BY StolenHeart
10 Nov 18 8:55 am

เทคนิคการใช้ปืนไรเฟิลจู่โจมใน Fortnite

8 Views

ก่อนหน้านี้เราได้พูดถึงอาวุธหลัก ๆ ที่หลายคนต้องมีอย่างปืนพก ลูกซอง และปืนกลมือใน Fortnite กันไปแล้ว วันนี้เราจะมาพูดถึงปืนอีกประเภทหนึ่งที่ใช้งานได้ในทุกสถานการณ์ ยิงได้แม่นและลั่นกระสุนได้ดี ซึ่งจะเป็นอื่นประเภทไหนไปไม่ได้นอกจากปืนไรเฟิลจู่โจมครับ

Assault Rifle หรือ AR หรือที่กองทัพบ้านเราเรียกกันว่าปืนไรเฟิลจู่โจม เป็นปืนที่มีความสมดุลมากที่สุดในบรรดาปืนทุกประเภทในเกม Fortnite เพราะมีพร้อมทั้งความแรง ยิงได้ไกลและมีอัตราลั่นกระสุนที่ค่อนข้างดีในหลาย ๆ กระบอก จะเอาไว้ยิงคนหรือยิง Build ก็ทำได้ดีทั้งสิ้น แต่อาจจะสู้ปืนเฉพาะทางมาก ๆ อย่างลูกซองหรือไรเฟิลซุ่มยิงไม่ได้ในบางสถานการณ์ เช่นเรื่องของความแรงแบบเด็ดขาดและระยะหวังผล แต่ก็ถือเป็นปืนที่นำมาใช้งานได้ยืดหยุ่นและหลายสถานการณ์มากกระบอกหนึ่ง

สำหรับภาพรวมของปืนไรเฟิลจู่โจมจะเป็นดังนี้ครับ

ความแรงของอาวุธ

ถ้าไม่นับความแรงแบบหลุดโลกของปืนกระบอกใหม่อย่าง Heavy Assault Rifle ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใน Patch ล่าสุด ปืน AR ถือว่าเป็นอาวุธที่มีความแรงในระดับปานกลางค่อนไปทางสูง โดยเฉลี่ยปืน AR ระดับ Rare จนถึง Epic จะมีความแรงต่อนัดที่ประมาณ 30 – 35 หน่วยถ้ายิงโดนตัว แต่ถ้าหากเป็นปืนที่ยิงแบบ Burst Fire หรือสามนัดรวดจะอยู่ที่นัดละ 30 – 32 หน่วย แต่จะมีโอกาสโดนเต็ม ๆ เกินสองนัดมากกว่าถ้าใช้ได้คล่องแคล่วส่วนปืนอีกประเภทหนึ่งก็คือปืน AR ติดสโคปที่สามารถใช้ยิงระยะไกลกว่าปกติได้ แม้ความแรงจะไม่สูงเท่าปืน Sniper แต่ก็สามารถใช้แก้ขัดได้เป็นอย่างดีสำหรับคนที่ไม่ชัวร์ในการเก็บศัตรูจากระยะไกล ๆ โดยจะมีความแรงอยู่ที่ประมาณนัดละ 36 – 37 หน่วย

ระยะหวังผลและอัตราการลั่นกระสุน

ปืน AR จัดได้ว่าเป็นปืนที่ยิงหวังผลในระยะกลางถึงไกลได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะยิงเป็นชุดหรือยิงเคาะก่อกวนจากระยะไกลด้วยความแรงต่อนัดที่มากพอสมควร ส่วนปืนที่ยิงแบบ Burst Shot จะเหมาะกับการยิงสู้ระยะกลางที่กระสุนใช้เวลาวิ่งไม่นานนัก และมีโอกาสยิงเข้าเป้าหมดทั้งสามนัดที่แรงจัดยิ่งกว่าโดนแค่นัดเดียวเสียอีก

ข้อควรรู้ทั่วไป

  • AR เป็นปืนที่ยืดหยุ่นในการใช้งานมากที่สุดในเกม เพราะใช้งานได้ทั้งในระยะใกล้ กลางและไกลได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ควรประมาทศัตรูที่ถือปืนที่ทำหน้าที่ได้ดีกว่าในระยะนั้น ๆ อย่างลูกซองหรือปืนซุ่มยิงเด็ดขาด เพราะถึงเราจะยิงโดนหลายนัดแต่ถ้าหากเราเก็บเขาไม่ตายก็มีโอกาสที่จะโดนสวนกลับนัดเดียวตายได้
  • ข้อแตกต่างสำคัญระหว่าง AR แบบปกติ(M16 กับ Scar) และแบบ Burst(Galil กับ FAMAS)ก็คือรูปแบบการยิง เลือกถือปืนประเภทที่คิดว่าเรายิงได้เข้ามือที่สุด ปืน AR ปกติจะยิงรัวหรือยิงเคาะได้ แต่ความแรงที่ได้ต้อการยิงแต่ละชุดอาจไม่สูงมาก ส่วนแบบ Burst จะมีความแรงต่อนัดน้อยกว่าแต่ก็ทดแทนด้วยเปอร์เซ็นต์การยิงเข้าเป้าที่สูงกว่าถ้าเล็งยิงโดนทั้งหมด(โดนครบสามนัดก็แรงราว ๆ 90 หน่วยได้) และจะมีช่วงเวลาดีเลย์ในการยิงชุดต่อไปอยู่เล็กน้อย ฝึกใช้งานตามถนัดหรือจะฝึกทั้งสองกระบอกเพื่อผลดีต่อตัวเองจะดีที่สุด

  • ในการยิงระยะไกลไม่ควรกดยิงค้าง เพราะนอกจากจะยิงไม่โดนเป้าหมายแล้วยังเป็นเปลืองกระสุนโดยใช่เหตุ ให้ใช้การยิงเคาะหรือยิงทีละนัดแทน และควรยิงต่อเมื่อมั่นใจว่าโดนเท่านั้นในกรณีที่ถือปืน AR แบบธรรมดา ส่วน AR เก็บเสียงจะสามารถใช้งานได้ยืดหยุ่นกว่าทั้งในการยิงระยะกลางและไกล แต่ต้องไม่อยู่ใกล้เป้าหมายจนเกินไปจนสามารถได้ยินเสียงปืนได้
  • สิ่งหนึ่งต้องจำไว้อย่างหนึ่งเวลายิงจากระยะไกลคือเรื่องของความแรงที่ลดลง สำหรับปืน AR ถ้าระยะไกลเกิน 50 เมตรความแรงจะลดลงเหลือประมาณ 80% ส่วนในระยะ 75 เมตรจะลดลงอีกไปจนถึง 100 เมตรขึ้นไปจะอยู่ที่ 65% ดังนั้นถ้ายิงจากระยะไกล ๆ ต้องจำเรื่องนี้เอาไว้ด้วย
  • อีกข้อหนึ่งหลายคนอาจะละเลยคือเวลาที่ยิงแบบอัตโนมัตินั้น เป้าจะบานขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้กระสุนที่วิ่งออกไปเฉจนยิงไม่ตรงเป้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลายิงในระยะไกล  ๆ ดังนั้นควรยิงเป็นชุดจะดีกว่า
  • ในการยิงพัง Build นั้นถ้าเป็นปืนแบบ Burst จะยิงพังได้เร็วกว่าเล็กน้อย แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าศัตรูอาจจะวาง Build มาหลอกตาเผื่อตลบหลังเราได้ จึงควรวางแผนการยิงให้ดี ๆ

ปืนไรเฟิลจู่โจมเป็นปืนที่สมดุลเหมาะกับทั้งผู้เล่นมือใหม่และมือเก่า สามารถใช้งานได้ในหลายสถานการณ์ จึงเป็นปืนที่ควรฝึกใช้งานให้คล่องเช่นกัน ไม่ต่างจากปืนชนิดอื่น ๆ ด้วยครับ

SHARE

Putinart Wongprajan

เค้ก - Content Writer

Back to top