BY Aisoon Srikum
4 Mar 20 5:13 pm

7 เกมคุณภาพดีที่เปิดตัวผิดช่วงเวลาจนกระแสไม่ดีเท่าที่ควร

7 Views

สำหรับการพัฒนาวิดีโอเกมแล้ว แน่นอนว่าคุณภาพคือสิ่งสำคัญที่มาเป็นอันดับแรก แต่ศัตรูที่ร้ายกาจกว่าคุณภาพที่ยังไงทีมผู้สร้างก็ต้องคำนึงถึงอยู่แล้ว คือการเลือกช่วงเวลาการปล่อยวางจำหน่ายที่เหมาะสม เพราะบางเกม แม้จะทำออกมาได้เลิศเลอแค่ไหน แต่เมื่อปล่อยผิดช่วงเวลาก็อาจจะอนาคตดับเอาได้ง่าย ๆ เหมือนเช่น 7 เกมนี้ที่แม้เกมของพวกเขาไม่ได้แย่หนักจนถึงขั้นเป็นเกมห่วย แต่ก็เพราะเปิดตัวผิดเวลา ชนกับเกมอื่น ๆ นี่ล่ะ มันเลยไปไม่ได้ไม่ค่อยสวยนัก วันนี้มาดูกันว่า 7 เกมเหล่านี้มีเกมอะไร และออกมาชนกับเกมอะไรกันบ้าง

1.Resonance of Fate

แม้ดีไซน์เกมจะออกมาดูสวยงามและเรียกแขกได้มากแค่ไหน แต่หากแนวเกมมันไปคล้ายกับซีรีส์ที่มีมานานแล้วในวงการ ก็ถือเป็นงานยากสุด ๆ แล้วสำหรับ Resonance of Fate ที่เลื่อนดูผ่าน ๆ ยังไงก็ไปคล้ายกับเกม Final Fantasy

ที่สำคัญก็คือ เกมนี้ดันไปเปิดตัว 1 สัปดาห์หลังจากที่ Final Fantasy XIII เปิดตัว ดังนั้นไม่ต้องสืบก็รู้ว่าเกมนี้นั้นถูก Final Fantasy XIII กลบซะมิดจนโงหัวไม่ขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเกมนี้กลับมามีกระแสดีขึ้นหลังจากที่ตัวเกมได้รับการรีมาสเตอร์บน PC น่าเสียดายที่ตอนแรกทีมพัฒนาอย่าง tri-Ace ไม่ได้นึกคิดถึงวันวางจำหน่าย ไม่อย่างนั้นเราอาจจะได้แฟรนไชส์เกม JRPG ที่น่าจดจำเพิ่มมาอีกหนึ่งเกมไปแล้วก็ได้

2.Lunar 2 : Eternal Blue

การเลือกที่จะปล่อยเกมในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับเกมค่าย Squaresoft และ Nintendo น่าจะเป็นข้อผิดพลาดร้ายแรงของซีรีส์เกม Lunar

Lunar 2 : Eternal Blue เปิดตัวในช่วงปี 2000 ซึ่งเป็นปีที่เหล่ายักษ์ทั้งหลายปล่อยบรรดามหาเกม JRPG ลงสู่ตลาดอย่างมากมาย เช่น Squaresoft ที่ปล่อย Legend of Mana, Final Fantasy IX ในขณะที่ทาง Nintendo ก็ปล่อยทั้ง Pokemon Gold & Silver, Legend of Zelda : Majora Mask ดูจากรายชื่อเกมก็พอจะรู้แล้วว่า Lunar 2 : Eternal Blue แทบจะไม่มีที่ให้ยืนกันเลยทีเดียว

3.Mad Max

 

ผลงานเกมแอ็คชั่นสุดมันส์จาก Avalanche Studios ที่ต้องบอกว่าพลาดสองต่อในการเลือกวันวางจำหน่าย

ต่อแรก คือทั้ง ๆ ที่ปีนั้นมีภาพยนตร์ Mad Max Fury Road เข้าฉาย แต่ตัวเกมกลับไมได้วางจำหน่ายไปพร้อม ๆ กับตัวหนัง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะพัฒนาไม่ทัน หรือมีสาเหตุอื่นใด เกมวางจำหน่ายในช่วงเดือนกันยายน 2015 ในขณะที่หนังเข้าฉายไปตั้งแต่พฤษภาคมและประสบความสำเร็จอย่างสูง

พลาดต่อที่สองคือการที่ตัวเกมดันไปปล่อยเอาวันเดียวกันกับที่เกมของมหาเทพโคจิม่าก็เปิดให้เล่นด้วยเช่นกัน นั่นคือ Metal Gear Solid V : The Phantom Pain นั่นเอง กลายเป็นว่ากระแสของ Mad Max นั้นเงียบเหงาเป็ฯป่าช้า จนตัวเกมเริ่มได้กระแสที่ดีกลับมาหลังมีคนลองไปเล่นและพบวา่ตัวเกมมันมีคุณภาพเจ๋งเกินคาด

ถ้าหากขยับวันวางจำหน่ายให้ไปใกล้เคียงกับหนัง หรือถอยห่างจากวันวางจำหน่ายของ Metal Gear Solid ตัวเกมอาจจะประสบความสำเร็จมากกว่านี้ไปแล้ว

4.Fallout 4

อาจไม่ใช่ความผิดพลาดที่วันวางจำหน่ายแบบ 100% แต่ก็ถือว่ามีส่วน เพราะ Fallout 4 ปล่อยในปีเดียวกันกับ The Witcher 3 : Wild Hunt แม้จะห่างกันหลายเดือน แต่ก็ถือว่ามีผลกระทบ

ในขณะที่ The Witcher 3 กวาดคำชมไปอย่างมหาศาลและมาพร้อมระบบ RPG สุดลุ่มลึก และผ่านการขัดเกลามาอย่างดี Fallout 4 กลับเต็มไปด้วยปัญหาและบัคเมื่อมันวางจำหน่าย (สมชื่อ Bethesda) แถมหลังเปิดตัวก็มีปัญหาเล็กน้อยตามมามากมายจนแฟน ๆ โอดครวญปนรำคาญกันไปหลายหน จึงไม่แปลกที่ท้ายที่สุดแล้ว แฟน ๆ จะเทใจให้ The Witcher 3 แทน แต่ Fallout 4 ไม่ใช่เกมที่แย่นะ แค่มันเปิดตัวไม่สวยหรู และมีปัญหามากกว่า The Witcher 3 เพียงเท่านั้น

5.Shadow Hearts

การต่อกรกับมหากาพย์เกมชุด Final Fantasy คือสิ่งที่เหล่าผู้พัฒนาเกมแนว JRPG ทั้งหลาย ไม่ควรทำอย่างยิ่ง หาก Resonance of Fate เคยประสบมาแล้ว เกมนี้ก็คงต้องบอกว่า ไม่เข็ด ไม่จำ

Shadow Hearts เลือกวันวางจำหน่ายที่ไม่ห่างจาก Final Fantasy X และแม้ว่าเกมนี้จะมีดีแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจหลีกพ้นชะตากรรมที่จะต้องจมอยู่ใต้เงาของซีรีส์ Final Fantasy ไปได้อยู่ดี

6.Titanfall 2

สำหรับเกมนี้ ถ้าจะหาตัวคนผิดสักคนก็คงต้องเป็นทางบริษัทแม่ผู้จัดจำหน่ายอย่าง Electronic Arts เอง..

เพราะ Titanfall 2 ที่เดิมทีภาคแรกก็ได้รับกระแสตอบรับที่ไม่ค่อยดีนัก (ส่วนหนึ่งเพราะเป็นเกม Multiplayer Only) แต่พอมาภาค 2 ได้เพิ่มในส่วนของแคมเปญเนื้อเรื่องมาด้วย แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า EA ดันปล่อยขายเกมนี้ ถัดจาก Battlefield 1 ไปเพียง 7 วันเท่านั้น ! เท่านั้นยังไมพ่อ ไม่กี่วันหลังจากนั้น Call of Duty : Infinite Warfare คู่แข่งตัวฉกาจของค่ายก็วางจำหน่ายด้วย แล้วจะมีที่ยืนให้ Titanfall 2 ตรงไหนล่ะ ?

ก็ไม่รู้ว่าฝ่ายการตลาดของ EA เขาคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำแบบนี้ แน่นอนว่าชื่อแฟรนไชส์เรือธงอย่าง Battlefield 1 ยังไงก็ขายได้มากกว่า ในขณะที่แฟนเกมอีกค่ายก็ต้องเลือก Call of Duty (แม้ภาคนั้นจะโดนสับยับตั้งแต่ปล่อย Trailer) ทาง Respawn ก็คงกำหมัดอยู่ในใจว่าถ้าไม่ปล่อยวันวางขายแบบนี้ Titanfall 2 อาจจะประสบความสำเร็จไปแล้วก็ได้

แต่สุดท้าย Respawn ก็พิสูจน์ความเจ๋งของตัวเองด้วยการนำเอาซีรีส์ Titanfall มาต่อยอดให้กลายเป็นเกม Battle Royale Free to Play สุดเจ๋งอย่าง Apex Legends นั่นเอง

7.Battleborn

ชะตากรรมของ Battleborn นั้นออกจะโหดร้ายไปซักหน่อย เพราะแม้ว่ามันจะเป็นเกมจากผู้สร้าง Borderlands และมาในรูปแบบสดใหม่ อย่างการผสมผสานเกม FPS และ MOBA เข้าไว้ด้วยกัน แต่ช่วงเวลาที่พวกเขาเลือกจะปล่อยเกมนี้นั้น คือช่วงเดือนเดียวกับที่พ่อมดน้ำแข็งอย่าง Blizzard ก็เตรียมปล่อย Overwatch

ในช่วงนั้น Blizzard ถือเป็นค่ายเกมที่แข็งแกร่ง ทั้งฐานแฟน ทั้งกระแสตัวเกมที่ดีเกินคาด เพราะการออกแบบตัวละครที่เข้าถึงผู้เล่นหลากหลายแนว Overwatch เอาชนะใจแฟนเกมมาตั้งแต่ช่วงเปิดให้ทดสอบ และทุกคนก็หลงลืมชื่อของ Battleborn

จนในที่สุดแล้ว ทีมผู้พัฒนาก็ยอมแพ้กับเกมนี้ และเตรียมปิดให้บริการในช่วงปี 2021 ในขณะที่ Overwatch ยังคงเปิดให้บริการและมีกิจกรรมอัปเดตออกมาเรื่อย ๆ แต่ในอนาคต Blizzard จะเป็นยังไง นั่นก็อีกเรื่องนึง..

SHARE

Aisoon Srikum

Related posts

Read More
Back to top