BY Nuttawut Apiratwarakul
15 Oct 25 11:44 am

War, war never changes 30 ปีผ่านไป ทำไมวลีสุดคลาสสิคจากฉากเปิดเกม Fallout ถึงยังใช้ได้ดีในปัจจุบัน

52 Views

War, war never changes สงครามไม่เคยเปลี่ยน ประโยคเปิดในตำนานจากผลงานเกมตระกูล Fallout ถือเป็นหนึ่งในประโยคขึ้นหิ้งชั้นตำนานของวงการเกม ที่แม้จะผ่านมานานกี่ยุคกี่สมัยมันก็ยังติดอยู่ในใจของผู้คนและถูกพูดถึงมาเสมอ

“สงครามไม่เคยเปลี่ยน” ไม่ได้พูดถึงรูปแบบของการสู้รบ (เพราะอันนั้นมีประโยคโต้กลับจนกลายเป็น Meme ไปแล้วใน Metal Gear กับประโยค War has changed หรือสงครามเปลี่ยนไปแล้ว)  ต้องบอกก่อนว่าประโยคทั้งสองมองสงครามในคนละมุมมอง โดยประโยคเต็ม ๆ ของ Metal Gear เป็นการพูดถึงสงครามสมัยใหม่ ที่ไม่ใช่การสู้รบกันระหว่างประเทศ เชื้อชาติ หรือ ความขัดแย้งด้านความคิด แต่เป็นการต่อสู้ของสงครามตัวแทนแบบไม่จบสิ้นด้วยทหารรับจ้างและเครื่องจักร 

แน่นอนว่าสงครามยุคหินกับสงครามยุคนิวเคลียร์มันต่างกันอย่างสิ้นเชิง อาวุธเปลี่ยนจากหอกและหินมาเป็นระเบิดและโดรน แต่สิ่งที่ Fallout ต้องการจะสื่อคือ สงครามนั้นสร้างความสูญเสีย ความเจ็บปวด และความโหดร้ายของมนุษย์ ทุกอย่างที่ว่ามาเหล่านี้ล้วนไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้จะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยก็ตาม

YouTube video

ต้นกำเนิด War. War never changes.

ประโยค “War. War never changes.” ถูกเอ่ยเป็นครั้งแรกในฉากอินโทรของเกม Fallout ภาค 1 โดย Ron Perlman ดาราดังผู้พากย์เสียงในฉากเปิดเรื่อง (รวมไปถึงฉากจบด้วยเช่นกัน)

ฉากอินโทรของเกม บอกเล่าถึงสงครามในยุคต่าง ๆ ของมนุษชาติ ไม่ว่าจะเป็นยุคโรมัน สเปน ฮิตเลอร์  สงครามจริงในประวัติศาสตร์ล้วนสะท้อนให้เห็นว่าทุกยุคทุกสมัย สงครามก็ยังขับเคลื่อนด้วยความโลภลอำนาจมาโดยเสมอ

แม้ว่าเทคโนโลยีในโลกของเกม Fallout จะก้าวล้ำ มีทั้งหุ่นยนต์ พลังงานพลาสมา การวิจัยไวรัสกลายพันธุ์ แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม “มนุษย์” ไม่อาจก้าวข้ามความขัดแย้งและความโลภในใจ สุดท้ายแล้วโลกรวมไปถึงอารยธรรมของมนุษยชาติถึงถูกทำลายด้วยสงครามนิวเครียร์จนเกือบสูญสิ้น

มองเกมสะท้อนโลกแห่งความจริง

Fallout ยังเปรียบเทียบกับเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ ธีมและเนื้อหาของเกม Fallout ล้วนแล้วแต่ตั้งเป้าวิพากษ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกจริงของพวกเรา 

มันฉายภาพซ้ำให้เห็นความดำมืดและสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกจริงแต่หยิบยกมาขยายและใส่ความตลกและความเป็นเกมผสมรวมลงไปในหม้อ

เรามีเรื่องราวของฮีโร่ผู้ถูกใส่ร้าย เรื่องราวของเหล่าผู้มีอำนาจที่ทำทุกทางเพื่อรักษาอำนาจของตนเองไว้ เรื่องราวที่เหล่าประชาชนคนธรรมดาต้องเป็นผู้ถูกทำร้ายทำลาย โดยเบื้องหลังคือเหล่าคนบนหอคอยที่ยืนบนซากศพและหัวเราะท่ามกลางสมบัติไร้ค่ามากมาย

ทุกช่วงเวลาทั้งในโลกจริงและโลก Fallout ต่างมีจุดร่วมเดียวกัน  “ความโหดร้ายที่มนุษย์ทำต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”

War Never Changes: จากอดีตถึงอนาคต

สงครามเวียดนาม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในนานกิง หรือเหตุการณ์ใน Fallout: New Vegas เช่น “Bitter Springs Massacre”  ทุกเรื่องล้วนสะท้อนภาพเดียวกัน

มนุษย์ที่เชื่อว่าตนทำสิ่งที่ “ถูกต้อง” กลับก่อความหายนะให้ผู้อื่นได้อย่างง่ายดายจนเหลือเชื่อ

แม้แต่คำพูดของ Thucydides ชาวเอเธนส์ในประวัติศาสตร์ “The strong do what they can, and the weak suffer what they must.” ก็ยังถูกสะท้อนหลายต่อหลายครั้งใน Fallout ผู้เข้มแข็งบดขยี้ผู้อ่อนแอโดยไร้ความปรานี 

ทรัพยากรถูกช่วงชิง ยึดครอง ผู้บริสุทธิถูกสังหารโดยไร้เหตุผล ในบริบทของเกม Fallout ในโลกที่ไร้ซึ่งกฎระเบียบ “กฎ” ดังกล่าวอาจดูเป็นเรื่องปกติ แต่ในโลกความจริงของเราที่มีกฎมากมาย มีความ “ศิวิไลซ์” ยกระดับแล้วทางจิตใจสุดท้ายเรื่องราวก็ดูไม่แตกต่าง แม้จะผ่านยุคหินมาจนถึงปัจจุบัน สุดท้ายแล้วผู้อ่อนแอก็ทนทุกข์อยู่ร่ำไป

“ผู้มีอำนาจทำสิ่งที่ตนต้องการ ส่วนผู้อ่อนแอต้องทนรับชะตา”  นี่คือธรรมชาติของสงครามในทุกยุค 

Fallout New Vegas

สงครามไม่เปลี่ยน เพราะมนุษย์ไม่เคยเปลี่ยน

ในตอนท้ายของเกม Fallout: New Vegas ตัวละคร Ulysses กล่าวว่า

“It’s said war never changes. Men do. Through the roads they walk.” 

“คนบอกว่าสงครามไม่เคยเปลี่ยน แต่คนเรานั้นเปลี่ยนได้ ผ่านเส้นทางที่พวกเขาได้เดิน”

มนุษย์เปลี่ยนได้แต่ “มนุษยชาติ” โดยรวมไม่เคยเปลี่ยน ตราบใดที่มนุษย์ยังคงมีอารมณ์ ความกลัว และความโลภ สงครามก็ยังคงอยู่ตลอดไป

สุดท้ายแล้ว “War Never Changes” พูดถึง ธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์พร้อมจะก่อสงครามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อให้โลกจะมีเทคโนโลยีก้าวหน้าไปขนาดไหนก็ตาม

Fallout เล่าถึงโลกหลังสงครามนิวเคลียร์ มันคือ “คำเตือน” ที่สะท้อนว่ามนุษย์ไม่เคยเปลี่ยน สงครามจะยังคงเกิดขึ้นอีกเสมอ ตราบใดที่เรายังไม่เรียนรู้จากมันจริง ๆ

“War. War never changes.”

SHARE

Nuttawut Apiratwarakul

โน้ต - Co-Founder / Editor-in-chief

Back to top