BY Settasilp Poonbumphen
6 Feb 15 8:36 pm

พฤติกรรม , แนวคิด , การเล่นเกมและการช่วยโลก

19 Views

วิดีโอเกมส์มากมายเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้พบความหมายของการพิทักษ์และมอบประสบการณ์การเป็นวีรบุรุษให้กับเรา แต่จะเป็นไปได้มั้ยที่การเล่นเกมจะมอบพลังในการช่วยโลกที่แท้จริงได้เหมือนที่เราช่วยจักรวาลได้ใน Mass Effect ?

Mass Effect

เกมเมอร์หลายล้านคนเคยช่วยจักรวาลมาแล้วในบทบาทของบุคคลเหล่านี้

ครั้งหนึ่งผมเคยฟังประเด็นของการช่วยเหลือโลกที่มีการหยิบยกวิดีโอเกมส์มาเป็นประเด็นหลักซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจและอยากจะนำมาเผยแพร่ต่อสู่กลุ่มคนเล่นเกมเหมือนกันครับ   ผมเชื่อว่ามีหลายคนในที่นี้ที่เคยเล่นเกมอย่าง Mass Effect , Far Cry และ Alan Wake ครับ  ทั้งสามเกมนี้เกี่ยวข้องกันในแก่นสำคัญของเป้าหมายภายในเกมที่ล้วนแล้วแต่นำเสนอแต่ละเรื่องราวของ”การปกป้อง”  ไม่ว่าจะเป็นปกป้องจักรวาล , ปกป้องคนที่คุณใกล้ชิดและปกป้องคนที่คุณรัก    ใช่แล้วครับ เกมเหล่านี้ได้มอบความหมายของการเป็นผู้พิทักษ์ที่จะต้องปกป้องสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยนำเจ้าสิ่งนั้นมาเป็นจุดหมายของวิดีโอเกมส์ที่แตกต่างกันไป

เกมเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร ? เกมเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้ในรูปแบบของการนำเสนอแนวคิดที่ผู้คนทั่วไปก็สามารถนำมันมาปรับใช้ในชีวิตจริงเพื่อช่วยพัฒนาตัวคุณเองหรือแม้กระทั่งช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆของโลกใบนี้ได้ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม , ปัญหาความยากจน , ปัญหาความขัดแย้งหรือปัญหาอื่นๆต่างๆก็เป็นไปได้ทั้งนั้นถ้าหากว่าเรานำแนวคิดนี้ไปปรับใช้

world hunger

ในขณะที่คุณและผมเล่นเกม ภาพเหล่านี้ยังคงมีอยู่ในอีกฟากมุมหนึ่งของโลก

พฤติกรรมในการเล่นเกมแตกต่างจากการเสพสื่อบันเทิงชนิดอื่นอย่างไร ?

ในเรื่องราวที่ผมได้รับฟังมานั้นได้มีช่างภาพมืออาชีพท่านหนึ่งต้องการที่จะสังเกตสีหน้าและแววตาของผู้คนขณะที่เล่นเกมเพื่อที่จะได้เห็นความแตกต่างระหว่างคนที่เล่นวิดีโอเกมส์กับทำกิจกรรมอื่นๆที่ไม่ได้เป็นรูปแบบของการแข่งขันซึ่งเขาก็ได้พบว่าใบหน้าของผู้ที่กำลังเล่นเกมอยู่นั้นมีสัญญาณของการตื่นตัว , เร่งรีบ , ความกลัว , มีความตั้งใจและสมาธิที่มั่นคงซึ่งทั้งหมดทั้งปวงเหล่านี้เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังในการทำให้สำเร็จเป้าหมายที่เกมได้วางไว้

สำหรับการเล่นเกมแล้วถ้าไม่นับเรื่องของการใช้โปรแกรมโกง , โปรแกรมช่วยเล่นและบทสรุปจากบนอินเทอร์เน็ตแล้ว การที่คุณจะสามารถผ่านพ้นมันไปให้สำเร็จได้นั้นก็คงไม่มีใครอื่นที่จะสามารถผลักดันให้บรรลุเป้าหมายได้นอกจากตัวคุณเอง  คุณจะต้องฝ่าบอสสุดแกร่งตัวนั้นด้วยตัวคุณเอง  คุณจะต้องแก้ไขปริศนาสุดหินให้ได้ด้วยเมาส์และคีย์บอร์ดในตัวคุณเอง และคุณจะต้องไปให้ถึงฉากจบของเกมนั้นด้วยตัวคุณเอง

ถ้าจะให้สรุปสาระสำคัญของช่วงข้างต้นก็คงต้องบอกว่าการเล่นเกมนั้นมันมาพร้อมกับแนวคิดที่จะต่อสู้ ดิ้นรน ไม่ย่อท้อเพื่อไปให้บรรลุจุดหมายที่เกมวางไว้นั่นแหละครับ

hardest running game

ผมเคยหัวเสียกับเกมโคตรยากอย่างนี้ แต่อีกหลายคนกลับเรียนรู้และเล่นมันได้

พฤติกรรมในการเล่นเกมสามารถนำมาประยุกต์ใช้พัฒนาตัวเองได้ยังไง ?

ผมเชื่อว่าปัญหาของคนเล่นเกมจำนวนมากคือการไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมหมู่มากและการไม่ได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง  ปัญหาเหล่านี้อาจแก้ไขได้หากเรานำพฤติกรรมในการเล่นเกมที่ได้กล่าวไปข้างบนมาปรับใช้

ถ้าหนทางการไปเก็บอาวุธสุดเทพมันไปต่อไม่ได้…เราก็ดิ้นรนหาทางใหม่

ถ้าศัตรูตัวร้ายยิงไปสิบครั้งเลือดลดแค่ครึ่งหลอด…เราก็พยายามยิงต่อไปจนกว่ามันจะตาย

ถ้าปริศนาสุดยากทำให้เราไปต่อไม่ได้…เราก็ถอยหลังออกมา วิเคราะห์ปัญหาและแก้ไขมันด้วยสติ

และถ้าเรานำแนวคิดเหล่านี้ไปปรับใช้กับชีวิตจริงล่ะ ?

โอเค ผมเข้าใจว่าของอะไรแบบนี้มันไม่ใช่การหยิบยกไปใช้กันได้แบบปัจจุบันทันด่วน   การที่เราจะรู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาลที่จะนำไปพิชิตเป้าหมายผ่านเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ไปสู่จุดจบที่สง่างามภายในไม่กี่สิบชั่วโมง ความพยายามและเวลาอีกนิดหน่อยสำหรับการฝึกตัวละครให้ได้ค่าประสบการณ์และการพัฒนาแบบรวดเร็วทันใจนั้นเห็นจะมีได้แค่ในโลกของวิดีโอเกมส์เท่านั้น   ในชีวิตจริงเราจะไม่ได้เห็นการพัฒนาที่วัดผลได้ง่ายและรวดเร็วอย่างในเกมโปรด  คุณไม่สามารถยกออกกำลังกายสองวันและเห็นน้ำหนักลงมาสามขีดได้  คุณไม่สามารถออกไปนำเสนองานหน้าชั้นแล้วเห็นแต้มความสามารถในการโน้มน้าวคนเพิ่มมาครึ่งหลอดได้ เพราะของเหล่านั้นมันไม่มีอยู่จริง   ภายในเกมคุณอาจจะเดินข้ามเมืองได้ในห้านาทีแต่ในชีวิตจริงคุณอาจต้องใช้เวลาหลายวัน  แน่นอน การที่คุณจะพัฒนาตัวเองได้เหมือนตัวละครในเกมก็อาจต้องใช้เวลาหลายปีเช่นกัน

WWF climate change

โลกกำลังเผชิญวิกฤตซึ่งเป็น World Quest ที่มนุษย์ต้องร่วมกันผ่านด่าน (รูปภาพจาก WWF)

และการเล่นเกมจะช่วยโลกได้อย่างไร ?

อย่างที่ได้อธิบายแบบลวกๆไปครับว่าพฤติกรรมการเล่นเกมของเราทุกคนสามารถนำมาปรับเปลี่ยนเป็นแนวคิดเพื่อประยุกต์ใช้กับการพัฒนาตนเองให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นได้ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราสามารถแก้ไขปัญหาของตัวเราเองได้แล้ว นั่นก็หมายถึงความพร้อมในการที่จะแก้ไขปัญหาของโลกใบนี้ได้ครับ

หากจะให้เปรียบเทียบกันแบบเห็นภาพก็อยากให้ลองนึกถึงเกมแนว MMORPG ที่มักจะมี World Event โผล่ออกมาให้ผู้เล่นจากทั่วทุกสารทิศเข้าไปร่วมมือกันแก้ไข ปราบบอสตัวร้ายให้เมฆหมอกแห่งความ-ิบหายมลายสิ้นไปจากเซิฟ (ก่อนที่จะได้เจอกับครั้งต่อไป)   แน่นอนว่าผู้เล่นทุกคนมากมายที่อาจจะมาจากอีกซีกโลกหนึ่งก็เข้ามาร่วมกันผ่านเป้าหมายในครั้งนี้ไปได้   นั่นหมายความว่าโลกใบนี้มีประชากรที่มีแนวคิดและพฤติกรรมที่มีความตั้งใจแน่วแน่พร้อมสำหรับการแก้ไขปัญหาต่างๆให้มันสำเร็จลงได้   หากว่าเราทุกคนนำแนวคิดตรงนี้ไปใช้ผมเชื่อว่าปัญหาความยากจน , ปัญหายาเสพติด , ปัญหาโลกร้อน , ปัญหาการล่าสัตว์ป่าผิดกฏหมายและปัญหาอื่นๆก็คงจะบรรเทาลงได้ไม่มากก็น้อย

ทั้งหมดนี้เป็นการหยิบยืมแนวคิดที่ได้จากการเล่นเกมมาโยงถึงการปรับใช้กับชีวิตจริงและส่งประสิทธิภาพที่อาจส่งผลกระทบกับโลกใบนี้ได้ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง  คำถามที่เกิดขึ้นและเราควรหยิบมานึกคิดก็คือถึงแม้ว่าแนวคิดดังกล่าวจะนำมาจากการเล่นเกมซึ่งฟังดูสวยหรูก็จริง   แต่ในท้ายที่สุดแล้วกลุ่มคนเล่นเกมอย่างเราๆที่เป็นจุดกำเนิดของประเด็นนี้นั้นมีคุณภาพมากและแข็งแกร่งพอหรือเปล่า แท้จริงแล้วศักยภาพในตัวคนเล่นเกมยังนอนหลับใหลและรอการตื่นขึ้นมาเฉิดฉายพร้อมจะยกระดับภาพลักษณ์คนเล่นเกมจริงหรือไม่  หรือสุดท้ายแล้วเราก็แค่เก่งในสิ่งที่เรียกว่าการเล่นเกมเพียงอย่างเดียวเหมือนที่ผู้ใหญ่หลายท่านพ่นออกมากันแน่  งานนี้เป็นคำถามที่เราต้องถามและเก็บไว้ตอบตัวเองแล้วล่ะครับ

SHARE

Settasilp Poonbumphen

ยีน - Founder / Project Manager

Back to top