ข้อมูลบ่งชี้ว่าการจำกัดเวลาการเล่นเกมในจีน เป็นนโยบายที่ไร้ประสิทธิภาพ และไม่ได้ทำให้พฤติกรรมเกมเมอร์เปลี่ยนไป

อย่างที่เรารู้กันดีว่า จีนเป็นประเทศที่มีนโยบายจำกัดการเล่นวิดีโอเกมที่ค่อนข้างเข้มงวด แต่เหมือนว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรมากสักเท่าไร

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิสต์ในจีนได้เริ่มเข้ามาควบคุมปัญหาด้านเทคโนโลยีและการเล่นเกม ทำให้จีนกลายเป็นที่จับตามองสำหรับหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลทั่วโลก โดยในปี 2019 จีนได้เปิดตัวกฎระเบียบใหม่ที่ใช้ควบคุมและป้องกันการติดเกมออนไลน์ในกลุ่มเยาวชน

ต่อมาในปี 2021 ก็ปรับใหม่ให้โหดมากยิ่งขึ้น ด้วยการให้เล่นเกมเพียงแค่สัปดาห์ละ 3 วัน ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ วันละ 1 ชั่วโมงเท่านั้น คือช่วง 2-3 ทุ่ม แต่ดูเหมือนว่ากฎอันเข้มงวดจะไม่ได้ช่วยให้พฤติกรรมเกมเมอร์เปลี่ยนไป สุดท้ายพวกเขาก็หาวิธีเล่นกันจนได้

เหล่านักวิจัยของจีนได้พยายามค้นคว้าและหาคำตอบว่านโยบายอันเข้มงวดของจีนนี้มันได้ผลจริง ๆ หรือเปล่า ซึ่งคำตอบก็คือ มันไร้ประโยชน์และไร้ประสิทธิภาพ เพราะมันแทบไม่ช่วยอะไรเลย

อ้างอิงจาก Unity Technologies ผู้สร้างเอนจิ้น Unity เก็บข้อมูลได้จากบัญชีโปรไฟล์ของเกมเมอร์ว่า มันมีถึง 2.4 พันล้านคน ทั้ง ๆ ที่ประชากรจีนมีประมาณ 1.4 พันล้านคน และไม่น่าใช่เกมเมอร์ทั้งหมด นั่นหมายความว่า คนเล่นเกมในจีน 1 คน อาจมีบัญชีเล่นเกมหลากหลายบัญชีมาก ๆ

นอกจากนั้นในช่วงปี 2019 ที่เกิดโรคระบาดอย่าง COVID-19 บวกกับเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เริ่มนโยบายควบคุม นั่นก็ไม่ได้ทำให้จำนวนเกมเมอร์ลดลงเลย ปัญหาเดียวคือ ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลดิบที่ไม่ได้มีการแบ่งช่วงอายุใด ๆ นอกจากนั้นยังพบว่าบัญชีสำหรับเล่นเกมส่วนใหญ่นั้น เล่นน้อยกว่าสัปดาห์ละ 1 ชั่วโมงอยู่แล้ว ส่วนพวกฮาร์ดคอร์ที่เล่นวันละ 6 ชั่วโมง 4 วันขึ้นไปนั้น มีเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อย

นั่นเป็นข้อมูลบ่งชี้ว่า ต่อให้มีนโยบายจำกัดการเล่นเกม ก็ไม่ได้ทำให้คนที่เล่นเกมเยอะอยู่แล้ว มีพฤติกรรมการเล่นเกมที่น้อยลง พวกเขาก็แค่ไปหาช่องทางอื่น เหมือนกับแบนเว็บพนัน เว็บโป๊หรือบุหรี่นั่นเอง

อย่างไรก็ตามเหล่านักวิจัยยังเผยว่า มันเป็นข้อมูลที่ไม่ได้การันตีว่าแม่นยำ เพราะตัวเลขออกมาแบบนี้ก็๗ริง แต่อาจหมายถึงเด็กอายุต่ำกว่า 18 เล่นเกมน้อยลง และผู้ใหญ่เล่นมากขึ้นก็เป็นไปได้อยู่ดี

งานนี้ต้องรอติดตามกันต่อไป สำหรับความเข้มงวดในการควบคุมการเล่นเกมในจีน