ถ้าจะให้ยกรายชื่อเกมภาคต่อมาสักเกม ว่าเกมไหนทำได้อย่างดีเยี่ยมทั้งในแง่ของเกมเพลย์และเนื้อเรื่อง เราอาจจะต้องจดชื่อ Marvel’s Spider-Man 2 ลงไปในลิสต์ด้วยนับต่อจากนี้
Insomniac Games กลับมาสานต่อซูเปอร์ฮีโร่เพื่อนบ้านที่แสนดีของทุกคน Marvel’s Spider-Man 2 และคราวนี้ไม่ได้กลับมาคนเดียว แต่กลับมาพร้อมกับน้องใหม่ที่ต้องมาร่วมงานกันแล้ว กับ Miles Morales หลังจากไปมีเกมภาคแยกของตัวเองมาแล้ว ในภาค 2 ทั้ง Peter และ Miles ก็จะได้แท็กทีมกัน ออกปกป้องเมืองนิวยอร์กไปด้วยกัน
ในแง่ของความเป็นเกมเพลย์นั้น เราอาจจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ น้อยหน่อย แต่ความเจ๋งคือเราสามารถสลับสับเปลี่ยนการควบคุม Spider-Man ทั้ง 2 คน ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น Peter และ Miles โดยที่ทั้งสองตัวละครจะมีเส้นเรื่องหลักร่วมกัน แต่พอเป็นภารกิจรองหรือเส้นเรื่องรอง ก็จะแยกย่อยไปมีเรื่องราวของตัวเอง แถมเราสลับไปมาระหว่างเล่นได้ตลอดด้วย อยากเล่นเนื้อเรื่องของใครให้ต่อเนื่องก็สามารถทำได้ทั้งสิ้น ก่อนจะมาบรรจบกันที่เส้นเรื่องหลัก ที่ทั้ง Peter และ Miles
นอกจากเส้นเรื่องราวที่แยกเป็นของตัวเองแล้ว ทั้ง Peter และ Miles จะมีชุดสกิลที่แยกจากกัน ด้วยความสามารถเฉพาะตัวที่ต่างกันของแต่ละคน มีมินิเกมและอีเวนท์ต่าง ๆ รวมไปถึงคนใกล้ชิดรอบตัวที่แตกต่างกันอีกด้วย มันเหมือนประสบการณ์ดูหนังดี ๆ สักเรื่องและมีตัวเอกสองคนดำเนินเรื่องราวไปด้วยกันอย่างลงตัว
และที่เราชอบเป็นการส่วนตัว จนต้องกดคะแนน 10 เต็ม 10 ให้เลย คือตลอด 30 ชั่วโมงของการเล่นแคมเปญเนื้อเรื่องนั้น มันเหมือนกับเราได้นั่งดูหนังบล็อคบัสเตอร์ทุนสร้างมหาศาลที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ยอดเยี่ยมทั้งในแง่การนำเสนอ นักแสดง และการประเคนฉากแอ็คชั่นชุดใหญ่ รวมไปถึงแฟนเซอร์วิสแฟน ๆ Marvel ให้ได้กรี๊ดกันอีกหลายตลบ
แม้หลายคนอาจจะมองว่าเกมมันสั้น หรือไม่มีคุณค่าการเล่นซ้ำ เพราะการนำเสนอเกมให้มีความใกล้เคียงภาพยนตร์ระดับนี้ เราจะประทับใจมันแค่รอบแรกเท่านั้น แต่คุณค่าของเกมที่ดี ก็ควรจะทำให้เราประทับใจได้ตั้งแต่แรก ไม่ใช่ครั้งที่สอง สาม หรือต่อ ๆ ไป ดังนั้น Marvel’s Spider-Man จัดว่าคุ้มค่า คุ้มเวลากับการเล่นแทบจะทุกเวลาที่เราได้โหนใยโลดแล่นอยู่ในเกม
