BY Markrider
26 Apr 18 2:52 pm

Review: Avengers: Infinity Wars

7 Views

จุดบรรจบของหนังมาร์เวลที่คุณต้องดู !

ดำเนินกันมาถึงภาค 3 แล้วสำหรับภาพยนตร์หัว Avengers หัวที่ทำมาเพื่อรวมทีมฮีโร่ทุก ๆ คนที่อยู่ในจักรวาลหนังของมาร์เวล ได้มาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มเดียวกันโดยเฉพาะ ภาคนี้ใช้ชื่อว่า Infinity Wars ซึ่งเราไม่อยากแปลไทยมาก เดี๋ยวมันจะลิเก เนื้อหามันก็จะประมาณว่า ตัวร้ายชื่อธานอส ต้องการจะรวบรวม Infinity Stone หินที่มีพลังระดับจักรวาลทั้ง 6 ก้อนไว้ที่ตัวเอง เพื่อใช้ล้างเผ่าพันธุ์ส่วนเกินของจักรวาล หนังเรื่องนี้เข้าโรงภาพยนตร์ไปเมื่อวันที่ 25 เมษายน ทำให้สถานการณ์ของโรงหนังเมื่อวานนี้ เรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤติ คนทุกจังหวัดไปต่อคิวรอดูเรื่องนี้ แอพลิเคชั่น Major SF ถูกโหลดมาจองตั๋วล่วงหน้าจนติดอันดับบนสโตร์ แต่หลังจากนั้นแอพก็ล่มไปในเวลาไม่นาน (ฮา) เรียกได้ว่าคนไทยสนใจเรื่องนี้มาก ๆ เราเลยหยิบมารีวิวให้อ่านกัน

เนื้อหาจะเล่าถึง ธานอส ชาวดาวไททันที่เหลือรอดเป็นคนสุดท้ายเนื่องจากดาวล่มสลายด้วยการใช้ทรัพยากรอย่างมหาศาล เขาตั้งปณิธานอันยิ่งใหญ่ว่าจะกวาดล้างประชากรบนจักรวาลนี้ออกครึ่งหนึ่ง เพื่อให้จักรวาลคงอยู่ได้ และไม่ล่มสลายเหมือนบ้านเกิดของเขา การจะทำอย่างนั้นได้ เขาต้องรวบรวม Infinity Stone ทั้ง 6 มาไว้ที่เขา ซึ่งในหนังภาคนี้เขาจะนำพาเหล่า Children of Thanos ออกไปรวบรวมหินจนกว่าจะครบ เนื้อหาต่อจากนี้ไปดูต่อเองนะครับ เพราะว่าถ้าเล่าเยอะกว่านี้ก็จะหลุดสปอยแล้ว (ฮา)

Avengers : Infinity Wars

ภาคนี้ถูกเคลมว่าใช้ฮีโร่เยอะมาก ๆ และนั่นเป็นสิ่งที่เราเป็นห่วงว่าจะเป็นจุดอ่อนของหนังหรือเปล่า ? แต่พอเข้าไปดูจริง หนังใช้วิธีนำเสนอที่น่าสนใจมาก โดยการแบ่งตัวละครเป็นทีมแล้วเล่าเหตุการณ์สั้น ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละสถานที่ สลับกลับไปกลับมาเรื่อย ๆ จนทีมนั้นมาบรรจบกับทีมนี้ที แยกกันที ซึ่งการเล่าเรื่องลักษณะนี้มันยากมากถ้าคุณไม่ใช่ทีมงานที่ฝีมือโคตรเทพ แต่ทีมงานของภาพยนตร์เรื่องนี้ทำออกมาได้ดีทีเดียว แม้จะดูรีบเร่งไปบ้างจนทีมฮีโร่บางทีมดูจืดจางกว่าปกติ แต่อย่างน้อยทุกคนได้ออกท่าทางสู้หมด ไม่มีตัวไหนออกมาแล้วไร้ค่า แม้แต่คนที่ไม่ใช่ฮีโร่เองก็มีแอร์ไทม์ที่เยอะพอ ๆ กัน เรียกได้ว่าให้ความสำคัญกับเวลาได้ค่อนข้างจะดี

ด้านคิวบู๊ภาคนี้ถือเป็นภาคที่ผู้เขียนคิดว่า เป็นภาคที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้วด้านการต่อสู้ ในหนังเรื่องอื่นเราอาจจะเห็นอะไรที่มันดีไซน์ได้จำกัด เพราะฮีโร่ในเรื่องมีอยู่คนเดียว สองคน หรือทีมเล็ก ๆ ทีมหนึ่ง แต่อันนี้ไม่ใช่ คุณจะได้เห็นอะไรที่มันแปลกมาก ๆ ที่คุณคิดว่ามันไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่พอมันมารวมกันแล้วสู้ด้วยกัน มันเข้ากันมาก ๆ ฉากนี้ทำให้ผู้เขียนเผลอไปนึกถึงฉากในเรื่องดราก้อนบอลซุปเปอร์ที่โกคูร่วมมือกับฟรีซเซอร์ เพราะมันให้อารมณ์เดียวกัน คือสิ่งที่คุณไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ มันเป็นไปได้อ่ะ ! ทำให้ผู้เขียนคิดว่า นี่แหละ ที่สุดของคิวบู๊แล้ว

Avengers : Infinity Wars

ซีนอารมณ์ของเรื่องนี้ทำให้ผู้เขียนอึ้งอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่ว่ามันดีมากจนสามารถเปลี่ยนแนวหนังเป็นเมโลดราม่าได้ แต่มันดีมากทั้ง ๆ ที่หนังใช้ตัวละครเยอะและจำเป็นต้องใช้เวลาในแต่ละซีนให้สั้นที่สุด ในซีนอารมณ์ทั้งหมดของเรื่อง หนังถ่ายทอดออกมาได้ดีเกือบทุกครั้ง เรารู้สึกได้ชัดเจนว่าตัวละครรู้สึกอย่างไรในซีนนั้น ๆ การแสดงของนักแสดงก็ม่ีส่วนช่วยอย่างมากด้วยในฉากแบบนี้ เอาเป็นว่าถ้าคุณตื่นเต้นกับฉากแอคชั่นที่ผู้เขียนอธิบายด้านบน คุณจะเศร้ากับซีนอารมณ์ที่ลึกซึ้งนี้ด้วยแน่นอน

สิ่งที่ไม่ชอบอย่างเดียวคือหนังมีช่องโหว่ของบทที่เยอะเกินไป บางทีเราดูหนังเราก็จะพยายามหาเหตุผลว่าทำไมต้องแบบนั้น ? ทำไมต้องแบบนี้ ? ซึ่งหนังเรื่องนี้ให้คำตอบบางอย่างกับผู้เขียนไม่ได้ ที่เห็นชัด ๆ เลยคือเสกลพลังที่ดูจะผันผวนอย่างมาก ตัวละครบางตัวโผล่มาในฉากนี้อย่างเก่ง แต่พอไปอีกฉากนี่จบเลย โดนอัดก่อนคนแรก มันดูไม่สมเหตุสมผลอย่างแรง

Avengers : Infinity Wars

Avengers: Infinity Wars ถือเป็นภาคต่อที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบถ้าหากคุณเป็นแฟนบอยมาร์เวลมาตั้งแต่หนังเรื่องแรก ๆ หนังเรื่องนี้ถือเป็นการมาบรรจบกันของทุกอย่างที่ Marvel ปูไว้มาเนิ่นนาน แต่ถ้าคุณไม่เคยดูหนังมาร์เวลเลยซักเรื่อง ก็แนะนำว่าให้ไปไล่ดูก่อน เพราะถ้าคุณเข้าไปดูตอนนี้ คุณจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย คุณจะไม่รู้สึกอินแม้แต่น้อย และหนังเรื่องนี้จะกลายเป็นหนังห่วยไปโดยปริยาย

Nattapit Arsirawatvanit

มาร์ค - Senior Content Writer

Back to top