เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ประชาชนในประเทศอิสราเอลกว่า 400 คนได้รับข้อความแจ้งเตือนว่าเขาหรือเธอเหล่านั้นมีความใกล้ชิดหรือสัมผัสกับบุคคลที่เข้าข่ายติดไวรัส COVID-19 ที่กำลังระบาดหนักทั่วโลกตอนนี้ และขอให้ทุกคนเข้าสู่ขั้นตอนการกักตัวตั้งแต่วันนี้ ซึ่งนี่ถือเป็นมาตรการแรกของรัฐบาลอิสราเอลในการควบคุมดูแลการแพร่ระบาดของประชาชนในประเทศ
ณ เวลานี้ประเทศอิสราเอลมีผู้ป่วยที่ยืนยันได้ว่าติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่แล้วกว่า 529 ราย แต่ยังไม่มีการรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว
“สืบเนื่องจากนโยบายในการควบคุมและดูแลการแพร่ระบาดของโรคในเวลานี้ พวกเรากำลังหาหนทางรักษาที่ได้ผลดีอยู่ โดยการแก้ปัญหาระยะสั้นนั้นก็คือผู้ที่สัมผัสหรือติดต่อกับบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงว่าเป็นโรคโคโรนาไวรัส พวกเราจึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย” ตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุขของประเทศอิสราเอลกล่าว
โดยสิ่งที่ทางกระทรวงใช้นั้นมีรากฐานมาจากระบบความปลอดภัยที่ทางอิสราเอลวางไว้ก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น แต่ก็มีความกังวลว่าเครื่องมือเหล่านี้อาจจะละเมิดสิทธิ์ของประชาชนในประเทศตัวเองเหมือนกับที่ประเทศจีนและอิหร่านที่มีการกล่าวอ้างจากคนทั่วไปว่าจะใช้สิทธิ์ในช่วงที่ไวรัสระบาดนี้ล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนในประเทศ
ซึ่งระบบการส่งข้อความไปให้ผู้ที่มีความเสี่ยงจากการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อนี้จะไม่มีการระบุชื่อว่าเป็นใคร หรือบอกข้อมูลส่วนตัวออกมา มีเพียงข้อความให้กักตัวเองอยู่ในบ้านเพื่อดูอาการหรือไปพบแพทย์ทันทีเท่านั้น ระบบความปลอดภัยดังกล่าวนี้จะมีการติดตามผ่านทางโทรศัพท์ Smartphone ทว่าก็ยังมีการถกเถียงในกลุ่มของประชาชน นักการเมือง และผู้ไม่เห็นด้วยอื่น ๆ ที่ไม่อยากให้ทางรัฐบาลอิสราเอลละเมิดสิทธิของประชาชนในประเทศมากจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม อิสราเอลก็ไม่ใช่ประเทศเดียวที่ใช้ระบบติดตามตัวประชาชนในลักษณะนี้ ประเทศจีนเองก็มีความเข้มข้นในการติดตามตัวผู้ป่วย COVID-19 อย่างเข้มงวด เช่นการใช้กล้องวงจรปิดที่มีตัวตรวจจับอุณหภูมิของประชาชน รวมไปถึงใช้โดรนในการสอดส่องคอยดูประชาชนที่ไม่ให้ความร่วมมือที่อยู่นอกบริเวณบ้าน หรืออิหร่านที่ส่งข้อความหาประชาชนของตนเพื่อดาวน์โหลด App เพื่อวินิจฉัยโรค แต่กลายเป็นการเก็บข้อมูลสถานที่ปัจจุบันของผู้ใช้ไปแทน แถมยังติดตามตัวตลอดเวลาอีกด้วย
