BY Next
4 Nov 25 3:56 pm

รีวิว Battlefield 6: การกลับมาของสุดยอดเกมยิง Multiplayer จะกู้ศรัทธาได้ไหม

54 Views

มันอาจไม่ใช่ Battlefield ที่ดีที่สุด แต่คือการกลับมาที่แฟนเกมรอคอย สงครามขนาดใหญ่ยังมันส์ ทีมเวิร์กยังเข้ม และเสียงระเบิดยังสะใจเหมือนเดิม ภาคนี้เราลองให้แล้ว มาดูกันว่าอะไรใน Battlefield 6 ที่สมการรอคอย และอะไรที่ยังต้องลุ้นต่อไป

YouTube video

Story – พยายามเชื่อมจักรวาล Battlefield ทั้งหมด แต่ไปไม่สุดทาง

ปี 2020 – โลกเริ่มสั่นคลอน ประเทศต่าง ๆ มองหาแนวร่วมใหม่เพื่อความมั่นคง และนั่นคือการมาถึงของ “Pax Armata” กองกำลังเอกชนที่เสนอการคุ้มครองแลกกับค่าจ้าง ด้วยเงินทุนจากหลายชาติ Pax Armata ขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็ว ยึดครองพื้นที่ทีละส่วน ขณะที่ NATO แทบทำอะไรไม่ได้

ปี 2028 – เลขาธิการ NATO ถูกลอบสังหาร และ Pax Armata ประกาศชัดว่าเป็นฝีมือตนเอง พันธมิตรของ NATO เรียกร้องให้ตอบโต้ แต่ NATO ยังคงนิ่ง จนกว่า 12 ประเทศในยุโรปถอนตัว จากพันธมิตร

ไม่นาน Pax Armata ก็เดินหน้าควบคุมหลายประเทศ พร้อมเปิดศึกกับชาติที่ยังยืนข้าง NATO ทำให้สงครามระหว่าง NATO ที่ยังเหลือ กับ Pax Armata ปะทุขึ้นอย่างจริงจัง

ในโหมดเนื้อเรื่อง ผู้เล่นรับบททีม Dagger 1-3 หน่วยเฉพาะกิจของ NATO ที่ถูกสั่งการให้ตอบโต้ Pax Armata และจะได้พบความจริงบางอย่างที่ทหารทั่วไปไม่มีวันเข้าถึง

ข้อความต่อไปนี้อาจมีการเปิดเผยเนื้อหาของเกมบางส่วน

นี่ไม่ใช่การ Reboot จักรวาล แต่เป็นเหตุการณ์ที่เชื่อมต่อจาก Battlefield 3 ต่อไปยัง Battlefield 4 และเป็นเหตุการณ์ก่อน Battlefield 2042 รวมถึงยังผูกโยงกับภาค Battlefield V ที่สานต่อจากภาค Battlefield 1 กล่าวได้ว่า Battlefield ยุคใหม่ (ไม่นับ Battlefield Hardline) เชื่อมจักรวาลกันทั้งหมด

การพยายามเชื่อมโยงมีเป้าหมายเพื่อทำให้บริบทของ Battlefield 2042 มีเหตุผลขึ้น หลังจากที่ภาคนั้นเปิดมาค่อนข้างกะทันหัน และยังพยายามทำให้โหมดเนื้อเรื่องมีอารมณ์แบบเกมยิง Blockbuster

อย่างไรก็ตาม เมื่อพยายามทำ “ทุกอย่าง” พร้อมกัน ผลลัพธ์กลับไปไม่สุดสักทาง ตัวละครขาดเอกลักษณ์ เพราะเวลาเล่าถูกแบ่งให้ประเด็นอื่น ๆ

Pax Armata ถูกวางให้ดูน่ากลัวแต่กลายเป็นเบาบาง หลายประเด็นเหมือนเป็นเพียงข้ออ้างให้เกิดโหมด Multiplayer และ Battle Royale

ขณะที่เนื้อเรื่องจบแบบ “ค้าง” สไตล์เล่าไปตามคอนเทนต์แต่ละ Season โดย Season 1 ก็ยังไม่ได้เฉลยตรง ๆ แต่ชวนสังเกตจากแผนที่ของ Multiplayer และ Battle Royale ใครอยากเสพเรื่องเล่าต่ออาจต้องรอคอนเทนต์สรุปเพิ่มเติม ระหว่างเล่นก็โฟกัสเกมเพลย์ไปก่อนจะดีที่สุด

สรุปสั้น ๆ: โหมดเนื้อเรื่องของ Battlefield 6 “จืด” ที่สุดเมื่อเทียบกับภาคก่อน ๆ

พอเล่นภาคนี้แล้วทำให้เนื้อเรื่องของภาค 1 และภาค 3 ดูโดดเด่นขึ้นทันที ถ้ามองมันเป็น “ฉากหลัง” ให้ Multiplayer จะพอรับได้ โดยเฉพาะคนที่อินกับจักรวาล BF และอยากตามเส้นเรื่องระหว่างยิงกับผู้เล่นอื่น แต่ในแง่ความเข้มข้นเดี่ยว ๆ ยังไม่น่าจดจำมากนัก

Presentation – ภาพ เสียง และความพังพินาศสะใจที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์

ภาพของการถล่มทลาย เสียงของสงครามที่บอกถึงความวอดวายสุดเหวี่ยง ตั้งแต่ยุค Frostbite ใน Battlefield Bad Company ประสบการณ์ความพินาศและเสียงระเบิดแบบ “สงครามเต็มระบบ” ยังหาใครเทียบยาก

ภาคนี้เพิ่มความเสียหายของสิ่งแวดล้อมขึ้นอีกระดับ ไม่ใช่แค่ตึกพังได้ ของใช้ โครงนั่งร้าน พื้น/เพดานบางส่วน บนอาคารก็ยิงทำลายเพื่อเปิดทางหรือสอยผู้เล่นที่ซ่อนอยู่ได้

ที่ชอบเป็นพิเศษคือ เศษซากยานพาหนะมีน้ำหนักจริง ตกลงมาแล้ว ส่งผลกับโครงสร้าง ที่พังได้จริง ไม่ใช่ “กระดาษปลิว” แบบเก่า

ภาพสวย เสียงเทพ คือเอกลักษณ์ที่ Battlefield รักษามาตลอด และภาคนี้ยกระดับโมเมนต์พังพินาศได้สะใจ

แม้ทั้งหมดจะยังเป็นการทำลายแบบสคริปต์เพื่อรักษาสมดุล 64 ผู้เล่น แต่ในกรอบของ Battlefield ถือว่าใส่มาเยอะ หลายฉากในโหมดเนื้อเรื่องมี set piece ใหญ่ เพลงประกอบอลังการ แม้โดยภาพรวมจะเหมือนนำ Asset จากโหมดอื่นมาจัดวางใหม่

Battlefield 6 ถูกออกแบบให้เป็น “แพลตฟอร์ม” ระยะยาว มีทั้ง Multiplayer, โหมด Battle Royale, โหมดที่อิงกับ BR และ Portal สำหรับปรับแต่งคอนเทนต์หรือเปิดเซิร์ฟเวอร์เอง

จึงพอเข้าใจว่าทำไม HUD ถึงจัด Layout ต่างไป เช่น ค่า HP ของเราและเพื่อนมากองจุดเดียว ไม่ระบุเปอร์เซ็นต์ เพื่อใช้ร่วมกันได้ทุกโหมด โดยเฉพาะ BR หากทีมยังคงอัปเดตคอนเทนต์ได้สม่ำเสมอ ก็มีโอกาสไปได้ไกล — แต่จากสถิติเดิมราว 7 ซีซัน (ปืนใหม่ 2 – 3 กระบอก/แมพใหม่ 2 แมพ) ต้องรอดูว่าจะเติมของได้ยาวแค่ไหน

ด้านปลดของ/ปลดอาวุธ ภาคนี้เน้นอายุเกมยาวขึ้นแต่แลกกับ “ความเหนื่อย” ของจริง บางชิ้นล็อกด้วย Challenge หนัก ๆ เช่น Headshot 300 ครั้ง ต่อปืน กว่าจะได้ของครบ และต้องไต่ถึง เลเวล 40 ต่อกระบอก ถึงแม้จะเร่งช่วงเลเวล 1–20 แล้ว แต่หลังจากนั้นยังต้องใช้ XP ระดับ 5,000+ ต่อขั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ของแต่งที่ “แก้จุดอ่อน” มักไปอยู่ท้าย ๆ เช่น KV9/Vector ยิงรัว 1,080 RPM แต่แม็กสั้น – แม็กยาวอยู่เลเวล 26 และสูงสุดเลเวล 40 ใครเวลาน้อยจะรู้สึกไม่แฟร์

มุมออกแบบ Challenge บางโจทย์ไม่สอดคล้อง ทีมเวิร์ก แบบ Battlefield เช่น บังคับ Recon ยิงหัวระยะ 150 เมตร+ ชวนให้นอนแคมป์ไกล ๆ เทียบกับ Engineer/Support ที่ซ่อมรถ เติมกระสุน/เลือด ช่วยทีมตรง ๆ – แนวคิดควรขยับไปโจทย์ “ช่วยทีม” ให้มากขึ้น

Portal ภาคนี้ยังน่าสนใจน้อยกว่า BF2042 (ที่ใส่คอนเทนต์จาก BF1942, Bad Company 2, BF3) เพราะตอนนี้มีแต่ Asset จาก BF6 – แต่อย่างน้อยยังเป็นฐาน “แพลตฟอร์ม” ที่อัปเดตเพิ่มได้

Gameplay – สนุก ดุดัน แต่ Challenge และการปลดของโหดกว่าที่ควร

ความรู้สึกโดยรวมคือ “Battlefield 4 ผสม Battlefield 5” – การกระจายกระสุน/แรงปะทะใกล้ภาค 4 ส่วนการเคลื่อนไหวเอนเอียงภาค 5 (สไลด์/ม้วนตัว/เกาะขอบกลางอากาศ) โดย สไลด์ถูกเนิร์ฟ: สไลด์แรกเร็วเหมือนเดิม แต่ถ้ากดซ้ำใน ~4 วินาที ระยะ/ความเร็วจะลดครึ่งหนึ่ง

โหมดเนื้อเรื่องหยิบโทนภาค 4 มาใช้ (สั่งยิงกดดัน/สั่งใช้ระเบิด) ตัวเอก 4 คนแทน 4 คลาส สลับบทไปมา – แนวคิดดีแต่การประยุกต์ยังไม่สุด บางด่านแม้เล่น Recon ก็ยังต้องคว้า RPG เอง เส้นทาง ย้อนกลับไปเปลี่ยนอาวุธไม่ได้ เห็นชัดว่าโฟกัสหลักอยู่ที่ Multiplayer

การยิงกดดัน แบบใหม่ไม่ตัดความแม่น แต่ หยุดการฟื้นพลังอัตโนมัติ และกันเพื่อนมาเกิด ทำให้ ยึด/ป้องกันจุด มีน้ำหนักขึ้น พร้อมสัญลักษณ์สีเทาบอกทิศที่โดนกด – เรียบง่ายแต่เวิร์ก

การลากชุบ คือฟีเจอร์เด่น ดึงเพื่อนออกจากจุดอันตรายก่อนชุบ ลดโดนยิงซ้ำ คล้ายระบบหมู่ใน BF V ส่วน Training Path (คล้าย Field Upgrades) กระตุ้นทำ Objective/ช่วยทีม ระดับสุดท้ายเป็น “อัลติเล็ก ๆ” เช่น Engineer ซ่อมรถไว 10 วิ/Recon เปิด UAV 60 วิ – ไม่โกง แต่ได้เปรียบพอเหมาะ

แผนที่หลายอันเน้นแบ่งเลน เดินเท้ามันส์ แต่รถถังจะอึดอัด ซีซัน 1 แก้ด้วย Blackwell Fields (แมพสายยานเกราะ) และ Operation Firestorm (Remaster) ที่บาลานซ์อาคาร/พื้นที่โล่งลงตัว ที่ชอบเป็นพิเศษคือ Manhattan Bridge (ย่าน Dumbo, NYC) ฟีลรบในเมืองชัด

แต่งปืนแบบ “เพดาน 100 แต้ม” – ของแรงกินแต้มสูง (เช่น ด้าม 45 / เก็บเสียง 30) บังคับให้เกิด Trade-off ที่ชัด ระบบนี้ฉลาดและทำให้ชุดแต่งมีตัวตน

ถ้าเข้าเกมช่วงคนไม่แน่น ระบบจะเติมบอท – ยิงบอทไม่มันเท่าคนจริง แต่คือโอกาส ปั๊มเลเวลปืน ที่ดี

จุดแข็งอีกอย่างคือ กันโกงได้ผล: เล่น ~100 ชั่วโมง เลเวล 78 แทบไม่เจอคนโกง (แม้การเปิด Secure Boot จะวุ่นวายหน่อย)

สมดุลยังต้องปรับ เช่น Signature Weapon ให้ความต่าง “ตามคลาส/ข้ามคลาส” ไม่เด่น (ยกเว้น Recon) อุปกรณ์บางชิ้นอย่าง อะดรีนาลีน Assault ยังไม่คุ้ม (ใช้ ~2 วิ / ยิงไม่ได้ / อยู่ผล ~7 วิ / ไม่ฮีล) – ถ้าปรับให้เริ่ม รีเจนทันที แต่หยุดเมื่อโดนยิง จะดันบทบาททะลวงฟันได้โดยไม่โอเวอร์

สมดุล SMG/Carbine ยังมีจังหวะแปลก ๆ (SMG ไกลแม่นเกิน/Carbine ใกล้แรงเกิน) และโหมด Rush ยังเล็ก-ยานพาหนะน้อย ส่วน Breakthrough ดร็อปลงเพราะแมพเอียงไปทาง Conquest/Escalation

Performance – ภาพสวยขึ้น กินเครื่องน้อยลง แต่ Bug ยังอยู่เป็นเพื่อนคู่ใจ

อดีต BF บนพีซีคัดสเปกแรง ๆ (GTX 580 → 780 Ti → 980 Ti ฯลฯ) แต่ Battlefield 6 ทำได้เกินคาด – “กินเครื่องลดลง” คอมระดับกลางค่อนไปทางต่ำยังพอเล่นได้

ทดสอบบน i7-8700K + GTX 1070 ปรับ Low ที่ 1080p + Upscaling ระดับ Performance ได้ราว 70 – 80 FPS แม้ใช้ HDD จานหมุน (มีอาการ Asset โหลดช้า/เสียงขาดช่วงหนัก ๆ คาดว่า CPU/HDD คอขวด) แต่โดยรวม “เล่นได้”

เครื่องสเปกปี 2020 ปรับ Ultra 4K (ไม่เปิด Upscaling) ได้ ~80 – 100 FPS และตกช่วงดวลหนักลงแถว 80 – ถือว่า Optimize ดีสำหรับเกมเพิ่งออก

ถ้าใช้ GeForce RTX 50 Series ประสบการณ์ไปอีกขั้น: DLSS 4 ภาพคมใกล้ Native แต่เฟรมพุ่งจาก ~80-100 เป็น ~140 – 150 FPS เมื่อเปิดโหมด Performance และถ้าเปิด Multi-Frame Generation เฟรมทะลุ เหมาะกับจอรีเฟรชเรตสูงยิ่งเมื่อทำงานร่วมกับ NVIDIA Reflex ลดอาการหน่วง

ภาพรวม: ประสิทธิภาพ “รักมาก” แต่ บั๊กยังเยอะ – หลังแพตช์ล่าสุดดีขึ้นชัด แต่ยังมีเคสสุ่ม ๆ ให้เห็น

ก่อนแพตช์เคยเจอ ของแต่งไม่เซฟ / เฟรมกล้องติด / กล่อง Supply ใช้ไม่ได้ ฯลฯ (ปัจจุบันแก้แล้ว 2 พ.ย. 2025) แต่ยังมีอาการ ดีดขึ้นขอบหิน เป็นระยะ และ ไม่รองรับ Overlay หลายตัว (Afterburner / โปรแกรมอัดเกม / NVIDIA Overlay) รวมถึงบั๊ก “เกิดใหม่แต่กล้องยังค้าง” ที่เพิ่งโผล่หลังแพตช์

สรุป – ไม่ใช่ Battlefield ที่ดีที่สุด แต่คือการกลับมาที่แฟนเกมต้องการ

Battlefield 6 อาจไม่ใช่ภาคที่ดีที่สุด แต่คือการกลับมาที่แฟน ๆ ต้องการ – เกมเพลย์หลักดุเดือด ทีมเวิร์กชัด งานภาพ-เสียงระดับท็อป และ ประสิทธิภาพบนพีซีดีเกินคาด ปัญหาหลักคือ โหมดเนื้อเรื่องจืด / การปลดของโหด สำหรับคนเวลาน้อย และ บั๊ก ที่ยังต้องไล่แก้

สำหรับสาวก Battlefield นี่คือภาคที่ “ควรเล่น” ส่วนมือใหม่ นี่คือจังหวะดีที่จะลอง หากชอบสงครามสเกลใหญ่ที่ ทีมเวิร์ก ตัดสินชัย และพร้อมเติบโตไปกับแพลตฟอร์มที่จะอัปเดตยาว

Battlefield 6

6.5 / 10 คะแนน

6.5

ข้อดี

  • งานภาพ เสียง และเอฟเฟกต์ระเบิดยังคงอลังการ สมกับชื่อ Battlefield
  • เกมเพลย์ยิงมันส์ ระบบทีมเวิร์กแน่น กลับมาสู่รากเดิมของซีรีส์
  • การ Optimize ทำได้ดี เล่นได้ลื่นแม้บนพีซีสเปกกลาง
  • ระบบใหม่อย่าง “ลากเพื่อนชุบ” และ “Training Path” เพิ่มมิติการเล่นให้ลึกขึ้น

ข้อเสีย

  • โหมดเนื้อเรื่องพยายามเชื่อมจักรวาลมากเกินไป จนเล่าเรื่องไม่สุด
  • ระบบปลดของและ Challenge ใช้เวลานานเกินความจำเป็น
  • สมดุลอาวุธและอุปกรณ์บางอย่างยังไม่ลงตัว
  • เกมยังมีบั๊กและปัญหายิบย่อยให้ต้องตามแก้ในแพตช์ต่อไป

Nantahwut Indarachalerm

เน็กซ์ - Chief Video Editor

Back to top