เมื่อหนึ่งในค่ายที่เน้นการขาย DLC ออกมาเปิดใจเกี่ยวกับการทำเกมของพวกเขา
Paradox Interactive หนึ่งในค่ายผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเกมชื่อดังที่มีเกมมากมายอย่าง Cities: Skylines, Hearts of Iron IV, Crusader Kings II ที่ตัวเกมนั้นสามารถเล่นได้หลายชั่วโมง พร้อมทั้งความน่าเล่นที่สามารถกลับมาเล่นซ้ำได้เสมอ แต่ข้อเสียหลักของเกมเหล่านี้คือ DLC ที่มีจำนวนมากมายมหาศาลจนแฟน ๆ หลายคนถึงกับเสียความรู้สึกว่า เกมทำไมถึงมี DLC มากมายนัก ดังนั้นในงาน PDXCon (งานประชุมเกมของค่าย Paradox) ทางเหล่าบุคคลสำคัญของค่าย Paradox ได้ออกมากล่าวถึงเรื่องราวเหล่านี้
โดยคนแรกคือ Shams Jorjani รองประธานฝ่ายธุรกิจของบริษัทได้ออกมากล่าวเกี่ยวกับเกมของค่ายว่า ทางค่ายมีแนวทางในการทำเกมที่ตอบสนองต่อคนกลุ่มต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด โดยเน้นพัฒนาเกมอยู่ 3 แนวทางคือ Strategy, Management และ Role-playing Game ซึ่งเขามองว่าทางค่าย Paradox มี Studio ที่ทำเกมด้านนี้เก่งที่สุดในโลก โดยเขาได้ยกตัวอย่างเกม Cities: Skylines ที่วางจำหน่ายครบรอบ 3 ปีในวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมาโดยทำยอดขายไปถึง 5 ล้านชุด (ไม่รวม DLC)
Shams Jorjani VP of business development
City Skyline เกมที่ขายดีที่สุดของค่าย
คนที่สองคือ Ebba Ljungerud ผู้ที่กำลังจะมาแทนที่ CEO คนเก่าอย่าง Fredrik Wester ที่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงเรื่องที่ทำไมเกมของพวกเขาถึงได้มี DLC มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกมเก่าหรือใหม่ ยกตัวอย่างเช่นเกม Crusader Kings II ที่ได้ออกมาตั้งแต่ปี 2012 แต่ตัวเกมกลับมี DLC ที่มีราคาขายมากถึง 300 เหรียญ ซึ่งเธอได้ให้คำตอบที่มีใจความสำคัญว่า “การที่เกมมี DLC นั้นนอกจากจะทำให้เกมรู้สึกมีความสดใหม่ตลอดเวลาแล้ว เงินที่ได้จากการขาย DLC ยังได้ถูกนำไปพัฒนาเกมอื่นอีกด้วย” ซึ่งเธอได้ยกตัวอย่างว่า อย่างเกม Crusader Kings II ที่มี DLC มากมายนั่น ก็ได้ทำให้เกมรู้สึกมีการพัฒนามากขึ้นกว่าตอนเปิดตัวในช่วงแรก และมีเกมการเล่นที่มีความหลากหลายขึ้น
Ebba Ljungerud CEO คนใหม่ของ Paradox
DLC มากมายแลกกับความสดใหม่ของเกมและเงินในการพัฒนาเกมใหม่?
คนสุดท้าย Mattias Lilja หัวหน้าฝ่าย product ของ Paradox ได้ออกมากล่าวถึงแนวทางการทำเกมในอนาคตที่ทางค่ายทำออกมา โดยเขากล่าวว่า ” เกมไหนที่เล่นได้น้อยกว่า 500 ชั่วโมงไม่ควรจะปล่อยออกมา ซึ่งแน่นอนว่าเกมประเภทนี้ต้องใช้เวลาสร้างที่นาน” นอกจากนี้เขายังกล่าวไปอีกว่าการที่ค่ายเกมนั้นมี DLC มากมายนั้นหลายคนอาจจะมองว่าเป็นแง่ร้าย แต่เรามองว่ามันเป็นทางเลือกที่หลากหลายของผู้เล่นโดยผู้เล่นสามารถเลือก DLC ที่ชอบได้ ดีกว่าการบังคับให้ซื้อเหมือนกับเกมอื่นๆ (เขาใช่คำว่า Premium DLC)
Mattias Lilja หัวหน้าฝ่าย Product
โดยรวมแล้วการออกมาพูดครั้งนี้ของทางค่ายนั้น ได้สร้างความเข้าใจมากขึ้นให้เหล่าสาวกมากขึ้นสำหรับค่ายนี้ ซึ่ง DLC นั้นมันเป็นเหมือนกับดาบ 2 คมในทางผู้พัฒนานั้นการขาย DLC เปรียบเสมือนการหาเงินมาหมุนเวียนในการพัฒนาเกมต่อและบำรุงเกมต่อไป ส่วนในฐานะของเหล่าเกมเมอร์นั้นการซื้อ DLC แต่ละครั้งเรามองที่ความคุ้มค่า หาก DLC ออกมาแล้วเนื้อหาน้อยเกินไปแถมยังมีราคาแพงก็เป็นสิ่งที่มิอาจรับได้
ที่มาของข่าว:www.gamesindustry.biz
