Bully ภาคใหม่ โดยอดีตทีมงานเผยว่าระบบกระจกแตกแบบสมจริง ถูกนำมาใช้ต่อในเกมแอ็กชันกระสุนเดือดอย่าง Max Payne 3

ฟีเจอร์หนึ่งของเกม Bully 2 ที่พนักงานหลายคนมองว่าเป็นความท้าทาย ก็คือระบบการปีนเป่า การทรงตัวระหว่างเดินบนเส้นทางแคบ และการเกาะกำแพง ที่ทีมพัฒนามีความตั้งใจอยากให้ระบบดังกล่าว ดูมีความสมจริงให้มากที่สุด เช่น สามารถเกาะกำแพงได้นานแค่ไหน และเส้นทางแบบไหนสามารถเดินข้ามไปได้ ซึ่งอดีตพนักงานเผยว่าระบบดังกล่าวยังพัฒนาไปได้ไม่ไกลอย่างเท่าที่ควร

Bully (2)

สุดท้าย Bully 2 จะมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมแข่งขับรถ Go-Kart, กิจกรรมเลี้ยงผึ้ง และมินิเกมขนาดใหญ่ ที่มีเนื้อหาคล้ายกับตอน Kamp Krusty จากซีรีส์การ์ตูนเรื่อง The Simpson ที่ตัวละครเอกต้องร่วมมือกับหลายคน เพื่อโค่นล้มผู้อำนวยการ ที่เป็นผู้จัดกิจกรรมเข้าค่ายสุดแสนทรหด โดยภารกิจเสริมส่วนใหญ่ได้แรงบันดาลใจจากหนังผจญภัยของ Richard Donner เรื่อง The Goonies

แม้การพัฒนาเกม Bully ภาคใหม่จนเสร็จ อาจจะต้องใช้เวลาสร้างนานอีก 2-3 ปี เพราะเกมยังอยู่ในช่วงการค้นหาแนวคิด แต่พนักงานเกือบทุกคน ล้วนให้ความตั้งใจกับการสร้างเกมนี้อย่างมาก แล้วทำไมเกม Bully ภาคใหม่ที่หลายคนรอคอย จู่ ๆ จึงอาจจะถูกแช่แข็งการพัฒนา ?

เมื่อความทะเยอทะยาน กลับมาทำร้ายโปรเจกต์ที่แสนรัก

Bully (3)

อ้างอิงจากอดีตผู้มีส่วนร่วมในโปรเจกต์ อธิบายว่าเกม Bully 2 จัดว่าเป็น “ภาระที่หนักอึ้ง” ของทีมงาน Rockstar New England เพราะเป็นโปรเจกต์ที่ถือกำเนิดขึ้น เพื่อต้องการพิสูจน์ให้ Rockstar Games เห็นถึงคุณค่าของทีมงาน Mad Doc Software

ด้วยเหตุผลดังกล่าว โปรเจกต์ Bully 2 จึงเป็นโครงการที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน พนักงานพร้อมที่จะทำทุกอย่างตามที่ขอมา เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่บริษัท Rockstar Games

แต่แน่นอน ความทะเยอทะยานสุดโต่งก็มาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่าย อดีตพนักงานเผยว่าระหว่างการพัฒนาโปรเจกต์ Bully 2 ทีมงานมีการเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานหลายครั้ง และเกิดวัฒนธรรมการทำงานแบบ Crunch อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยอดีตพนักงานเผยว่าช่วงเวลานั้น พนักงานบางคนต้องทำงานหนักถึง 12-16 ชั่วโมงต่อวัน เพราะทำโปรเจกต์หลายอย่างพร้อมกัน

Red Dead RedemptionRed Dead Redemption

นอกจากนี้ ระหว่างการพัฒนาโปรเจกต์ Bully 2 ทีมงานต้องให้ความสำคัญกับการสร้างเกมอื่นด้วย ซึ่งอดีตพนักงานเผยว่าในปี 2010 ทีมงาน Rockstar Games สั่งให้ Rockstar New England ต้องช่วยเหลือในการพัฒนาเกม Max Payne 3 กับ Red Dead Redemption ตามตาราง Pipeline ที่บริษัทใหญ่ได้กำหนดไว้

ด้วยเหตุผลดังกล่าว พนักงาน Rockstar New England ส่วนใหญ่จึงรู้สึกหมดไฟกับการสร้าง Bully 2 และบางคน ตัดสินใจลาออกจากทีมพัฒนาเกม โดยในปี 2009 มีรายงานว่า พนักงาน Rockstar New England จำนวนราว 10% ได้ลาออกจากบริษัท ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว “ทำให้สูญเสียกำลังใจต่อคนในสตูดิโออย่างมาก” โดยคำพูดดังกล่าวมาจากอดีตพนักงานที่ให้สัมภาษณ์กับ Game Informer

Red Dead Redemption

เนื่องจาก Rockstar Games ไม่เคยประกาศว่ากำลังพัฒนาเกม Bully 2 อย่างเป็นทางการ ทำให้ Game Informer กับผู้ให้สัมภาษณ์ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าตอนนี้เกม Bully 2 กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา หรือโดนยกเลิกโปรเจกต์แล้วหรือไม่ แต่เนื่องจากล่าสุด Rockstar Games เพิ่งคอนเฟิร์มว่ากำลังสร้างเกม Grand Theft Auto ภาคใหม่ จึงเชื่อว่าโปรเจกต์เกม Bully 2 ยังคงถูกแช่แข็งต่อไป

ถึงอย่างนั้น อดีตพนักงาน Rockstar New England ยังให้ความหวังว่าจะได้เห็นเกม Bully ภาคใหม่สักวันหนึ่งในอนาคต เพราะมันเป็นโปรเจกต์ทะเยอทะยานของทีมงาน Rockstar New England และเชื่อว่าเป็นเกมที่แฟน ๆ หลายคนรอคอยจนถึงทุกวันนี้

แหล่งอ้างอิง: Game Informer

SHARE

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top