BY Aisoon Srikum
30 Jul 21 6:39 pm

รีวิว: Tribes of Midgard ไปด้วยกัน ไปได้ไกล เกมดีสำหรับคนรวยเพื่อน

311 Views

หากคุณกำลังเบื่อที่เกมที่เล่นอยู่ Co-op ได้แค่ 3 คน ? 4 คน ? มันน้อยไป เพื่อนที่เหลืออยู่ก็เคว้งคว้างเหมือนคนถูกทิ้ง แล้วจะทำยังไงดี ? คำตอบคือต้องหาเกมที่เล่นได้มากกว่านั้นเพิ่ม แต่ส่วนมากมันก็เป็นเกม FPS หรือเกม MOBA ที่รองรับทีมละ 4-5 คน แต่ติดตรงเพื่อนบางคนก็ไม่ชอบอีก และนี่คือ Tribes of Midgard เกมที่เราจะได้รับบทเป็นนักรบไวกิ้งในโลกแห่งเทพนอร์ส ต่อต้านกับยักษ์โยตุนน์ และที่สำคัญ นี่คือเกมสำหรับคนรวยเพื่อนอย่างแท้จริง เพราะมันรองรับการ Co-op มากถึง 10 คน ! แล้วเกมนี้มันดีมียังไง สนุกแค่ไหน ไม่มีเพื่อนเลยจะเล่นได้หรือไม่ หาคำตอบกันได้ในบทความรีวิว Tribes of Midgard ตัวนี้

Story

เหล่าทวยเทพได้สร้างอาณาจักรทั้ง 9 ขึ้นมา และซ่อนต้นกล้าแห่งอิกดราซิลเอาไว้ทั่วมิดการ์ด หมู่บ้านและชนเผ่ามนุษย์เริ่มตั้งถิ่นฐานล้อมรอบต้นอิกดราซิล โดยใช้พลังจากต้นกล้า รวมไปถึงคอยปกป้องต้นกล้าเอาไว้ แต่ความลับนี้ไม่อาจปกปิดได้นาน ต้นกล้าอิกดราซิลอ่อนกำลังลง ม่านระหว่างอาณาจักรทั้ง 9 ได้จางหายไป และพวกศัตรูของอาณาจักรแอสการ์ดก็เตรียมกรีฑาทัพบุกจู่โจมมิดการ์ดเพื่อหวังจะทำลายต้นอิกดราซิลให้สูญสิ้น เราจะเป็นหนึ่งในผู้กล้าแห่งวัลฮัลลาที่ถูกอัญเชิญลงมาปกป้องหมู่บ้านและต้นอิกดราซิลเอาไว้ และนี่คือมหาสงครามแร็กนาร็อคที่ถือกำเนิดขึ้นภายใต้ Tribes of Midhard

และ..ทั้งหมดของเนื้อเรื่องก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ นี่ไม่ใช่เกมที่มีเนื้อเรื่องสลักสำคัญอะไรนัก เพียงแค่ปูมาไว้ให้ดูยิ่งใหญ่ ให้มีเหตุผลในการต่อสู้ เพราะฉะนั้นเราจะไม่พูดถึงในส่วนของเนื้อเรื่องกันมากนัก เนื่องจากมันไม่ใช่สิ่งสำคัญของเกมนี้เลย รู้แค่ว่าเราเป็นใคร มาทำอะไร แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

Presentation

เซ็ตติ้งและฉากหลังของเกมนี้คือโลกของมิดการ์ด และธีมเทพนอร์สที่เราคุ้นเคยกันดีจากหลากหลายวิดีโอเกม (Valheim เมื่อตอนต้นปีก็คือหนึ่งในนั้น) และคราวนี้มันถูกนำเสนอผ่านเกมแนว Action RPG + Tower Defense และยังเป็นเกม Open World แบบเต็มรูปแบบอีกด้วย ผู้เล่นจะได้ออกสำรวจ หาวัตถุดิบ สิ่งของ ในตอนกลางวัน และต้องกลับมาป้องกันบ้านในตอนกลางคืน ซึ่งอันนี้เปรียบเสมือนกับโหมดเนื้อเรื่องของเกม (โหมดตำนานหรือ Saga Mode) ที่เหมือนกับว่าเกมจะบังคับให้เราต้องจบเกมให้ได้ ไม่งั้นเกมจะยิ่งยากขึ้นจนผู้เล่นเอาไม่อยู่

ที่น่าสนใจคือเกมนี้ใช้วิธีการเล่นแบบจบเป็นรอบ ๆ ไป ดังนั้นใครที่คิดว่ามันเป็นเกม Action RPG เก็บเลเวลยาวไปเรื่อย ๆ ก็ต้องคิดใหม่ เพราะเมื่อผู้เล่นพลาดท่าป้องกันต้นอิกดราซิลไม่ได้ เกมในรอบนั้นก็จะจบลง และคุณจะได้ EXP ไปอัปเลเวล Battle Pass แทน ซึ่งของที่ปลดล็อคจาก Battle Pass ก็ถือว่ามีประโยชน์ในการเล่นแบบจริง ๆ ไม่ใช่แค่ของแต่งทั่วไปเหมือนที่ Battle Pass เกมอื่น ๆ ทำ ทำให้ผู้เล่นรู้สึกมีแรงบันดาลใจเพื่อที่จะเล่นต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อปลดของดี ๆ มาใช้

ที่สำคัญหากคุณจะปลดล็อคคลาสทั้งหมดในเกมที่มีอยู่มากถึง 8 คลาสด้วยกัน ก็จำเป็นจะต้องเล่นในโหมดตำนานนี้เท่านั้น และเมื่อปลดล็อคคลาสทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว ยังมีอีกโหมดที่รอคุณอยู่นั่นคือโหมด Survival หรือโหมดเอาตัวรอด ซึ่งโหมดนี้ผู้เล่นจะสามารถออกแบบเกมของตัวเองได้ จะเอายาก เอาง่ายแค่ไหนตามสบาย แต่มันจะส่งผลกับตัวคูณ EXP ของคุณด้วย ยิ่งถ้าปรับให้เล่นยากแค่ไหน คุณก็จะได้ EXP มากขึ้นเท่านั้น และการจะจบเกมได้ มีวิธีเดียวคือคุณยอมแพ้ หรือปล่อยให้ต้นอิกดราซิลตาย เป็นโหมดสำหรับเล่นยาว ๆ เพื่อเก็บเลเวลนั่นเอง

ในตัวเกมโหมดตำนานนั้น ผู้เล่นจะสามารถจบเกมได้ด้วยการทำภารกิจเนื้อเรื่องให้เสร็จสิ้น ซึ่งจะใช้เวลานานมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้เล่นและสมาชิกทีมเอง จะฟาร์มไปยาวแค่ไหนก็ได้ แต่มันจะเริ่มยากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงวันหลัง ๆ แต่ถ้าผู้เล่นไม่สามารถจบเนื้อเรื่องได้ และรู้สึกว่าสู้ไม่ไหวแล้ว ก็สามารถจบเกมได้เอง โดยไปยังสะพานไบฟรอสท์ แล้วกดจบเกม ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการเล่นรอบนั้น

จากประสบการณ์ผู้เขียนที่มีปาร์ตี้เล่นด้วยกันสูงสุดถึง 7 คน ใน 1 รอบการเล่น หากเล่นเป็นทีม แบ่งกันหาของ ป้องกันบ้าน 1 รอบการเล่นสามารถเล่นได้ยาวไม่ต่ำกว่า 2-3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย และอย่าลืมว่าเราจะปลดล็อคคลาสต่าง ๆ ได้ในโหมดตำนานเท่านั้น ถ้ายังปลดไม่ครบ ก็อย่าเพิ่งไปลองโหมดเอาตัวรอดจะดีกว่า เพราะจะเล่นลำบากโดยไม่จำเป็น บางคลาสนั้นโหดเกินหน้าเกินตาคลาสอื่น ๆ เป็นอย่างมาก

ที่ขาดไม่ได้เลยคือส่วนของการแปลภาษาไทย ในตอนแรกนั้นผู้เขียนก็ไม่ได้ทราบมาก่อนว่าเกมนี้จะมีการแปลเป็นภาษาไทยด้วย และเมื่อถึงวันที่เกมเปิดให้เล่นจริง ๆ สิ่งที่ต้องชื่นชมส่วนหนึ่งก็คือการแปลเป็นภาษาไทยนี่เอง เพราะหลังจากที่ลองเล่นมาเกิน 10 กว่าชั่วโมงนั้น นี่ไม่ใช่การแปลแบบลวก ๆ หรือแปลให้มันจบ ๆ ไป แต่ผ่านการขัดเกลาและเลือกการใช้คำให้เหมาะสมกับยุคสมัยและธีมของเกมมาแล้ว ซึ่งทำให้มีอารมณ์ร่วมในการเล่นเป็นอย่างมาก ที่สำคัญคือมันทำให้เราเข้าใจเนื้อหา หรือระบบเกมได้มากขึ้นอย่างชัดเจน นี่คืออีกเกมที่แปลเป็นภาษาไทยได้อยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม แม้จะมีคำผิดหรือคำแปลก ๆ ให้ได้เห็นบ้าง แต่ภาพรวมคือดีเลย

ภาพรวมของเกมนี้คือ หากคุณมีเพื่อนเล่นแบบเต็มสูบฟูลปาร์ตี้ นี่คือเกมที่จะผลาญเวลาของคุณอย่างรวดเร็วจนนึกว่าคุณนั่งไทม์แมชชีนได้ แต่มันไม่เหมาะกับการเล่นคนเดียวสักเท่าไร คือเล่นได้ แต่คุณจะเข้าถึงคอนเทนต์ของเกมได้ไม่มากเท่าที่ควร เพราะอะไรเราจะพาคุณไปหาคำตอบกันในส่วนของ Gameplay

Gameplay

อย่างที่ได้กล่าวไปว่า ตัวเกมเป็นเกมแนว Action RPG + Tower Defense + Open World หลากหหลายแนวในเกมเดียวเหลือเกิน แต่ความดีงามของมันคือ มันผสมผสานทุกอย่าง ทุกระบบลงไปได้อย่างลงตัว ถ้าหากว่าคุณมีเพื่อนเล่นล่ะก็นะ..

ในเวลากลางวัน จะเป็นช่วงเวลาที่คุณสามารถออกไปผจญภัยในโลกกว้าง เป้าหมายคือออกตามหาทรัพยากรเพื่อนำกลับมาใช้คราฟท์อาวุธ ชุดเกราะ หรือสร้างกำแพงบ้าน ป้อมธนูเพื่อเอาไว้ช่วยป้องกันศัตรูหรือเหล่าเฮลธิงที่จะบุกมาในตอนกลางคืน ดังนั้นเกมการเล่นในตอนกลางวัน ตัวเกมจึงมีความเป็นเกม Action RPG Open World ออกไปต่อสู้ เจอศัตรู เก็บของ สภาพภูมิประเทศที่ถูกแบ่งเป็นเขตแดน การจะเข้าไปยังเขตแดนใหม่ ๆ ก็ต้องดูสภาพอากาศ เพราะตัวละครของเราร้อนได้ หนาวเป็น ถ้าไม่มีของป้องกันก็ยากหน่อย และแน่นอนว่าของดี ๆ มักจะอยู่ในที่อันตรายเสมอ ๆ

ส่วนตอนกลางคืน ตัวเกมจะพลิกกลายมาเป็นแนว Tower Defense เราจะต้องป้องกันต้นไม้อิกดราซิลที่อยู่ใจกลางหมู่บ้านไม่ให้พลังชีวิตลดเหลือ 0 ถ้าลดจนเหลือ 0 ก็แพ้ เกมจบทันที หมู่บ้านของเราจะมีทั้งหมด 3 ทางด้วยกัน คือด้านบนสองทาง ด้านล่างอีกหนึ่งทาง และศัตรูจะมาเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงเช้า และทีเด็ดคือบางคืนจะเป็นการสุ่มเกิดคืนพระจันทร์สีแดง ซึ่งคืนที่มีพระจันทร์สีแดง ศัตรูจะมาเยอะกว่าปกติ และมีเหล่าตัวโหดมาแจมด้วย ทำให้การป้องกันเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก นี่คือสาเหตุข้อหนึ่งของการที่เล่นคนเดียวแล้วจะลำบากมากขึ้น

สิ่งที่ทำให้เกมนี้มีความโหดร้ายอยู่ก็คือ เกมนี้จะมีระบบ Soul หรือดวงวิญญาณที่เราจะสามารถหาได้จากการกระทำทุกอย่างในเกม ไม่ว่าจะเป็นตัดไม้ เก็บแร่ ขุดเหมือง ต่อสู้กับศัตรู และเจ้า Soul นี่แหละ มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะหากจะฟื้นฟูพลังชีวิตให้ต้นอิกดราซิล ก็ต้องใช้ค่านี้ จะใช้อัปเกรด NPC, อัปเกรดสิ่งของป้องกันเมือง ล้วนต้องใช้ค่า Soul ทั้งสิ้น และในโหมดตำนาน หากอยากจะจบเนื้อเรื่องก็ต้องใช้ค่า Soul นี้ด้วย แต่ปัญหาของมันคือความโหดร้ายที่คล้าย ๆ กับเกม Dark Souls และอาจจะโหดร้ายกว่า นั่นคือหากคุณพลาดท่าตายขึ้นมา Soul ทั้งหมดจะหายไปในทันที และไม่มีโอกาสกลับมาเก็บใหม่ทั้งสิ้น ไอเทมทั้งหมดจะหล่นอยู่ที่พื้น แต่ Soul จะหายไปแบบตลอดกาล มีอยู่เท่าไรก็เสียทั้งหมดนั่นแหละ ดังนั้นโปรดจำไว้ว่า หากฟาร์มมาพอสมควรจนมี Soul เยอะ ให้รีบนำมันไปอัปเกรด หรือทำอะไรก็ได้ เหลือติดตัวไว้ให้น้อยที่สุด หรือไม่มีติดตัวไว้เลยจะเป็นการดี ของนั้นตายไปยังเก็บใหม่ได้ แต่ Soul ตายที มีเท่าไรก็หายไปทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ภายในหมู่บ้านของเรานั้น จะเต็มไปด้วย NPC จำนวนหนึ่ง ซึ่งจะมีหน้าที่ในการคราฟท์ชุดเกราะ อาวุธ อุปกรณ์ใช้งานทั้งหลาย และนอกจากพวกเขาจะคราฟท์สิ่งของให้เราได้แล้ว ยังสามารถช่วยเราต่อกรกับพวกปีศาจที่มาบุกหมู่บ้านเราตอนกลางคืนได้ด้วย โดยเจ้า NPC เหล่านี้สามารถอัปเกรดด้วย Soul เพื่อเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ได้ ต้องบอกว่ายิ่งอัปยิ่งโหด บางตัววิ่งไปฟาดมอนสเตอร์ทีเดียวก็แทบจะแรงกว่าเราแล้วในช่วงต้นเกม ซึ่งหากเล่นกันเป็นปาร์ตี้ ยังไงก็ต้องอัป NPC ทุกตัวให้สุด เพื่อปลดล็อคไอเทมระดับสูงมาใช้งานกัน

วัตถุดิบการคราฟท์ไอเทม ยิ่งระดับสูงยิ่งต้องใช้ไอเทมเฉพาะทาง ซึ่งอาจจะเกิดเฉพาะในบางพื้นที่ หรือเกิดเฉพาะในเวลากลางคืน นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้การเล่นคนเดียว แทบจะเป็นไปไม่ได้ในช่วงคืนวันที่ 6-7 ขึ้นไป โดยเฉพาะเมื่อตัวเกมเข้าสู่หน้าหนาว ที่จะกลายเป็นกลางคืนไร้สิ้นสุด มีศัตรูมาบุกบ้านเรื่อย ๆ คนที่เล่นคนเดียว ก็ไม่มีโอกาสจะออกไปหาไอเทมพิเศษที่เกิดเฉพาะตอนกลางคืนได้เลย ทำให้ไอเทมตัน และสู้ไม่ไหวในที่สุด และการเล่นแบบปาร์ตี้หลายคน เราก็ยังต้องจัดการแบ่งงานกันให้ดี ว่าใครจะกันบ้าน หรือใครจะออกไปหาของตอนกลางคืนด้วย เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการเล่น

ไฮไลท์สำหรับการป้องกันหมู่บ้านคือ ทุก ๆ 2-3 วัน เกมจะทำการสุ่มยักษ์โยตุนน์ลงมาในโลก และมันจะค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้ามาหาหมู่บ้านเราเรื่อย ๆ เราเลือกได้ว่าจะบุกไปฆ่ามันเลย หรือจะรอให้มันเข้ามาในระยะที่เราเดินทางไปไหวก่อน เพราะปกติส่วนมากจุดเกิดของยักษ์โยตุนน์จะอยู่ไกลมาก ๆ กว่าจะเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ก็ต้องใช้เวลา ซึ่งบางครั้งมันอาจจะอยู่ไกลเกินจุดที่เราจะไปไหว ก็ไม่ต้องรีบ แต่ขอให้จำไว้ว่า มันเป็นช่วงเวลาที่ต้องรีบหาของเพื่อมารับมือ และยักษ์โยตุนน์เองก็มีธาตุของมัน ดังนั้นเตรียมอาวุธที่ชนะธาตุเอาไว้ก็จะดีมาก

ลึกลงไปกว่านั้น ตัวเกมใส่ระบบธาตุเข้ามาในทั้งชุดและอาวุธซึ่งจะส่งผลกับการเล่นโดยตรง แม้จะมีแค่ 4 ธาตุแต่ก็มีการแพ้ชนะทางกันด้วย และชุดบางชุดมีคุณสมบัติในการป้องกันอากาศตรงพื้นที่นั้น เช่น พื้นที่ทะเลทรายจะเกิดอากาศร้อนอบอ้าว ก็ต้องใส่ชุดแบบพิเศษ หรือโซนทุ่งหิมะที่อากาศหนาว ก็ต้องใส่ชุดที่มีคุณสมบัติกันหนาว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อควรระวังและมือใหม่หลายคนต้องงงกันอย่างแน่นอน และต้องใช้เวลากันหลายคนกว่าจะเข้าใจ

ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อผู้เล่นรู้สึกพอใจกับของ กับเลเวล กับทุกสิ่งที่ได้มา การจบเนื้อเรื่องด้วยการตีบอสหมาป่าก็จะเป็นการจบเกมรอบนั้น ๆ หรือใครไปต่อไม่ไหว ของขาด ไอเทมไม่พอใช้ ก็อย่าฝืนรอให้ต้นอิกดราซิลโดนตีตาย แต่ให้ไปหาสะพานไบฟรอสท์เพื่อกลับสู่วัลฮัลล่า และจบเกมรับรางวัลในที่สุด

ภาพรวมของ Tribes of Midgard จึงอาจไม่ใช่เกมอย่างที่ใครหลายคนคิด อย่างแรก คือการเล่นคนเดียวนั้น สามารถทำได้ แต่การเข้าถึงคอนเทนต์หรือระบบการเล่น ยังไงก็สู้คนที่มีเพื่อนเล่นไม่ได้ ด้วยจำนวนผู้เล่นสูงสุดถึง 10 คน หากถามว่ามีกี่คนถึงจะพอ คำตอบคือ 2-10 คน ได้หมด แต่ ยิ่งเยอะ ยิ่งดี ยิ่งสนุก อาจจะมีข้อเสียหน่อยคือ ความยากของเกมรอบนั้น ๆ จะ Generate ตามจำนวนผู้เล่น ยิ่งเล่นกันเยอะ เกมก็จะยากขึ้น แต่ก็ถือว่ามีจำนวนคนมาช่วยเป็นการทดแทนแล้วนั่นเอง

Performance

Tribes of Midgard สร้างขึ้นมาด้วย Unreal Engine 4 แน่นอนว่าเป็นเอนจิ้นยอดฮิตของเกมยุคนี้สมัยนี้ และด้วยความที่เกมนี้เป็นกราฟิกแบบภาพการ์ตูนหน่อย ๆ ก็ตัดปัญหาเรื่องกินสเปคไปได้เลย แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ เหมือนตัวเกมจะมีปัญหาในเรื่องของบั๊กอยู่พอสมควร ทั้งศัตรูที่วิ่งกระโดดลงมาได้ หรือเกิดอาการเอ๋อ ลอยอยู่บนหัวเราก็มี อาจเป็นเพราะระบบ Auto Detect ของศัตรู ทำงานขัดกับสิ่งปลูกสร้างภายในเกมทั้งหลาย จึงทำให้เกิดบั๊กจำนวนมาก แต่ก็โชคดีไปที่มันไม่ใช่บั๊กที่ร้ายแรงและส่งผลกระทบกับการเล่นโดยตรง

อีกปัญหาหนึ่งที่เจอบ่อย ๆ คืออาการเฟรมเรทตกแบบกู่ไม่กลับ แต่ตลอดเวลาการเล่นกว่า 12 ชั่วโมงก็เจออยู่เพียงสองครั้ง ซึ่งคาดว่าเป็นปัญหาที่ตัวเกมเอง หากเป็นก็อาจจะต้องเซฟเกมแล้วกลับเข้ามาใหม่

แต่จากประสบการณ์ผู้เขียนก็เจอเพียงน้อยนิดเท่านั้น และมันไม่ได้ทำลายตัวเกมจนถึงขั้นเล่นไม่ได้ ในขณะที่ Setting ของเกมก็ทำมาให้พอสมควร ปรับให้ตั้งค่าเล่นกับคอนโทรลเลอร์ได้ และมีการยืนยันว่าในอนาคตนั้น จะรองรับการเล่นครอสแพลตฟอร์มอีกด้วย ดังนั้นเกมนี้ถือว่าค่อนข้างอนาคตไกล ส่วน Performance ในส่วนของบั๊กตอนนี้ก ก็อาจจะต้องรอการแก้ไขไปแบบแพทช์ต่อแพทช์

Tribes of Midgard นั้น ถือว่าเป็นเกม Action RPG + Tower Defense ที่มีศักยภาพมากพอจะไปต่อยาว ๆ อนาคตอาจมีการเพิ่มโหมดใหม่ ๆ มาสนับสนุนการเล่นคนเดียวมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าคุณเป็นคนรวยเพื่อน นี่คือเกมที่คุณกับเพื่อนอีก 9 คนจะเอ็นจอยไปด้วยได้ง่าย ๆ แบบดูดเวลากันเลยทีเดียว

Score สำหรับเล่นคนเดียว 6.4/10

Score สำหรับคนมีเพื่อน 9.1/10

 

SHARE

Aisoon Srikum

Back to top