ใกล้การวางจำหน่ายกันแล้วสำหรับ Sid Meier’s Civilization VII หรือ CiV 7 ภาคใหม่ล่าสุดของเกมวางแผนแนว 4X ที่โด่งดังกันทั่วโลก เชื่อได้ว่าแฟน ๆ GamingDose หลายคนก็เฝ้ารอสัมผัสประสบการณ์ One More Turn ของตัวเกมภาคใหม่กันอยู่
และเนื่องในโอกาสการวางขายของเกมตระกูล Civilization ภาคใหม่เชื่อได้ว่าหลายคนน่าจะเคยสงสัย ว่าชื่อ Sid Meier ที่พ่วงอยู่ข้างหน้าของเกมตระกูลนี้มีความสำคัญอย่างไร เขาเป็นใคร ? ทำไมเกมเมอร์ได้ยินชื่อนี้กันมาอย่างยาวนาน วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับเจ้าของชื่อนี้กัน
จากโปรแกรมเมอร์ สู่ตำนานวงการเกม
Sid Meier (ซิด ไมเออร์) เกิดในปี 1954 ที่ประเทศแคนาดา เขาเป็นโปรแกรมเมอร์ที่หลงใหลในเกมตั้งแต่ยุคแรก ๆ ของวงการ และกระโดดเข้ามาเริ่มต้นอาชีพพัฒนาเกมสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ในช่วงยุค 80 มีผลงานในเกมบนเครื่อง Atari และ Commodore 64 ก่อนจะร่วมก่อตั้งบริษัทเกมชื่อดังมาก ๆ ในช่วงนั้นอย่าง MicroProse ในปี 1982 ร่วมกับ Bill Stealey
ช่วงแรก MicroProse มีชื่อเสียงจากเกมแนวจำลองการรบ เช่น F-15 Strike Eagle และ Silent Service แต่ Sid Meier เริ่มหันมาสนใจการพัฒนาเกมวางแผนที่มีระบบการเล่นซับซ้อน มีอิสระมากขึ้น ซึ่งแนวทางดังกล่าวได้กลายเป็นลายเซ็นประจำตัวของเขาในเวลาต่อมา
Sid Meier’s Civilization: จุดกำเนิดของสุดยอดเกมวางแผน
ในปี 1991 Sid Meier ได้เปิดตัว Sid Meier’s Civilization ผลงานที่จะกลายเป็นเกมที่ปฏิวัติวงการเกมแนววางแผนแบบ Turn-Based Strategy (TBS)
จุดเด่นของเกม Civilization คือการให้ผู้เล่นสร้างอารยธรรม ตั้งแต่ยุคโบราณไปจนถึงอนาคต แข่งขันกับอารยธรรมอื่น ๆ ผ่านการทูต สงคราม วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม ตัวเกมเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ซับซ้อนเปิดกว้างให้ผู้เล่นใช้แผนการและแนวทางการเล่นได้หลากหลาย
ความสำเร็จของ Civilization ทำให้เกิดภาคต่อมากมายและกลายเป็นหนึ่งในซีรีส์เกมวางแผนที่ประสบความสำเร็จที่สุดตลอดกาล นอกจากนี้ Civilization ยังถูกยกย่องให้เป็นเกมที่มีอิทธิพลต่อวงการเกมมากที่สุดเกมหนึ่ง และเป็นรากฐานที่ก่อกำเนิดเกมในรูปแบบเดียวกันจำนวนมาก และแม้จะไม่ใช่เกมแรกของโลกที่มีรูปแบบการเล่นของเกมแนว 4X แต่ Civilization นำเสนอระบบและสไตล์การเล่นที่กลายเป็นมาตรฐานของเกมแนว 4X อันย่อมาจาก “eXplore สำรวจ, eXpand ขยาย, eXploit ใช้ช่องโหว่, และ eXterminate การจัดการ” พร้อมสร้างวลีเด็ด One More Turn ให้เกมเมอร์ทั่วโลกได้สัมผัสการวาร์ปข้ามเวลาเล่น 2 ทุ่มรู้ตัวอีกทีเช้าเสียแล้ว
ผลงานเด่นอื่น ๆ ของ Sid Meier
แม้ Civilization จะเป็นผลงานที่โด่งดังที่สุดของ Sid Meier แต่เขายังมีส่วนร่วมในการสร้างเกมแนววางแผนและเกมจำลองอื่น ๆ หลายเกม ทุก ๆ เกมล้วนแล้วแต่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสุดยอดผลงานที่ผ่านเวลามาจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเล่นสนุกหรือหาเกมมาโค่นล้มไม่ได้
- Pirates! (1987) – เกมจำลองชีวิตโจรสลัดที่ให้ผู้เล่นเดินทาง สำรวจ และต่อสู้ทางทะเล
- Railroad Tycoon (1990) – เกมสร้างและบริหารเครือข่ายรถไฟ
- Alpha Centauri (1999) – เกมวางแผนที่เป็นภาคต่อทางจิตวิญญาณของ Civilization แต่เล่าเรื่องในโลกอนาคต
- Sid Meier’s Starships (2015) – เกมวางแผนอวกาศที่ให้ผู้เล่นควบคุมกองยานอวกาศ
แม้ว่า Sid Meier จะไม่ใช่ผู้ที่พัฒนาเกมทั้งหมดที่ว่ามาเพียงลำพัง แต่ชื่อของเขากลายเป็นตราประทับแห่งคุณภาพ นำไปสู่การพ่วงชื่อ Sid Meier เป็นจุดขายแบบในปัจจุบัน
ปรัชญาการออกแบบเกมของ Sid Meier
หนึ่งในคำพูดที่มีชื่อเสียงของ Sid Meier คือ
“A game is a series of interesting choices”
(เกมคือชุดของการตัดสินใจที่น่าสนใจ)
ปรัชญานี้สะท้อนถึงแนวคิดของเขาในการออกแบบเกมที่เน้นการให้ผู้เล่นมีอิสระในการตัดสินใจ และทำให้ทุกการเลือกส่งผลกระทบต่อเกม ทำให้เกมของเขามีความลึกและสามารถเล่นซ้ำได้ไม่มีเบื่อ ใครก็ตามที่ได้สัมผัสผลงานเกมที่ Sid Meier ออกแบบ หรือได้รับแรงบันดาลใจจากเกมของ Sid Meier น่าจะต้องเห็นด้วยกับประโยคดังกล่าว เพราะเกมที่ Sid Meier มีส่วนร่วมล้วนแต่เต็มไปด้วยระบบที่หลากหลายและน่าสนใจ
ตำนานที่ยังมีลมหายใจ
ปัจจุบันในวัน 70 ปี Sid Meier ยังคงมีบทบาทและทำงานอยู่ในวงการเกม โดยปัจจุบันเขาทำงานอยู่ที่ Firaxis Games บริษัทที่เขาร่วมก่อตั้งและอยู่ใต้สังกัดของ 2K Games Firaxis Game ยังพัฒนา Civilization ภาคใหม่ ๆ และเกมแนววางแผนอื่น ๆ มาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับผลงานเกมล่าสุดอย่าง Sid Meier’s Civilization VII หรือ CiV 7 นั่นเอง
แน่นอนว่าทุ่มเทและมีผลงานอยู่ในวงการเกมมากขนาดนี้ Sid Meier จึงเป็นบุคคลที่ 2 ของวงการเกมที่ทางสถาบันศิลปะอินเทอร์แอคทีฟ Academy of Interactive Arts & Sciences (AIAS) บรรจุใส่ในรายชื่อหอเกียรติยศในปี 1999 ตามหลังคุณ Shigeru Miyamoto แห่ง Nintendo ที่ถูกเลือกในปี 1998
ด้วยอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่และแนวคิดการออกแบบเกมที่ล้ำสมัย Sid Meier ได้สร้างผลงานที่เปลี่ยนแปลงวงการเกไปตลอดกาล และชื่อของเขายังคงเป็นตำนานในฐานะหนึ่งในนักพัฒนาเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
